โยชูวา 7:26 - พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย26 แล้วชาวอิสราเอลก็เอาก้อนหินมากองทับร่างของเขาไว้และมันก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ นั่นเป็นเหตุที่เขาเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าหุบเขาอาโคร์ หลังจากนั้นพระยาห์เวห์ก็หายจากความโกรธที่แผดเผานั้น この章を参照その他のバージョンฉบับมาตรฐาน26 แล้วเอาหินถมทับเขาไว้เป็นกองใหญ่ยังอยู่จนทุกวันนี้ และพระยาห์เวห์ก็ทรงหันกลับจากพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์ เพราะฉะนั้นจนถึงทุกวันนี้ เขายังเรียกที่นั้นว่าหุบเขาอาโคร์ この章を参照พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV26 แล้วเอาหินถมกองทับเขาไว้เป็นกองใหญ่ยังอยู่จนทุกวันนี้ และพระเยโฮวาห์ก็ทรงหันกลับจากพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์ เพราะฉะนั้นจนถึงทุกวันนี้เขายังเรียกที่นั้นว่าหุบเขาอาโคร์ この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย26 แล้วเอาหินสุมทับอาคานเป็นพะเนิน ซึ่งยังคงอยู่ตราบทุกวันนี้ สถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่าอาโคร์ ตราบเท่าทุกวันนี้ แล้วพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สงบลง この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 194026 ได้ถมหินทับเขาไว้เป็นกองใหญ่ซึ่งยังอยู่จนทุกวันนี้. แล้วพระยะโฮวาทรงหวนพระทัยจากความพิโรธอันยิ่งของพระองค์ เหตุฉะนี้ตำบลนั้นได้ชื่อว่า, “หุบเขาอาโคระ” (เดือดร้อน) จนทุกวันนี้ この章を参照พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)26 ชาวอิสราเอลใช้ก้อนหินสุมทับตัวเขาเป็นกองพะเนินซึ่งยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็หายจากความโกรธอันร้อนแรง ฉะนั้นสถานที่นั้นเรียกว่า หุบเขาอาโคร์มาจนถึงทุกวันนี้ この章を参照 |
และได้เสียบศพของกษัตริย์เมืองอัยบนต้นไม้จนกระทั่งถึงตอนเย็น และเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า โยชูวาจึงสั่งให้ปลดศพของกษัตริย์ลงมาจากต้นไม้และนำไปทิ้งไว้ที่ทางเข้าประตูเมือง แล้วพวกเขาได้ยกเอาก้อนหินมาทับไว้จนเป็นกองใหญ่และมันก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้
พระองค์จะทำให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระยาห์เวห์มีแผนชั่วในใจ ถึงได้พาชาวอิสราเอลออกมา เพื่อพระองค์จะได้ฆ่าพวกเขาที่ภูเขาและทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้’ ขอให้หันจากความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ด้วยเถิด และขอให้พระองค์เปลี่ยนใจ อย่าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับประชาชนของพระองค์เลย
ขอให้หัวหน้าของเรายืนเป็นตัวแทนที่ชุมนุมทั้งหมดนี้ และให้ทุกคนในเมืองของเราที่แต่งงานกับหญิงต่างชาติ มาตามนัดที่กำหนดไว้ โดยมีพวกผู้ใหญ่ของแต่ละเมือง รวมทั้งพวกผู้พิพากษามากับพวกเขาด้วย จนกว่าความโกรธที่เผาผลาญของพระเจ้าของเราในเรื่องนี้จะหันไปจากพวกเรา”