เยเรมีย์ 49:3 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19403 โอ้เฮ็ศโบน, เจ้าจงเห่าร้องเพราะเมืองอายต้องทำลายเสียแล้ว, เจ้าพวกหญิงแห่งรามาเอ๋ย, จงร้องไห้เอาผ้าหยาบๆ มารัดเอวไว้. จงร้องครางแลวิ่งไปมา ณ ท่ามกลางรั้วทั้งหลาย, เพราะมาละโคมจะต้องเข้าในความชะเลย, ทั้งพวกพระสงฆ์แลพวกเจ้านายของมาละโคมด้วย. この章を参照その他のバージョンฉบับมาตรฐาน3 “เฮชโบนเอ๋ย จงคร่ำครวญเพราะเมืองอัยถูกทิ้งร้าง ชาวนครรับบาห์เอ๋ย จงร้องร่ำไร จงเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้ จงโอดครวญ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในกำแพง เพราะพระมิลโคมจะต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย พร้อมกับปุโรหิตและเจ้านายของมัน この章を参照พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV3 โอ เฮชโบนเอ๋ย จงคร่ำครวญ เพราะเมืองอัยถูกทำลาย บุตรสาวแห่งนครรับบาห์เอ๋ย จงร้องร่ำไร จงเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้ จงโอดครวญ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ท่ามกลางรั้วต้นไม้ เพราะกษัตริย์ของพวกเขาจะต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย พร้อมกับปุโรหิตและเจ้านายของมัน この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย3 “เฮชโบนเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะอัยถูกทำลายแล้ว! ชาวรับบาห์เอ๋ย ร้องออกมาเถิด จงสวมเสื้อผ้ากระสอบและร่ำไห้เถิด และวิ่งพล่านไปมาภายในกำแพง เพราะพระโมเลคจะถูกเนรเทศ ไปพร้อมกับบรรดาปุโรหิตและเหล่าขุนนางของตน この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย3 เฮชโบน ร้องไห้สิ เพราะเมืองอัยถูกทำลายแล้ว ลูกสาวทั้งหลายของรับบาห์ ร้องขอความช่วยเหลือสิ สวมใส่เสื้อผ้ากระสอบซะ ร้องไห้ และเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมายในคอกแกะนั้น เพราะพระโมเลคจะถูกเนรเทศไป พร้อมกับพวกนักบวชและพวกเจ้าหน้าที่ของมัน この章を参照พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)3 “โอ เฮชโบนเอ๋ย เมืองอัยถูกพังพินาศ โอ บุตรหญิงของรับบาห์เอ๋ย ส่งเสียงร้องและสวมผ้ากระสอบเถิด ร้องโหยไห้และวิ่งไปมาในบริเวณกำแพงเมืองเถิด เพราะมิลโคมจะไปเป็นเชลย ร่วมกับบรรดาปุโรหิตและผู้นำของเขา この章を参照 |
ที่นมัสการบนเนินสูงข้างหน้ากรุงยะรูซาเลม, ซึ่งอยู่ข้างขวาภูเขาแห่งความมลทิล, ที่ซะโลโมกษัตริย์ยิศราเอลได้สร้างสำหรับไว้อัศโธเร็ธพระอันน่าเกลียดของชาวซีโดน, สำหรับไว้คีโมศพระอันน่าเกลียดของชาวโมอาบ, และสำหรับไว้มิลโคมพระอันน่าเกลียดของชาวอำโมน, กษัตริย์นั้นก็ทำให้เป็นที่มลทิลไป.
เพราะเขาเหล่านั้นได้ละทิ้งเราเสียแล้ว, และได้ไหว้นมัสการอัศธาโรธพระหญิงแห่งชาวซีโดน, และคีโมศพระแห่งชาติโมอาบ, และโมเล็คพระแห่งชาติอำโมน, และเขาเหล่านั้นหาได้ประพฤติตามทางของเราไม่, มิได้ทำซึ่งเป็นที่ชอบธรรมใน คลองพระเนตรแห่งเรา, และมิได้รักษาข้อกฎหมาย, และข้อพิพากษาของเรา, เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเขา.
ครั้นถึงปีใหม่ตามเวลาที่กษัตริย์เคยยกทัพไป, ดาวิดจึงใช้โยอาบกับข้าราชการและบรรดาพลทหารยิศราเอล, ให้ไปสังหารพวกอำโมน, แล้วล้อมกรุงราบาไว้. แต่ดาวิดยังประทับอยู่ ณ กรุงยะรูซาเลม ต่อมาเพลากลางคืนดาวิดเสด็จออกจากพระแท่นบรรทม, ทรงดำเนินไปมาบนหลังคาพระราชวัง, ทอดพระเนตรเห็นหญิงกำลังอาบน้ำอยู่, นางนั้นรูปร่างสวยน่ารัก. เมื่อดาวิดทรงใช้ให้คนไปสืบถามถึงนางนั้น, เขาทูลว่า, นางชื่อบัธเซบะ, บุตรหญิงของเอลีอาม, ภรรยาของอูรียาชาติเฮธมิใช่หรือ? ดาวิดทรงใช้ให้คนไปรับหญิงนั้นมาเฝ้า, แล้วท่านได้ทรงร่วมรู้กับนาง, เพราะซึ่งถือว่าเป็นมลทินนั้นได้ชำระแล้ว, นางนั้นจึงกลับไปบ้านของตน. ภายหลังก็มีครรภ์, จึงใช้ให้ไปทูลว่า, ข้าพเจ้ามีครรภ์แล้ว ดาวิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า, จงให้อูรียาชาติเฮธมาหาเราโยอาบจึงได้ใช้อูรียาให้ไปเฝ้าดาวิด. ครั้นอูรียามาเฝ้าแล้ว, ดาวิดจึงทรงถามถึงข่าวคราวโยอาบและพลทหารและการสงครามเป็นอย่างไรบ้าง. ดาวิดมีพระราชดำรัสสั่งอูรียาว่า, ให้ไปล้างเท้าของตนที่บ้าน, เมื่ออูรียาออกไปจากพระราชวังแล้ว, กษัตริย์ทรงใช้ให้คนตามไปส่งของบริโภค. แต่อูรียาพักนอนอยู่กับพวกข้าราชการที่พระทวารราชวัง, หาได้ลงไปบ้านของตนไม่. เมื่อเขาทูลดาวิดว่า, อูรียาไม่ได้ลงไปบ้านของตน, ดาวิดทรงดำรัสถามอูรียาว่า, มาแต่ทางไกลมิใช่หรือ? ทำไมเจ้าไม่ลงไปบ้านของตนเล่า? อูรียาทูลดาวิดว่า, หีบสัญญาไมตรีและกองทัพยิศราเอลกับยูดาอยู่ในกะท่อม, อนึ่งโยอาบนายของข้าพเจ้าทั้งพรรคพวกตั้งค่ายอยู่ตามทุ่งนา, ส่วนข้าพเจ้าจะเข้าบ้านของตน, เพื่อจะกินและดื่มและนอนกับภรรยาสมควรหรือ? ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ข้าพเจ้าจะไม่ทำอย่างนั้นเลย. ดาวิดจึงมีพระราชดำรัสสั่งอูรียาว่า, วันนี้จงคอยอยู่อีก, พรุ่งนี้เราจึงจะให้ไป. อูรียาจึงพักอยู่ ณ กรุงยะรูซาเลมอีกวันนั้นกับวันรุ่งขึ้นด้วย. เมื่อดาวิดรับสั่งให้มาเฝ้า, แล้วทรงเลี้ยงอาหารและดื่มจนเมา, ครั้นเวลากลางคืนอูรียาก็ไปนอนพร้อมกับข้าราชการไม่ได้ลงไปบ้านของตนเลย ครั้นรุ่งเช้าดาวิดทรงฝากลายพระหัตถ์ให้อูรียาไปส่งให้โยอาบ. ในลายพระหัตถ์นั้นมีพระราชโองการสั่งว่า, จงตั้งอูรียาให้เป็นกองหน้า, ให้เข้าไปยังที่ๆ ข้าศึกแข็งแรง, แล้วท่านทั้งหลายจึงถอยหลังปล่อยให้ถูกฆ่าฟันตาย. ฝ่ายโยอาบเมื่อตั้งทัพล้อมอยู่, ก็สั่งอูรียาให้อยู่ตำบลที่รู้ว่ามีทหารฉกรรจ์อยู่ที่นั่น. ชาวเมืองนั้นออกมาสู้โยอาบ, พลทหารของดาวิดก็สู้ล้มตายบ้าง, อูรียาชาติเฮธก็ตายด้วย. โยอาบจึงใช้คนไปทูลดาวิดให้ทรงทราบเรื่องการศึกทั้งสิ้น, สั่งว่าเมื่อทูลกษัตริย์ถึงเรื่องการสงครามจบแล้ว. ถ้าพระองค์จะทรงกริ้ว, และจะทรงถามว่า, เมื่อทำศึกทำไมเจ้าทั้งหลายเข้ามาใกล้เมืองเล่า? เจ้าไม่รู้หรือว่าเขาจะยิงมาจากบนกำแพง? ใครฆ่าอะบีเมเล็คบุตรยะรูบะเซ็ธตาย? หญิงอยู่บนกำแพงเอาหินโม่แป้งซีกข้างบนทิ้งลงมาทับเขาตายที่เมืองเธเบศมิใช่หรือ? เจ้าทั้งหลายเข้าชิดกำแพงทำไมเล่า? แล้วจงทูลว่า, อูรียาชาติเฮธข้าราชการสิ้นชีวิตแล้ว คนใช้ก็ไปเฝ้าดาวิดทูลตามที่โยอาบสั่งทุกประการ. ทูลกษัตริย์ว่า, ข้าศึกได้ชัยชะนะต่อพวกข้าพเจ้า, แล้วไล่ติดตามมาถึงทุ่งนาพวกข้าพเจ้าเข้าไปรบจนกระทั่งพระทวารเมือง. ทหารธนูบนกำแพงยิงถูกพวกข้าพเจ้าตายบ้าง, อูรียาชาติเฮธข้าราชการก็ตายด้วย. ดาวิดทรงพระดำรัสสั่งคนใช้ว่า, จงบอกโยอาบว่าอย่าน้อยใจเพราะเหตุนี้เลย, ด้วยกระบี่จะสังหารไม่เลือกหน้าว่าผู้นั้นหรือผู้นี้เลย, จงสู้รบหนักเข้าตีเอากรุงนั้นให้จงได้, จงพูดอุดหนุนท่านให้มีใจกล้าขึ้น ครั้นภรรยาอูรียารู้ว่าสามีตายแล้ว, นางก็ไว้ทุกข์. เมื่อไว้ทุกข์ครบกำหนดแล้ว, ดาวิดทรงใช้คนให้ไปรับนางมาไว้ในราชวังนางจึงได้เป็นมเหษีประสูติราชบุตร, แต่พระยะโฮวาไม่ทรงพอพระทัยที่ดาวิดได้กระทำอย่างนี้