เยเรมีย์ 11:7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19407 เพราะเราได้ว่ากล่าวแข็งแรงแก่ปู่ย่าตายายของพวกเจ้าในวันที่เราได้พาพวกเขาออกจากประเทศอายฆุบโต, ได้ว่าเขาจนถึงทุกวันนี้, ได้ลุกขึ้นแต่เช้ามืด, (ทุกวัน), แลได้ว่ากล่าวบอกว่า, จงฟังเสียงของเราเถิด. この章を参照その他のバージョンฉบับมาตรฐาน7 เพราะเราได้กล่าวตักเตือนอย่างแข็งขันต่อบรรพบุรุษของเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ตักเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จนถึงทุกวันนี้ กล่าวว่า จงฟังเสียงของเรา この章を参照พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV7 เพราะเราได้กล่าวตักเตือนอย่างแข็งแรงต่อบรรพบุรุษของเจ้า ในวันที่เรานำเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ แม้จนถึงทุกวันนี้อย่างไม่หยุดยั้งกล่าวตักเตือนว่า จงเชื่อฟังเสียงของเรา この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย7 ตั้งแต่เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “จงเชื่อฟังเรา” この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย7 ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราเตือนบรรพบุรุษของเจ้า นับตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราเตือนพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อนว่าให้ฟังเสียงของเรา この章を参照พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)7 เพราะเราได้เตือนบรรพบุรุษของพวกเจ้าล่วงหน้าอย่างจริงจัง เมื่อเรานำพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราเตือนพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกมาจนถึงทุกวันนี้ เราบอกว่าให้เชื่อฟังเรา この章を参照 |
พระองค์ตรัสว่า, “ถ้าเจ้าทั้งหลายจะเชื่อฟังคำตรัสของยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, จะประพฤติในทางชอบต่อพระพักตรของพระองค์, จะเงี่ยหูฟังพระบัญญัติ, และจะรักษาข้อปฏิบัติของพระองค์ทุกประการ, โรคต่างๆ ซึ่งเราได้บันดาลให้เกิดแก่ชาวอายฆุบโตนั้น, เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย; เพราะเราคือยะโฮวาผู้รักษาเจ้า.”
เราได้ใช้แต่บรรดาคนทำนายเป็นคนรับใช้ของเรา, ให้ไปถึงพวกเจ้าด้วย, อุสส่าห์ตื่นขึ้นแต่เช้าแลใช้เขาให้ไปบอกว่า, เจ้าทั้งหลายจงหันกลับจากทางชั่วของตัวทุกตัวคน, แลดัดแปลงการประพฤติทั้งหลายของตน, แลอย่าไปตามพวกพระอื่นเพื่อจะได้ปรนนิบัติมันเลย, แลเจ้าจึงจะได้อาศัยอยู่ในประเทศ, ซึ่งเราจะได้ยกมอบไว้แก่พวกเจ้าแลพวกบิดาของเจ้า, แต่เจ้าทั้งหลายหาได้เงี่ยโสตของพวกเจ้าลงไม่, แลหาได้ฟังเราไม่.
เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, เพื่อฟังถ้อยคำของพระองค์, และนับถือพระองค์, เพราะพระองค์เป็นชีวิตของเจ้า, เป็นผู้ทรงโปรดให้เจ้าทั้งหลายมีชีวิตยั่งยืนอยู่; เพื่อ เจ้าทั้งหลายจะได้ตั้งอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงปฏิญาณไว้กับปู่ย่าตายายของเจ้า, คืออับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ. ว่าจะประทานให้แก่ท่าน
คำสั่งสอนของโยนาดาบบุตรของเรคาบ, ที่เขาได้สั่งพวกบุตรไม่ให้ดื่มน้ำองุ่นนั้น, ก็สำเร็จแล้ว, ด้วยว่าจนถึงทุกวันนี้พวกบุตรของเขาก็มิได้กินน้ำองุ่น, แต่ได้ประพฤติตามคำที่บิดาเขาสั่งไว้. ฝ่ายเราได้บอกแก่พวกเจ้า, แลได้ตื่นขึ้นแต่เช้าแลได้อุสส่าห์สั่งสอนอยู่, แต่เจ้าทั้งปวงหาได้ยินฟังคำเราไม่.
จงอย่าได้เป็นดุจปู่ย่าตายายแห่งท่านทั้งหลายเลย, อันพวกผู้พยากรณ์โบราณได้ร้องตักเตือนนั้นว่า, ยะโฮวาแห่งพลโยธาทั้งหลายตรัสดังนี้ว่า, ท่านทั้งหลายจงกลับใจออกจากทางผิด, แลจากการประพฤติอันชั่วแห่งท่านทั้งหลาย, พระยะโฮวาตรัสว่า, แต่เขาไม่เชื่อฟังไม่ประพฤติตามเรา.
พระยะโฮวายังทรงเป็นพะยานต่อชาวยิศราเอล, และชาวยูดาย, โดยผู้พยากรณ์ทั้งปวง, และโดยผู้อาจเล็งเห็นการลึกซึ้งทั้งปวงนั้นว่า, เจ้าทั้งหลายจงหันกลับจากทางชั่วทั้งปวงของเจ้า, และรักษาบัญญัติและข้อกฎหมายของเรา, ตามพระธรรมทั้งสิ้นซึ่งเราได้สั่งแก่ปู่ย่าตายายของเจ้า, และซึ่งเราได้ประกาศแก่เจ้าโดยผู้พยากรณ์ทั้งหลายทาสของเรา.
เป็นประเทศที่มีน้ำนมแลน้ำผึ้งไหลไปมา, แลเขาทั้งหลายได้เข้ามาในประเทศนี้, แลเป็นเจ้าของที่นั่น, แต่เขาทั้งหลายหาได้ฟังเสียงของพระองค์ไม่, แลเขาไม่ได้ดำเนินในกฎหมายของพระองค์, เขาทั้งหลายไม่ได้ประพฤติข้อหนึ่งข้อใดแห่งบรรดาคำที่พระองค์ได้สั่งให้เขาทำนั้น, เหตุฉะนี้พระองค์ได้กระทำบรรดาความร้ายเหล่านี้ให้มาบนเขาทั้งหลาย.
เมื่อถึงปลายปีที่เจ็ด, เจ้าทั้งหลายทุกตัวคน, จงปล่อยทาสของตัวที่เป็นพี่น้องอันเป็นชาติเฮ็บราย, ซึ่งต้องขายตัวให้แก่เจ้านั้น, แลเมื่อผู้ทาสได้ปรนนิบัติเจ้าครบถ้วนหกปีแล้ว, เจ้าจงปล่อยทาสนั้นเสียให้ออกไปจากเจ้าเป็นไทย, แต่ปู่ย่าตายายทั้งหลายของพวกเจ้าหาได้ยินฟังคำเราไม่, หรือไม่ได้เงี่ยหูของเขาลงฟังเลย.