เยเรมีย์ 1:2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19402 คำของพระยะโฮวามาถึงยิระมะยาในปีเดือนของโยซียาผู้เป็นบุตรอาโมน, ผู้เป็นกษัตริย์แห่งตระกูลยะฮูดา, มาถึงในปีที่สิบสามของแผ่นดินโยซียา. この章を参照その他のバージョンฉบับมาตรฐาน2 พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ในรัชกาลของโยสิยาห์โอรสของอาโมน กษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่ 13 แห่งการครองราชย์ของพระองค์ この章を参照พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV2 พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงเยเรมีย์ในรัชกาลโยสิยาห์ โอรสของอาโมน กษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่สิบสามของรัชกาลนี้ この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย2 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบสามของรัชกาลโยสิยาห์ซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์ この章を参照พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย2 ถ้อยคำที่เยเรมียาห์เอามาบอกนี้ เป็นข่าวสารที่พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้เยเรมียาห์รู้ ปีนั้นตรงกับปีที่สิบสามที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์ โยสิยาห์เป็นลูกของอาโมน この章を参照พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)2 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ ในปีที่สิบสามในสมัยของโยสิยาห์บุตรของอาโมนกษัตริย์แห่งยูดาห์ この章を参照 |
พระคำแห่งพระยะโฮวาที่มาถึงโฮเซอาบุตรของบะเอรีในรัชชกาลแห่งอุซียา, โยธาม, อาฮาศและฮิศคียากษัตริย์แห่งประเทศยะฮูดา, และในรัชชกาลของยาราบะอามบุตรของโยอาศกษัตริย์แห่งประเทศยิศราเอล เริ่มแรกที่พระยะโฮวาได้ตรัสโดยปากของโฮเซอานั้น, พระยะโฮวาได้ตรัสแก่โฮเซอาว่า, “จงไปรับหญิงผู้มีนิสสัยนอกใจสามีมาเป็นภรรยา, และเกิดลูกชู้กับเขา; เพราะว่าประเทศบ้านเมืองกำลังกระทำการนอกใจพระยะโฮวายิ่งนัก, และละทิ้งพระองค์ไป.” ดังนั้นท่านจึงไปรับนางโฆเมรลูกสาวของดิบลายิมมาเป็นภรรยา, และนางก็มีครรภ์กับท่านและคลอดบุตรมา. แล้วพระยะโฮวาได้ตรัสแก่ท่านว่า, “จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า ‘ยิศเรล,’ เพราะอีกไม่ช้าเราจะบันดาลให้บาปกรรมซึ่งยิศเรลถูกเยฮูกระทำให้โลหิตตกนั้นกลับไปตกอยู่แก่เชื้อสายของเยฮู, เป็นการแก้แค้นทดแทนกัน, และจะกระทำให้แผ่นดินยิศราเอลเสื่อมศูนย์ไป. และกาลวันนั้นจะมีเหตุการณ์ดังนี้คือ, เราจะหักธนูของแผ่นดินยิศราเอลในที่หว่างเขายิศเรล.” ต่อมานางก็ตั้งครรภ์ขึ้นอีก, และคลอดบุตรเป็นหญิง, และพระยะโฮวาได้ตรัสว่า, “จงตั้งชื่อบุตรว่า ‘โล-รูฮามา,’ เพราะเราจะไม่เมตตาแก่เชื้อวงศ์ของยิศราเอลอีก, พอที่จะโปรดยกบาปผิดของเขา; แต่เราจะเมตตาแก่เชื้อวงศ์ของยะฮูดา; ยะโฮวาพระเจ้าของเขานั้นเองจะทรงช่วยให้เขารอด, โดยมิต้องใช้ธนู, หรือดาบ, หรือการสู้รบ, หรือม้า, หรือทหารม้า.” ครั้นนางได้ให้โล-รูฮามาหย่านมแล้ว, นางก็ตั้งครรภ์อีกและคลอดบุตรเป็นชาย. พระยะโฮวาจึงตรัสว่า, “จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า ‘โล-อัมมี; ‘เพราะหมายความว่าเจ้าทั้งหลายไม่ใช่เป็นพลไพร่ของเรา, และเราก็มิใช่เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย.” “แต่จำนวนพวกยิศราเอลก็ยังจะทวีมากขึ้นเหมือนเม็ดทรายในทะเลซึ่งจะตวงหรือนับไม่ถ้วน; และต่อมาภายหลัง, แทนคำที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า ‘เจ้าทั้งหลายมิใช่เป็นพลไพร่ของเรา’ นั้น, ก็จะมีคำกล่าวแก่เขาว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.’ และพลเมืองยะฮูดาและพลเมืองยิศราเอลจะรวมกัน, และเขาทั้งหลายนั้นจะตั้งผู้หนึ่งให้เป็นประมุข, และจะพากันออกไปจากประเทศ, เพราะวันแห่งยิศเรลนั้น, จะเป็นวันสำคัญมาก.”
ผู้พยากรณ์ได้ร้องถึงแท่นนั้นโดยคำแห่งพระยะโฮวาว่า, โอ้แท่น, โอ้แท่น, พระยะโฮวาตรัสดังนี้; “นี่แน่ะ, จะมีราชบุตรองค์หนึ่งเกิดแก่เชื้อวงศ์แห่งดาวิด, ชื่อโยซียา; บนเจ้านั้นท่านจะเผาปุโรหิตแห่งที่เนินสูงนั้น, ซึ่งเคยเผาเครื่องหอมบนเจ้า, ทั้งจะเผากะดูกคนบนเจ้าด้วย.
คำแห่งพระยะโฮวาที่มาถึงโยเอลบุตรพะธูเอลมีดังนี้: ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายจงฟังข้อความนี้, ประชาชนทั้งหลายจงเงี่ยหูฟัง; ในสมัยของท่านเองหรือในสมัยแห่งบรรพบุรุษของท่าน, เหตุการณ์เช่นนี้ได้เคยมีหรือ? จงเล่าบอกให้บุตรของท่านฟัง, และจงให้บุตรเล่าบอกให้บุตรของเขาฟังอีกต่อหนึ่ง, และให้บุตรของเขาเล่าบอกให้บุตรของเขาฟังตามลำดับชั่วอายุต่อๆ ไป. คือสิ่งซึ่งตั๊กแตนตัวอ่อนได้กินเหลือ, ตั๊กแตนที่เริ่มสอนบินได้มากิน, และสิ่งซึ่งฝูงตั๊กแตนที่เริ่มสอนบินได้กินเหลือ, มีฝูงตั๊กแตนอื่นอีกมากิน; และสิ่งซึ่งฝูงตั๊กแตนนี้กินเหลือก็มีฝูงตั๊กแตนอื่นมากินเสียทั้งสิ้น นักมึนเมาจงตื่นขึ้นและคร่ำครวญ; นักดื่มเหล้าองุ่นเก่งจงโหยหวน, ด้วยว่าเหล้าองุ่นหวานปากได้ถูกกันไปเสียจากปากของเจ้าแล้ว. เพราะเหตุว่ามีพลเมืองประเทศหนึ่งได้บุกรุกเข้ามายังประเทศของเราแล้ว; มันมีกำลังเข้มแข็งและมากมายเหลือที่จะนับได้; ฟันของมันดุจฟันสิงห์โต, และกรามของมันดุจกรามสิงห์โตตัวเมีย. มันได้ทำลายเถาองุ่นของเราเสีย, และได้ลอกเปลือกต้นมะเดื่อของเราออกเสีย; มันได้ลอกเปลือกออกจนเกลี้ยงและร่วงหล่นไปหมด; กิ่งก้านก็ดูขาวโพลง จงพิลาปร้องไห้เช่นอย่างนางสาวที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบเพราะโศกเศร้าอาลัยถึงคู่หมั้นหนุ่มที่ตายไป. เครื่องบูชาธัญญาหารและเครื่องบูชาดื่มก็ถูกบั่นทอนเสียจากโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, และปุโรหิตผู้ปรนนิบัติพระยะโฮวาก็เศร้าสลดใจ. นาก็ร้าง, แผ่นดินก็เศร้าสลด; เพราะธัญญาหารได้ถูกทำลายเสีย, น้ำองุ่นใหม่ก็เหือดแห้งไป, และน้ำมันก็ทรุดโทรมขาดไป. ชาวนาก็ท้อใจ, และชาวสวนองุ่นก็คร่ำครวญ, เนื่องด้วยข้าวสาลีและลูกเดือย; เพราะเหตุว่าพืชผลอันควรได้เกี่ยวในนาก็พินาศเสียแล้ว. เถาองุ่นก็เหี่ยวแห้ง, และต้นมะเดื่อเทศก็ทรุดโทรมไป; ต้นทับทิมและต้นอินทผลัมและต้นแอปเปิล, แม้ว่าสรรพต้นไม้ในทุ่งก็เหี่ยวแห้งไป: ความยินดีก็เลื่อนไปจากมนุษย์โลก. ท่านปุโรหิตทั้งหลายเอ๋ย, จงคลุมตัวด้วยผ้าเนื้อหยาบและพิลาปร่ำไร, เหล่าผู้ปรนนิบัติที่แท่นเอ่ยจงร้องไห้; มาเถอะท่านผู้ปรนนิบัติพระเจ้าจงนอนคลุมตัวด้วยผ้าเนื้อหยาบตลอดคืน; ด้วยว่าเครื่องบูชาธัญญาหารและเครื่องบูชาดื่มได้ถูกกันไม่ให้มาถึงโบสถ์แห่งพระเจ้าของท่าน. จงถือพิธีอดอาหาร,จงกำหนดเวลาประชุมสงบใจนมัสการ, จงเรียกผู้เฒ่าและบรรดาชนประเทศให้เข้ามาประชุมที่โบสถ์แห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของท่านทั้งหลาย, และจงวิงวอนขอต่อพระยะโฮวา น่าสังเวชเมื่อคิดถึงวันนั้น! เพราะว่าวันของพระยะโฮวานั้นจวนจะถึงอยู่แล้ว, และจะมาเหมือนอย่างความพินาศอันมาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์. การกีดกันอาหารออกไปเสียนั้นประจักษ์แจ้งต่อหน้าเราแล้วมิใช่หรือ? และความชื่นชมยินดีก็ศูนย์จากโบสถ์พระเจ้าของเราเช่นเดียวกันมิใช่หรือ? พืชต่างๆ ก็เปื่อยเน่าเสียใต้ดิน, ยุ้งก็ว่างเปล่า, ฉางก็ชำรุดพังลง; เพราะว่าเมล็ดข้าวก็ลีบแห้งไป. สัตว์เดียรัจฉานก็ร้องคราง, ฝูงวัวก็ยืนโซจับกลุ่ม, เพราะว่ามันไม่มีหญ้าจะกิน; ฝูงแกะก็กำลังจะพินาศไป. โอพระยะโฮวา, ข้าพเจ้าวิงวอนร้องขอต่อพระองค์; เหตุว่าทุ่งหญ้าแห่งที่ราบสูงถูกไหมเสียหมดแล้ว, และเปลวไฟได้ไหม้ต้นไม้ในทุ่งนาเสียสิ้น. แม้สัตว์เดียรัจฉานในป่าก็หอบกระหายหาพระองค์; เพราะเหตุว่าธารว่าแห้งเสียแล้ว, และทุ่งหญ้าแห่งที่ราบสูงถูกไหม้เสียหมดแล้ว