เยเรมีย์ 34:13 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 194013 พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งยิศราเอลได้ตรัสดังนี้ว่า, เราได้ทำความสัญญาบทหนึ่งด้วยปู่ย่าตายายของพวกเจ้า, เมื่อคราวที่เราได้พาพวกเขาออกจากประเทศอายฆุบโต, ออกมาจากเรือนทาสนั้นว่า, Gade chapit laPlis vèsyonฉบับมาตรฐาน13 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้ทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของเจ้า เมื่อเรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกจากเรือนทาสว่า Gade chapit laพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV13 “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้กระทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของเจ้า ในวันที่เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกจากเรือนทาสว่า Gade chapit laพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย13 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้ทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้าเมื่อเรานำคนเหล่านั้นออกมาจากอียิปต์ซึ่งเป็นดินแดนทาส เราสั่งไว้ว่า Gade chapit laพระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย13 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราได้ทำข้อตกลงไว้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า ตอนที่เราพาพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จากการเป็นทาสนั้น เราได้บอกกับพวกเขาว่า Gade chapit laพระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)13 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “เราเป็นผู้ที่ทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ ออกจากบ้านแห่งการเป็นทาส เราบอกพวกเขาว่า Gade chapit la |
ด้วยว่ายะโฮวาพระเจ้าของพวกข้าพเจ้า, พระองค์เป็นผู้ทรงนำพวกข้าพเจ้ากับบิดาของพวกข้าพเจ้าออกจากประเทศอายฆุบโต, จากที่อาศัยซึ่งเป็นทาส. และทรงกระทำการอัศจรรย์อันใหญ่ต่างๆ ให้แจ้งแก่ตาพวกข้าพเจ้า, กับได้คุ้มครองรักษาพวกข้าพเจ้าตามทางที่ไปในท่ามกลางชนชาวเมืองต่างๆ, ซึ่งพวกข้าพเจ้าได้เดินข้ามมานั้น:
ลำดับนี้ คือคำสัญญาไมตรีซึ่งพระยะโฮวาได้ตรัสสั่งให้โมเซตั้งไว้กับพวกยิศราเอลที่แผ่นดินโมอาบ, เป็นความนอกจากคำสัญญาไมตรีซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งไว้กับเขาที่โฮเร็บ โมเซได้เรียกบรรดาพวกยิศราเอล, กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า, เจ้าทั้งหลายได้เห็นบรรดากิจการซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำแก่ฟาโร ต่อหน้าเจ้าทั้งหลายในประเทศอายฆุบโต. และแก่บรรดาข้าราชการ. และทั้งแผ่นดินของฟาโรนั้น; และการลำบากใหญ่ซึ่งตาของเจ้าทั้งหลายได้เห็น. การสำคัญและการอัศจรรย์ใหญ่เหล่านั้น: แต่พระยะโฮวาได้ทรงประทานให้เจ้ามีใจสังเกต. ตาที่จะแลเห็น, แลหูที่จะได้ยินไม่, จนถึงทุกวันนี้. (พระยะโฮวาได้ตรัสว่า) เราพาเจ้าทั้งหลายมาในป่าได้สี่สิบปีมาแล้ว: ผ้าผ่อนที่เจ้าทั้งหลายนุ่งห่มอยู่นั้นก็หาได้เก่าแก่ไปไม่, เกือกที่รองเท้าของเจ้าก็หาได้เก่าแก่ไปไม่. เจ้าทั้งหลายมิได้รับประทานขนม. มิได้ดื่มน้ำองุ่นและน้ำเมา; เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า. และเมื่อเจ้าทั้งหลายมาถึงตำบลนี้แล้ว, ซีโฮนกษัตริย์เมืองเฮศโบน, และโอฆกษัตริยเมืองบาซาน, ได้ออกมาสู้รบกับเราทั้งหลาย; เราได้ตีเขาและได้ริบแผ่นดินของเขา, ให้เป็นที่อยู่เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลรูเบ็น, แก่ตระกูลฆาด, และแก่ตระกูลมะนาเซครึ่งตระกูลนั้น. เหตุฉะนี้จงรักษาคำสัญญาไมตรีนี้, และทำตาม, เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้มีความจำเริญในบรรดากิจการที่เจ้ากระทำนั้น วันนี้เจ้าทั้งหลายยืนอยู่ต่อพระพักตรพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ทั้งแม่กอง,ตระกูลทั้งปวงของเจ้า, พวกผู้เฒ่าผู้แก่, เจ้าพนักงานของเจ้า. บรรดาคนพวกยิศราเอล, บุตรภรรยาทั้งหลายของเจ้า, คนต่างชาติที่อยู่ในกองทัพของเจ้า, ทั้งคนตัดฟืนและคนตักน้ำของเจ้าด้วย; เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าตั้งสัญญาไมตรีกันกับพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ด้วยคำปฏิญาณ, ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจะทรงกระทำไว้กับเจ้าในวันนี้: เพื่อพระองค์จะได้ทรงตั้งเจ้าทั้งหลายไว้ในวันนี้, ให้เป็นพวกของพระองค์เอง, และเพื่อพระองค์จะเป็นพระเจ้าแห่งเจ้าทั้งหลาย, เหมือนพระองค์ได้ตรัสแก่เจ้าไว้นั้น, และเหมือนพระองค์ได้ทรงสัญญากับปู่ย่าตายายของเจ้า, คืออับราฮาม, ยิศฮาคและยาโคบ เราได้ตั้งคำสัญญาไมตรีนี้ มิใช่กับเจ้าพวกเดียว; แต่กับคนเหล่านั้นที่มายืนอยู่กับเราวันนี้ ต่อพระพักตรพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, และกับคนอื่นที่มิได้อยู่ที่นี่กับเราวันนี้: (เพราะเจ้าทั้งหลายรู้อยู่ว่าได้อยู่ในประเทศอายฆุบโตนั้นอย่างไร, และได้ออกมาข้ามประเทศทั้งปวงนั้นอย่างไร; เจ้าทั้งหลายได้เห็นการชั่วของเขา, และได้เห็นรูปเคารพ, ทำด้วยไม้ศิลา, และเงินทองของเขา, ซึ่งอยู่ในท่ามกลางเมืองของเขานั้น); กลัวว่าจะมีชาย, หรือหญิง, ครอบครัว, ตระกูล, ในท่ามกลางเจ้าทั้งหลายที่มีใจแปรปรวนไปจากพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าในวันนี้, และปฏิบัติพระอื่นๆ แห่งประเทศเหล่านี้; กลัวว่าจะมีรากหน่อที่จะให้บังเกิดของขมเปรี้ยวในท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย; เมื่อเขาได้ยินคำแช่งเหล่านี้, เขาจะนึกยินดีในใจของตนว่า, ถึงมาทว่าเราประพฤติตามความปรารถนาในใจของตน ด้วยการดื่มของมึนเมา, เรายังจะมีความสุขอยู่: พระยะโฮวาจะไม่ทรงงดโทษเขาไว้, แต่ความพิโรธแห่งพระยะโฮวาและความหวงแหนของพระองค์จะทรงเผาคนนั้น, ความแช่งทั้งปวงที่ได้เขียนไว้ในหนังสือนี้จะตกอยู่บนผู้นั้น, พระยะโฮวาจะทรงลบชื่อผู้นั้นออกเสียจากใต้ฟ้า. และพระยะโฮวาจะทรงแยกเขาออกจากตระกูลพวกยิศราเอลทั้งปวง, และมอบไว้แก่ความชั่วตามความแช่งทั้งปวงแห่งข้อสัญญาไมตรีซึ่งเขียนไว้ในหนังสือพระบัญญัตินี้ ครั้นบุตรหลานของเจ้าที่จะเกิดในภายหน้า, และคนต่างชาติที่จะมาจากประเทศไกล, ได้เห็นความทุกข์, และความเจ็บไข้, ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงบันดาลให้บังเกิดแก่ประเทศนั้น: ทั้งประเทศกำมะถัน, เป็นเกลือ, และซึ่งเผาร้อน, เป็นประเทศซึ่งไม่ได้หว่านพืช, และไม่ได้เกิดผลไม่มีหญ้างอกงามในที่นั่น, เป็นดุจความฉิบหายแห่งเมืองซะโดม, เมืองอะโมรา, เมืองอัดมา, และเมืองซะโบอิม, ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงทำลายเสียด้วยความกริ้ว, และความพิโรธของพระองค์: ชนชาวประเทศทั้งปวงนั้นจะว่า, เหตุอย่างไรพระยะโฮวาได้ทรงกระทำดังนั้นแก่ประเทศนี้? เพราะเหตุไรพระองค์จึงมีความพิโรธใหญ่ดังนี้? แล้วคนทั้งปวงจะว่า, เพราะเขาทั้งหลายได้ละทิ้งคำสัญญาไมตรีแห่งพระยะโฮวา, พระเจ้าแห่งปู่ย่าตายายของเขา, ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งไว้กับเขา, เมื่อพระองค์ได้พาเขาออกมาจากประเทศอายฆุบโต, และเพราะเขาทั้งหลายได้หลงปฏิบัตินมัสการพระอื่นๆ, ซึ่งเขามิได้รู้จัก, และซึ่งพระองค์มิได้ประทานให้เขา: เหตุฉะนี้ความพิโรธแห่งพระยะโฮวาก็ได้เผาแผ่นดินนี้, และพระองค์ได้ทรงพาความแช่งทั้งปวงที่ได้เขียนไว้ในหนังสือมาถึงแผ่นดินนี้; และพระยะโฮวาได้ทรงถอนเขาทั้งหลายออกจากประเทศของเขาด้วยความกริ้ว, ความโกรธ, และความพิโรธอันใหญ่, และได้ทรงทอดทิ้งเขาทั้งหลายไว้ในประเทศอื่น, ดุจดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้. ความลับลึกทั้งปวงเป็นของพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา; แต่ความที่ให้ปรากฏแจ้งนั้น เป็นของเราและของลูกหลานเราเป็นนิตย์, เพื่อเราทั้งหลายจะได้ทำตามบรรดาถ้อยคำในพระบัญญัตินี้
แต่เพราะพระยะโฮวาได้ทรงรักเจ้าทั้งหลาย, และเพราะพระองค์จะทรงรักษาคำปฏิญาณซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้กับปู่ย่าตายายของเจ้าทั้งหลาย, พระยะโฮวาจึงได้ทรงพาเจ้าออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์, และได้ไถ่เจ้าทั้งหลายออกมาจากเรือนทาส, คือออกจากพระหัตถ์ของฟาโรกษัตริย์ ประเทศอายฆุบโต.