โฮเชยา 1:1 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 พระคำแห่งพระยะโฮวาที่มาถึงโฮเซอาบุตรของบะเอรีในรัชชกาลแห่งอุซียา, โยธาม, อาฮาศและฮิศคียากษัตริย์แห่งประเทศยะฮูดา, และในรัชชกาลของยาราบะอามบุตรของโยอาศกษัตริย์แห่งประเทศยิศราเอล เริ่มแรกที่พระยะโฮวาได้ตรัสโดยปากของโฮเซอานั้น, พระยะโฮวาได้ตรัสแก่โฮเซอาว่า, “จงไปรับหญิงผู้มีนิสสัยนอกใจสามีมาเป็นภรรยา, และเกิดลูกชู้กับเขา; เพราะว่าประเทศบ้านเมืองกำลังกระทำการนอกใจพระยะโฮวายิ่งนัก, และละทิ้งพระองค์ไป.” ดังนั้นท่านจึงไปรับนางโฆเมรลูกสาวของดิบลายิมมาเป็นภรรยา, และนางก็มีครรภ์กับท่านและคลอดบุตรมา. แล้วพระยะโฮวาได้ตรัสแก่ท่านว่า, “จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า ‘ยิศเรล,’ เพราะอีกไม่ช้าเราจะบันดาลให้บาปกรรมซึ่งยิศเรลถูกเยฮูกระทำให้โลหิตตกนั้นกลับไปตกอยู่แก่เชื้อสายของเยฮู, เป็นการแก้แค้นทดแทนกัน, และจะกระทำให้แผ่นดินยิศราเอลเสื่อมศูนย์ไป. และกาลวันนั้นจะมีเหตุการณ์ดังนี้คือ, เราจะหักธนูของแผ่นดินยิศราเอลในที่หว่างเขายิศเรล.” ต่อมานางก็ตั้งครรภ์ขึ้นอีก, และคลอดบุตรเป็นหญิง, และพระยะโฮวาได้ตรัสว่า, “จงตั้งชื่อบุตรว่า ‘โล-รูฮามา,’ เพราะเราจะไม่เมตตาแก่เชื้อวงศ์ของยิศราเอลอีก, พอที่จะโปรดยกบาปผิดของเขา; แต่เราจะเมตตาแก่เชื้อวงศ์ของยะฮูดา; ยะโฮวาพระเจ้าของเขานั้นเองจะทรงช่วยให้เขารอด, โดยมิต้องใช้ธนู, หรือดาบ, หรือการสู้รบ, หรือม้า, หรือทหารม้า.” ครั้นนางได้ให้โล-รูฮามาหย่านมแล้ว, นางก็ตั้งครรภ์อีกและคลอดบุตรเป็นชาย. พระยะโฮวาจึงตรัสว่า, “จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า ‘โล-อัมมี; ‘เพราะหมายความว่าเจ้าทั้งหลายไม่ใช่เป็นพลไพร่ของเรา, และเราก็มิใช่เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย.” “แต่จำนวนพวกยิศราเอลก็ยังจะทวีมากขึ้นเหมือนเม็ดทรายในทะเลซึ่งจะตวงหรือนับไม่ถ้วน; และต่อมาภายหลัง, แทนคำที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า ‘เจ้าทั้งหลายมิใช่เป็นพลไพร่ของเรา’ นั้น, ก็จะมีคำกล่าวแก่เขาว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.’ และพลเมืองยะฮูดาและพลเมืองยิศราเอลจะรวมกัน, และเขาทั้งหลายนั้นจะตั้งผู้หนึ่งให้เป็นประมุข, และจะพากันออกไปจากประเทศ, เพราะวันแห่งยิศเรลนั้น, จะเป็นวันสำคัญมาก.” Gade chapit laPlis vèsyonฉบับมาตรฐาน1 พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งมาถึงโฮเชยา บุตรเบเออรี ในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ กษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัม พระราชโอรสของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล Gade chapit laพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV1 พระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งมาถึงโฮเชยา บุตรชายเบเออรี ในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัสและเฮเซคียาห์ กษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัม ราชโอรสของโยอาช กษัตริย์อิสราเอล Gade chapit laพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีมาถึงโฮเชยาบุตรเบเออรีในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัมบุตรกษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอล Gade chapit laพระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย1 พระคำของพระยาห์เวห์ ที่ให้ไว้กับโฮเชยา ลูกชายของเบเออรี ในช่วงต่างๆที่ อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ และในสมัยที่เยโรโบอัม ลูกชายของโยอาช เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล Gade chapit laพระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงโฮเชยาบุตรของเบเออรี ในสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ และในสมัยของกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล Gade chapit la |
นิมิตต์ซึ่งยะซายาบุตรของอาโมสได้เห็นเกี่ยวกับยะฮูดาและยะรูซาเลมในรัชชกาลของกษัตริย์อุซียา, กษัตริย์โยธาม, กษัตริย์อาฮาศ, และกษัตริย์ฮิศคียาผู้ครองประเทศยะฮูดา พระยะโฮวาได้ตรัสแล้วว่า, “โอฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย, จงฟัง, โอ้แผ่นดินโลก, จงเงี่ยหูสดับเถิด; เราได้บำรุงเลี้ยงและได้ประคบประหงมบรรดาบุตรให้วัฒนาขึ้น, แต่บุตรเหล่านั้นได้ทรยศต่อเรา. โคผู้ยังรู้จักเจ้าของของมัน, และสัตว์ลายังรู้จักรางหญ้าของเจ้าของ: แต่พวกยิศราเอลนั้นหาได้รู้จักอย่างนั้นไม่, พลเมืองของเรานั้นมิได้ใช้ความคิดตรึกตรอง.” เออ, ประเทศที่เต็มไปด้วยบาป, พลเมืองที่เพียบไปด้วยอสัตย์อธรรม, เป็นว่านเครือของผู้กระทำชั่ว, เป็นลูกหลานที่ประกอบการคดโกง: เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ละทิ้งพระยะโฮวาเสีย, และได้หมิ่นประมาทองค์บริสุทธิ์ของพวกยิศราเอล, เขาทั้งหลายได้เหินห่างและก้าวถอยหลังไป. ทำไมเจ้าทั้งหลายยังขืนทรยศต่อไป? แล้วก็ต้องถูกเฆี่ยนตีมากขึ้น: ทั้งศีรษะก็เจ็บไปทั่ว, และทั้งใจก็ละเหี่ยม่อยไป. ตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นไปตลอดกะทั่งศีรษะไม่มีที่ปกติเลย; มีแต่บาดแผลและรอยฟกช้ำ, และรอยแผลเฆี่ยน: แผลเหล่านั้นมิได้ปิดไว้, หรือมิได้พันไว้, หรือมิได้ใส่น้ำมันให้เนื้อนิ่มเลย. ประเทศของเจ้าก็ร้างเปล่า, นครของเจ้าก็ถูกเผาผลาญ: ส่วนดินแดนของเจ้านั้นคนต่างชาติก็กลืนกินเสียต่อหน้าเจ้า, และมันก็ร้างไป, เหมือนกับว่าคนต่างชาติ-ได้ทำลายมันเสีย. ส่วนลูกหญิงของกรุงซีโอนนั้นถูกละไว้เหมือนอย่างห้างสวนในสวนองุ่น, และเหมือนกับกะท่อมในไร่แตงกวา, และเหมือนกับเมืองที่ถูกล้อมไว้. ถ้าหากพระยะโฮวาจอมพลโยธามิไดละเว้นเราซึ่งเป็นหน่วยน้อยนั้นเสีย, เราก็จะเป็นเหมือนอย่างเมืองซะโดม, และเป็นเหมือนอย่างเมืองอะโมรา ดูกรท่านผู้ครองเมืองซะโดม, จงสดับฟังคำตรัสของพระยะโฮวา; ดูกรชนชาวอะโมรา, จงเอียงหูฟังพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเราเถิด. พระยะโฮวาได้ตรัสว่า, “เครื่องบูชาเผามากมายก่ายกองของเจ้าจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา? เราเบื่อเครื่องบูชาเผาแกะตัวผู้, และมันข้นแห่งสัตว์เลี้ยง; และมิได้ชื่นใจในโลหิตแห่งลูกโคผู้, หรือของลูกแกะ, หรือของแพะผู้. เมื่อเจ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเรานั้น, ใครได้ขอร้องให้เจ้าเหยียบเข้ามาในสำนักของเรา? อย่าได้นำเครื่องบูชาสัตว์อันขาดจิตต์เคารพมาอีกเลย; กลิ่นเครื่องบูชาจะเพิ่มความสะอิดสะเอียนแก่เรามากขึ้น; ในสมัยประชุมประจำเดือนแรกเดือนขึ้น, วันซะบาโตและสมัยประชุมประจำปี, เราไม่ชอบใจเลยแม้ถึงการที่ประชุมนมัสการอย่างพิเศษนั้น, ก็เป็นการอสัตย์อธรรม. วันถือเทศกาลแรกเดือนขึ้น, วันถือพิธีต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ของเจ้านั้นเราเกลียดชังนัก; ลัทธิเหล่านั้นเป็นภาระรุงรังแก่เรา, เราเบื่อหน่ายที่จะทนแบกต่อไปแล้ว. แลเมื่อเจ้าทั้งหลายชูมือกางขึ้น, เราจะเมินหน้าเสียจากพวกเจ้า: เออ, เมื่อเจ้าอธิษฐานมากมายหลายหน, เราจะไม่ฟัง: ด้วยมือของพวกเจ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต. ล้างเสียเถอะ, จงชำระตัวเสียให้สะอาดหมดจด; เจ้าจงเลิกทำการชั่วและกำจัดมันเสียให้พ้นจากสายตาของเรา; จงงดกระทำชั่วเสียทีเดียว; จงฝึกหัดกระทำการดี; จงแสวงหาที่จะให้ความยุตติธรรม, จงขัดขวางการกระทำของผู้ข่มเหง, จงให้ความยุตติธรรมแก่ลูกกำพร้า, จงเป็นปากเสียงให้แก่หญิงม่าย.” พระยะโฮวาตรัสว่า, “มาเถิด, ให้เรามาหารือตกลงกันเสียให้เด็ดขาด: แม้บาปของเจ้าจะแดงเป็นเหมือนสีที่แดงก่ำบาปนั้นก็อาจจะกลับกลายเป็นสีขาวเหมือนอย่างหิมะ; แม้บาปของเจ้าจะแดงเป็นเหมือนสีที่แดงเข้ม, บาปนั้นก็อาจจะขาวเหมือนอย่างขนแกะ. ถ้าเจ้าสมัครใจเชื่อฟัง, เจ้าก็จะได้เก็บกินผลแห่งแผ่นดินอย่างบริบูรณ์: แต่ถ้าเจ้าไม่ยอม, และยังทรยศอยู่, เจ้าก็จะต้องเป็นเหยื่อแห่งคมดาบ:” เพราะพระโอษฐ์ของพระยะโฮวาได้ตรัสดังนั้น เมืองที่สัตย์ซื่อยังมากลายเป็นเมืองหญิงนอกใจไปได้! เมืองนั้นเคยเต็มด้วยความยุตติธรรม; ความชอบธรรมเคยได้ดำรงอยู่ในเมืองนั้น; แต่มาบัดนี้กลายเป็นเมืองของนักฆาตกรรม. เนื้อเงินก็กลายเป็นขี้เงินไปแล้ว, เหล้าองุ่นของเจ้านั้นก็ถูกปนด้วยน้ำท่า: ผู้ครองเมืองของเจ้าแต่หาครองตัวของเขาเองได้ไม่, และกลับไปเป็นมิตรของพวกโจร: ต่างก็ชอบกินสินบน, และเสาะหาสินจ้างเขาไม่ให้ความยุตติธรรมแก่ลูกกำพร้าและไม่นำพาต่อคดีของหญิงม่าย ดังนั้นพระยะโฮวาจอมพลโยธาทั้งหลาย, องค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดของชาติยิศราเอลตรัสว่า, “อ้า, เราจะปลีกตัวออกจากศัตรูของเรา, และจะแก้แค้นปัจจามิตรของเรา. เราจะวางมือของเราลงบนเจ้า, และเราจะถลุงขี้แร่ออกจากเจ้าเสียให้บริสุทธิ์, และกำจัดการเจือปนของเจ้าออกเสียให้หมดสิ้นไป; เราจะกลับตั้งผู้พิพากษาของเจ้าให้คงตำแหน่งเดิมและตั้งคณะที่ปรึกษาของเจ้าไว้เหมือนแต่แรกแต่นั้นไปเจ้าจะถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งความชอบธรรม, และสัตย์ซื่อ. กรุงซีโอนจะถูกไถ่ออกมาด้วยความยุตติธรรม, และพลเมืองที่กลับใจนั้นจะรอดพ้นด้วยความชอบธรรม. ผู้ล่วงบัญญัติและคนบาปจะพินาศไปด้วยกับและเขาทั้งหลายที่ละทิ้งพระยะโฮวานั้นจะมอดม้วยไป. แล้วเขาจะอับอายขายหน้าเพราะต้นโอ๊คศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขาเคยพึ่งใจมาแต่ก่อน, และเจ้าจะขวยเขินต่อหมู่ไม้ที่เจ้าเลือกไว้เคารพบูชา. เพราะเจ้าจะเป็นดุจต้นโอ๊คที่เหี่ยวแห้ง, และดุจหมู่ไม้ที่ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง. และผู้ที่เข้มแข็งก็จะเป็นเหมือนอย่างขุยป่านและรูปเคารพที่เขาทำขึ้นก็จะเปรียบเหมือนประกายไฟ, และทั้งสองอย่างก็จะเผาผลาญไปด้วยกัน, และไม่มีใครจะดับเสียได้
คำแห่งพระยะโฮวาที่มาถึงโยเอลบุตรพะธูเอลมีดังนี้: ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายจงฟังข้อความนี้, ประชาชนทั้งหลายจงเงี่ยหูฟัง; ในสมัยของท่านเองหรือในสมัยแห่งบรรพบุรุษของท่าน, เหตุการณ์เช่นนี้ได้เคยมีหรือ? จงเล่าบอกให้บุตรของท่านฟัง, และจงให้บุตรเล่าบอกให้บุตรของเขาฟังอีกต่อหนึ่ง, และให้บุตรของเขาเล่าบอกให้บุตรของเขาฟังตามลำดับชั่วอายุต่อๆ ไป. คือสิ่งซึ่งตั๊กแตนตัวอ่อนได้กินเหลือ, ตั๊กแตนที่เริ่มสอนบินได้มากิน, และสิ่งซึ่งฝูงตั๊กแตนที่เริ่มสอนบินได้กินเหลือ, มีฝูงตั๊กแตนอื่นอีกมากิน; และสิ่งซึ่งฝูงตั๊กแตนนี้กินเหลือก็มีฝูงตั๊กแตนอื่นมากินเสียทั้งสิ้น นักมึนเมาจงตื่นขึ้นและคร่ำครวญ; นักดื่มเหล้าองุ่นเก่งจงโหยหวน, ด้วยว่าเหล้าองุ่นหวานปากได้ถูกกันไปเสียจากปากของเจ้าแล้ว. เพราะเหตุว่ามีพลเมืองประเทศหนึ่งได้บุกรุกเข้ามายังประเทศของเราแล้ว; มันมีกำลังเข้มแข็งและมากมายเหลือที่จะนับได้; ฟันของมันดุจฟันสิงห์โต, และกรามของมันดุจกรามสิงห์โตตัวเมีย. มันได้ทำลายเถาองุ่นของเราเสีย, และได้ลอกเปลือกต้นมะเดื่อของเราออกเสีย; มันได้ลอกเปลือกออกจนเกลี้ยงและร่วงหล่นไปหมด; กิ่งก้านก็ดูขาวโพลง จงพิลาปร้องไห้เช่นอย่างนางสาวที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบเพราะโศกเศร้าอาลัยถึงคู่หมั้นหนุ่มที่ตายไป. เครื่องบูชาธัญญาหารและเครื่องบูชาดื่มก็ถูกบั่นทอนเสียจากโบสถ์แห่งพระยะโฮวา, และปุโรหิตผู้ปรนนิบัติพระยะโฮวาก็เศร้าสลดใจ. นาก็ร้าง, แผ่นดินก็เศร้าสลด; เพราะธัญญาหารได้ถูกทำลายเสีย, น้ำองุ่นใหม่ก็เหือดแห้งไป, และน้ำมันก็ทรุดโทรมขาดไป. ชาวนาก็ท้อใจ, และชาวสวนองุ่นก็คร่ำครวญ, เนื่องด้วยข้าวสาลีและลูกเดือย; เพราะเหตุว่าพืชผลอันควรได้เกี่ยวในนาก็พินาศเสียแล้ว. เถาองุ่นก็เหี่ยวแห้ง, และต้นมะเดื่อเทศก็ทรุดโทรมไป; ต้นทับทิมและต้นอินทผลัมและต้นแอปเปิล, แม้ว่าสรรพต้นไม้ในทุ่งก็เหี่ยวแห้งไป: ความยินดีก็เลื่อนไปจากมนุษย์โลก. ท่านปุโรหิตทั้งหลายเอ๋ย, จงคลุมตัวด้วยผ้าเนื้อหยาบและพิลาปร่ำไร, เหล่าผู้ปรนนิบัติที่แท่นเอ่ยจงร้องไห้; มาเถอะท่านผู้ปรนนิบัติพระเจ้าจงนอนคลุมตัวด้วยผ้าเนื้อหยาบตลอดคืน; ด้วยว่าเครื่องบูชาธัญญาหารและเครื่องบูชาดื่มได้ถูกกันไม่ให้มาถึงโบสถ์แห่งพระเจ้าของท่าน. จงถือพิธีอดอาหาร,จงกำหนดเวลาประชุมสงบใจนมัสการ, จงเรียกผู้เฒ่าและบรรดาชนประเทศให้เข้ามาประชุมที่โบสถ์แห่งพระยะโฮวาพระเจ้าของท่านทั้งหลาย, และจงวิงวอนขอต่อพระยะโฮวา น่าสังเวชเมื่อคิดถึงวันนั้น! เพราะว่าวันของพระยะโฮวานั้นจวนจะถึงอยู่แล้ว, และจะมาเหมือนอย่างความพินาศอันมาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์. การกีดกันอาหารออกไปเสียนั้นประจักษ์แจ้งต่อหน้าเราแล้วมิใช่หรือ? และความชื่นชมยินดีก็ศูนย์จากโบสถ์พระเจ้าของเราเช่นเดียวกันมิใช่หรือ? พืชต่างๆ ก็เปื่อยเน่าเสียใต้ดิน, ยุ้งก็ว่างเปล่า, ฉางก็ชำรุดพังลง; เพราะว่าเมล็ดข้าวก็ลีบแห้งไป. สัตว์เดียรัจฉานก็ร้องคราง, ฝูงวัวก็ยืนโซจับกลุ่ม, เพราะว่ามันไม่มีหญ้าจะกิน; ฝูงแกะก็กำลังจะพินาศไป. โอพระยะโฮวา, ข้าพเจ้าวิงวอนร้องขอต่อพระองค์; เหตุว่าทุ่งหญ้าแห่งที่ราบสูงถูกไหมเสียหมดแล้ว, และเปลวไฟได้ไหม้ต้นไม้ในทุ่งนาเสียสิ้น. แม้สัตว์เดียรัจฉานในป่าก็หอบกระหายหาพระองค์; เพราะเหตุว่าธารว่าแห้งเสียแล้ว, และทุ่งหญ้าแห่งที่ราบสูงถูกไหม้เสียหมดแล้ว
อยู่มาในรัชชกาลของกษัตริย์อาฮาศราชบุตรของโยธาม, โยธามราชบุตรของอุซียากษัตริย์ของยะฮูดา, ระซีนกษัตริย์ประเทศซุเรีย, และเพคาราชบุตรของระมาลยากษัตริย์ของยิศราเอล, ได้ยกกองทัพขึ้นไปยังกรุงยะรูซาเลม, เพื่อทำสงครามกับกรุงนั้น, แต่รบเอาชะนะไม่ได้.