อิสยาห์ 36 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ครั้นถึงปีที่สิบสี่ในรัชชกาลของกษัตริย์ฮิศคียา, ซันเฮริบกษัตริย์ประเทศอะซูระยกทัพมาตีบรรดาเมืองที่มีป้อมคูประตูหอรบของประเทศยะฮูดา, และตีเมืองเหล่านั้นแตก. 2 และกษัตริย์แห่งประเทศอะซูระได้ทรงใช้แม่รับซาเคกับกองทัพออกจากเมืองลาคิศไปยังกรุงยะรูซาเลม, ให้ไปต่อสู้กษัตริย์ฮิศคียา, แล้วแม่ทัพรับซาเคก็ไปตั้งทัพอยู่ข้างท่อน้ำที่สระข้างบนตามทางหลวงที่ไปยังลานตากผ้า. 3 ละยาคีมบุตรของฮิศคียา, กรมวัง, และเซ็บนาพระอาลักษณ์, และโยอาบุตรอาซาฟ, ราชเลขานุการ, พากันออกมาหาแม่ทัพรับซาเค. 4 แม่ทัพรับซาเคจึงกล่าวแก่เขาเหล่านั้นว่า, “บัดนี้จงไปทูลกษัตริย์ฮิศคียาว่า, ‘พระมหากษัตริย์, คือกษัตริย์ประเทศอะซูระตรัสถามมาว่า, “ท่านฮิศคียามีอะไรเป็นที่ไว้วางใจเล่า? 5 ท่านคิดว่าการสงครามนั้นอาศัยเพียงคำพูดอันพล่อยออกมาจากริมฝีปากเป็นนโยบายและกำลังพลรบหรือ? บัดนี้ท่านได้หวังพึ่งใครเล่าจึงได้คิดกบฏต่อเรา? 6 เห็นชัดทีเดียวว่าท่านหวังพึ่งประเทศอายฆุบโตเป็นไม้เท้าอันเปรียบได้ดังไม้รวกที่เดาะแล้ว, ซึ่งถ้าผู้ใดจะยันเข้า, มันก็จะตำและทิ่มเอามือของเขาเข้า, ฟาโรกษัตริย์อายฆุบโตก็เป็นเช่นนั้นแก่ใครๆ ที่หวังพึ่งท่านดุจกัน! 7 แต่ถ้าท่านกล่าวแก่เราว่า, ‘เราหวังพึ่งในพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา,’ ก็ไม่ใช่พระเจ้าองค์นี้หรือที่ฮิศคียาได้กวาดเอาที่สูงศักดิ์สิทธิ์และแท่นบูชาไปเสีย, และกล่าวแก่ยะฮูดาและยะรูซาเลมว่า, ‘ท่านต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้เท่านั้น’? 8 บัดนี้ข้าพเจ้าขอให้ท่านรับคำท้าจากกษัตริย์ประเทศอะซูระเจ้านายของข้าพเจ้าว่า: ‘ข้าพเจ้าจะให้ม้าสองพันตัวแก่ท่าน, ถ้าหากท่านสามารถที่จะหาคนมาขี่ได้จนครบ!’ 9 ถ้าไม่ได้อย่างนั้นแล้วท่านจะมาต่อต้านแม้แต่เพียงนายทหารคนเดียวซึ่งอยู่ในจำพวกนายทหารชั้นต่ำแห่งนายของเราอย่างไรได้; แต่ท่านยังจะไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของประเทศอายฆุบโต! 10 เราได้ขึ้นมาต่อสู้เพื่อจะทำลายแผ่นดินนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยะโฮวาเจียวหรือ? ก็พระยะโฮวาเองก็ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า, ‘จงขึ้นไปต่อสู้และทำลายเมืองนี้เถิด!’ ” 11 ขณะนั้นเอละยาคีม, และเซ็บนา, และโยอา, ได้กล่าวตอบแก่แม่ทัพรับซาเคว่า, “ขอได้โปรดพูดแก่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาซุเรีย, เพราะพวกข้าพเจ้าเข้าใจได้; แต่ขออย่าพูดแก่ข้าพเจ้าเป็นภาษาเฮ็บรายให้คนที่อยู่บนกำแพงนี้ได้ยินเลย.” 12 แต่ท่านแม่ทัพรับซาเคได้ว่า, “ก็นายของข้าพเจ้าได้ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาบอกคำเหล่านี้แก่นายของท่านและตัวของท่านเท่านั้นเองดอกหรือ, และมิได้ใช่ให้ข้าพเจ้าบอกแก่คนทั้งหลายที่นั่งอยู่บนกำแพง, ที่จะได้รับภัยพิบัติกับท่าน, จนถึงจะต้องกินอุจจาระและปัสสาวะของตัวเองด้วยดอกหรือ?” 13 ว่าแล้วแม่ทัพรับซาเคได้ลุกขึ้นยืนและตะโกนเป็นภาษาเฮ็บรายว่า, “นี่แน่ะจงฟังคำของมหากษัตริย์, กษัตริย์ประเทศอะซูระเถิด! 14 พระองค์ตรัสดังนี้ว่า, ‘อย่าปล่อยให้กษัตริย์ฮิศคียาลวงพวกเจ้า, เพราะว่าท่านมิอาจที่จะช่วยพวกเจ้าได้. 15 ทั้งอย่าให้กษัตริย์ฮิศคียาปลอบเจ้าให้หวังพึ่งในพระยะโฮวาโดยตรัสว่า, “พระยะโฮวาจะทรงช่วยเราเป็นแน่, กรุงนี้จะมิได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์ประเทศอะซูระเลย;” 16 อย่าเชื่อกษัตริย์ฮิศคียาเลย, เพราะกษัตริย์ประเทศอะซูระตรัสมาว่า, “จงสงบศึกและยอมแพ้เราเสียเถอะ; และพวกเจ้าต่างก็จะได้กินผลองุ่นจากเถาของเจ้าเอง, และผลมะเดื่อเทศจากต้นของเจ้าเอง, และดื่มน้ำจากบ่อของเจ้าเอง, 17 จนกว่าเราจะมากวาดเอาเจ้าไปยังประเทศซึ่งคล้ายคลึงกับประเทศของเจ้าเอง, เป็นประเทศที่มีพืชผลและมีน้ำองุ่นบริบูรณ์, เป็นประเทศที่มีข้าวปลาอาหารและสวนองุ่น. 18 ระวังอย่าให้กษัตริย์ฮิศคียาโน้มใจของเจ้าโดยกล่าวว่า, ‘พระยะโฮวาจะช่วยพวกเราให้พ้น!’ มีพระของประเทศไหนหรือที่ได้ช่วยประเทศนั้นๆ ให้พ้นจากหัตถ์ของกษัตริย์ประเทศอะซูระ? 19 พระฮามัธและพระอาระฟาดหายไปไหนแล้วเล่า? พระสะพันวาฮิมไปอยู่เสียที่ไหน? และพระของประเทศซะมาเรียศูนย์หายไปไหน? พระเหล่านั้นได้ช่วยประเทศซะมาเรียให้พ้นจากเงื้อมมือของเราหรือ? 20 มีพระองค์ใดแห่งประเทศนั้นได้ช่วยประเทศนั้นให้พ้นจากมือของเรา, ท่านจึงจะมาถือว่าพระยะโฮวาจะช่วยกรุงยะรูซาเลมให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้!’ ” 21 เมื่อคนทั้งปวงได้ฟังแล้วก็นิ่งเสีย, มิได้ตอบสักคำเดียว; เพราะว่ากษัตริย์ฮิศคียาได้รับสั่งห้ามไว้มิให้ตอบเลย. 22 ขณะนั้นเอละยาคีมบุตรฮิศคียา, กรมวัง, และเซ็บนาพระอาลักษณ์, และโยอาบุตรของอาซา, ราชเลขานุการ, ได้เข้าไปเฝ้ากษัตริย์ฮิศคียา, สวมเสื้อฉีกขาด, และทูลขอความตามคำที่แม่ทัพรับซาเคได้กล่าวนั้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society