เอษรา 7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 อนึ่งอยู่มาเมื่อย่านอะระธาสัศธาได้ขึ้นครองราชสมบัติที่ประเทศฟารัศ, ท่านเอษราบุตรชายของซะรายา ๆ นั้นเป็นบุตรชายของอะซาระยา ๆ เป็นบุตรชายของฮิลคียา, 2 ฮิลคียาเป็นบุตรชายของซาลุม ๆ เป็นบุตรชายของซาโดค ๆ เป็นบุตรชายของอะฮีตูบ, 3 อะฮีตูบเป็นบุตรชายของอะมาระยา ๆ เป็นบุตรชายของอะซาระยา ๆ เป็นบุตรชายของมะราโยธ, 4 มะราโยธเป็นบุตรชายของเซราฮายา ๆ เป็นบุตรชายของอุซี ๆ เป็นบุตรชายของบุคี, 5 บุคีเป็นบุตรชายของอะบีชุอา ๆ เป็นบุตรชายของฟีนะฮาศ ๆ เป็นบุตรชายของเอ็ลอาซาร ๆ เป็นบุตรชายของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตใหญ่: 6 ท่านเอษรานั้นได้ขึ้นมาจากเมืองบาบูโลน; เป็นอาลักษณ์ชำนาญในบทพระบัญญัติของโมเซ, คือพระบัญญัติที่พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอลได้ทรงประทาน: และทุกสิ่งที่ท่านเอษราได้กราบทูลขอแต่กษัตริย์นั้น, พระองค์ก็ได้อนุญาติให้ทุกประการ, ด้วยว่าพระหัตถ์ของพระยะโฮวาพระเจ้าของท่านเอษราได้ทรงสถิตอยู่กับท่าน. 7 และมีลางคนในไพร่พลในพวกยิศราเอล, ในพวกปุโรหิต, ในพวกเลวี, ในพวกขับเพลง, ในพวกเฝ้าประตู, ในพวกนะธีนิม, ที่ได้ขึ้นมาถึงกรุงยะรูซาเลมพร้อมกับท่าน่ในปีที่เจ็ดแห่งรัชชกาลกษัตริย์อะระธาสัศธา. 8 และท่านเอษราได้มาถึงกรุงยะรูซาเลมในเดือนห้าคือเป็นปีที่เจ็ด, แห่งรัชชกาลกษัตริย์อะระธาสัศธา. 9 ด้วยว่าท่านได้ลาไปจากเมืองบาบูโลน ณ เดือนด้วยขึ้นค่ำหนึ่งมาถึงกรุงยะรูซาเล็ม ณ เดือนห้าขึ้นค่ำหนึ่ง, ด้วยว่าพระกรุณาของพระองค์พระเจ้าของท่านเอษราได้สถิตอยู่กับท่าน. 10 เพราะว่าท่านเอษราได้สำรวมตั้งใจแสวงหาในบทพระบัญญัติของพระยะโฮวาเพื่อจะได้ประพฤติตาม, และเพื่อจะได้เอาบทพระบัญญัติและข้อตัดสินทั้งปวงนั้นสอนให้พวกยิศราเอลแจ่มแจ้งขึ้น 11 อนึ่งนี่เป็นหนังสือที่กษัตริย์อะระธาสัศธาได้ทรงมอบไว้กับท่านเอษราผู้เป็นปุโรหิตและพระอาลักษณ์, คือพระอาลักษณ์ฝ่ายบรรดาถ้อยคำและบทพระบัญญัติของพระยะโฮวา, ที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้แก่พวกยิศราเอล, หนังสือนั้นมีเนื้อความว่า. 12 อะระธาสัศธากษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย, คำนับมายังท่านเอษราผู้ปุโรหิตและอาลักษณ์วิเศษฝ่ายบรรดาถ้อยคำแห่งพระองค์ผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย, ขอท่านจงมีความเจริญสุขเถิด เขียนมาดังนี้. 13 บัดนี้เรามีรับสั่งไปยังคนทั้งปวงที่เป็นพลไพร่ในพวกยิศราเอล, และยังคนทั้งปวงในพวกปุโรหิต, และในพวกเลวีทั่วอาณาเขตต์ของเราว่า, ทุกคนที่มีน้ำใจจะใคร่กลับไปยังกรุงยะรูซาเลมก็ให้กลับไปกับท่านเถิด. 14 ด้วยว่าเราผู้เป็นกษัตริย์กับพวกเสนาบดีทั้งเจ็ดคน, ใช้ท่านไปเพื่อจะได้ตรวจและพิพากษาแผ่นดินยะฮูดาและกรุงยะรูซาเลมให้ถูกต้องกับกฎหมายของพระองค์พระเจ้าของตน, ตามที่ท่านชำนาญรู้ถ้วนถี่แล้วนั้น. 15 และเพื่อจะได้ส่งเงินและทองคำ, ที่เราผู้เป็นกษัตริย์และพวกเสนาบดีที่มีน้ำใจถวายแก่พระเจ้าแห่งพวกยิศราเอล, พระองค์ผู้ทรงสถิตอยู่ที่กรุงยะรูซาเลม; 16 กับบรรดาเงินและทองคำที่ท่านจะหาได้ในแว่นแคว้นเมืองบาบูโลนทั่วไป, กับเครื่องบรรณาการของชาวชนและพวกปุโรหิตผู้มีน้ำใจถวายของสำหรับโบสถ์วิหารแห่งพระองค์พระเจ้าของตนที่กรุงยะรูซาเลม: 17 ด้วยเงินจำนวนนั้นท่านจะหาซื้อได้โดยเร็ว, เช่น โคตัวผู้, แกะตัวผู้, ลูกแกะกับเครื่องกระยาหารและเครื่องดื่มต่างๆ สำหรับบูชาถวายบนแท่นในโบสถ์วิหารแห่งพระองค์พระเจ้าของตนที่กรุงยะรูซาเลมนั้น. 18 และด้วยจำนวนเงินและทองที่เหลืออยู่จากการนั้น, ท่านกับพวกพ้องของท่านจะเห็นควรอย่างไรก็จงทำเถิด, ให้ตามพระทัยพระองค์พระเจ้าของตนทุกประการ. 19 อนึ่งถ้วยชามสำหรับโบสถ์วิหารแห่งพระองค์พระเจ้าของตนที่เราได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น, ท่านจงมอบตั้งไว้ต่อพระพักตรพระองค์ที่กรุงยะรูซาเลม. 20 และนอกจากนั้นจะต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดสำหรับโบสถ์วิหารแห่งพระองค์พระเจ้าของตน, แล้วเห็นควรจะถวายก็ให้ถวายด้วยใช้เงินมาจากคลังราชทรัพย์หลวง. 21 และบัดนี้เราคืออะระธาสัศธาผู้เป็นกษัตริย์ได้มีรับสั่งแก่นายคลังทั้งปวงที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างโน้นดังนี้ว่า, ท่านเอษราผู้ปุโรหิต, และพระอาลักษณ์ชำนาญในบทพระบัญญัติของพระองค์ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์, จะขอให้ท่านทั้งหลายทำสิ่งใด, จงรีบทำเถิด. 22 จงยอมเสียเงินให้ร้อยตะลันต์, และข้าวสาลีร้อยถัง, และน้ำองุ่นร้อยถัง, น้ำมันร้อยถัง, และเกลือไม่มีกำหนด. 23 และพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของสวรรค์นั้นจะทรงบังคับบัญชาให้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในการบำรุงโบสถ์วิหารของพระองค์จงเพียรกระทำทุกประการ: ด้วยว่าจะปล่อยให้ความพิโรธพลุ่งขึ้นต่อราชอาณาเขตต์และราชบุตรของเราทำไมเล่า? 24 อนึ่งฝ่ายคนทั้งปวงในบรรดาพวกปุโรหิต, พวกเลวี, พวกขับเพลง, พวกเฝ้าประตู, พวกนะธีนิม, คือคนทั้งปวงที่มีตำแหน่งปรนนิบัติในโบสถ์วิหารของพระองค์, เราบังคับบัญชาห้ามว่า, อย่าได้เรียกเอาส่วยหรือภาษี, และค่าธรรมเนียมจากเขาเหล่านั้นเลย. 25 และส่วนท่านเอษรา, ตามสติปัญญาที่พระองค์พระเจ้าของท่าน, ได้ทรงโปรดประทานนั้น, ท่านจงเลือกคนตั้งไว้ให้เป็นผู้ครอบครองพิพากษาคนทั้งปวงที่แม่น้ำฟากฝั่งข้างโน้น, และคนทั้งปวงที่รู้จักบทพระบัญญัติของพระองค์; และฝ่ายคนทั้งปวงที่ไม่รู้จักนั้น, จงสั่งสอนเขาเถิด. 26 และถ้าผู้หนึ่งผู้ใดขัดขืนไม่ประพฤติตามกฎหมายของพระองค์พระเจ้าของตนนั้น, และตามกฎหมายของกษัตริย์, ก็ให้เอาผู้นั้นลงโทษโดยเร็ว, ซึ่งจะเป็นโทษถึงตายก็ดี, หรือต้องเนรเทศหรือการริบเอาสิ่งของก็ดี, หรือถึงติดคุกก็ดี 27 สาธุการแก่พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายของพวกข้าพเจ้า, เพราะพระองค์ได้ทรงดลพระทัยกษัตริย์, ให้มีน้ำพระทัยบำรุงตกแต่งโบสถ์วิหารของพระยะโฮวาผู้ทรงสถิตอยู่ที่กรุงยะรูซาเลม. 28 และได้ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้ามีความชอบต่อพระพักตรกษัตริย์, และต่อเจ้าพวกเสนาบดีของท่าน, และต่อพระพักตร, และเจ้านายทั้งปวง. และเพราะพระหัตถ์ของพระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงชูกำลังของข้าพเจ้า ๆ จึงได้เกลี้ยกล่อมเอาใจคนหัวหน้าในพวกยิศราเอลหลายคนพาขึ้นไปด้วย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society