1ซามูเอล 14 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 อยู่มาวันหนึ่งโยนาธานราชบุตรซาอูลตรัสแก่คนใช้ที่เคยถือเครื่องรบว่า, ให้เราข้ามไปยังค่ายฟะลิศตีมฟากข้างโน้น, แต่ท่านหาได้ทูลความให้พระราชบิดาทราบไม่. 2 ฝ่ายซาอูลประทับอยู่ปลายแดนฆิบอาใต้ต้นทับทิมซึ่งอยู่แขวงฆิบโรน, กับพลทหารที่อยู่ด้วยประมาณหกร้อยคน. 3 กับอะฮิยาบุตรชายอะฮิธูปพี่ชายอีกาโบด, ซึ่งเป็นบุตรชายฟีนะฮาศ ๆ เป็นบุตรชายเอลีปุโรหิตแห่งพระยะโฮวา, อยู่ ณ ซีโลกำลังประดับเอโฟดอยู่, ชนทั้งหลายไม่แจ้งว่าโยนาธานไปแล้ว. 4 ในระหว่างช่องแคบที่โยนาธานพยายามจะข้ามไปค่ายฟะลิศตีมนั้น, มีศิลายอดแหลมอยู่ข้างนี้ยอดหนึ่ง ข้างโน้นยอดหนึ่ง, ยอดหนึ่งชื่อโบเซซ, อีกยอดหนึ่งชื่อเซ็นเนะ. 5 ยอดหนึ่งตั้งอยู่ทิศเหนือข้างมิกมาช, อีกยอดหนึ่งอยู่ทิศใต้ข้างเฆบะ 6 โยนาธานบอกคนใช้ที่ถือเครื่องรบว่า, ให้เราข้ามไปยังค่ายพวกที่ไม่ถือศีลสุนัด, บางทีพระยะโฮวาจะทรงอนุเคราะห์เรา, ด้วยไม่มีสิ่งไรขัดขวางพระองค์ไว้ในการช่วยให้รอด ไม่ว่ามีพลมากหรือน้อย. 7 ผู้ถือเครื่องรบทูลตอบว่า, จงกระทำตามที่ท่านเห็นควร, ข้าพเจ้าจะทำตามพระทัยท่าน. 8 โยนาธานว่า, นี่แนะ เราจะข้ามไปหาชายเหล่านั้น, จะแสดงตนให้แจ้งแก่เขา. 9 ถ้าเขาพูดแก่เราเช่นนี้ว่า, จงคอยกว่าเรามาหาเจ้า, เราจึงจะยืนอยู่ที่นั่น, ไม่ขึ้นไปหาเขา, 10 ถ้าเขาพูดเช่นนี้ว่า, จงขึ้นมาหาเราเถิด, เราจะขึ้นไป, ด้วยพระยะโฮวาทรงมอบเขาไว้ในมือเราแล้ว, ข้อนี้ก็เป็นที่สำคัญแก่เรา. 11 เขาทั้งสองจึงสำแดงตัวให้ปรากฏแก่พวกฟะลิศตีมที่ประจำค่ายอยู่, พวกฟะลิศตีมก็พูดกันว่า, นี่แน่ะ, พวกเฮ็บรายออกมาจากถ้ำที่ซ่อนอยู่นั้น. 12 ทหารประจำค่ายทูลโยนาธาน, และพูดแก่ผู้ถือเครื่องรบว่า, จงขึ้นมาหาพวกเราเถิด, พวกเราจะแจ้งความให้รู้ข้อหนึ่ง, โยนาธานจึงบอกผู้ถือเครื่องรบว่า, จงตามเราขึ้นมา ด้วยพระยะโฮวาทรงมอบเขาไว้ในมือพวกยิศราเอลแล้ว. 13 โยนาธานจึงคลานขึ้นไป, และผู้ถือเครื่องรบก็ตามท่านไปด้วย, พวกนั้นก็ล้มลงต่อหน้าโยนาธาน, ฝ่ายผู้ถือเครื่องรบตามท่านก็ฟันฆ่าพวกนั้นเสีย. 14 การซึ่งโยนาธานกับผู้ถือเครื่องรบฆ่าฟันเสียครั้งแรกนั้นประมาณยี่สิบคน, ในระหว่างที่ดินสักครึ่งไร่. 15 บรรดาผู้คนที่อยู่ ณ ค่ายและที่ทุ่งนาพากันมีความกลัวจนตัวสั่น, บรรดาพลทหารทั้งกองประจำค่ายและกองปล้น, พากันมีความสะทกสะท้านด้วยแผ่นดินก็ไหวเป็นที่สะดุ้งอย่างยิ่ง 16 กองตรวจเฝ้าแห่งซาอูลที่ภูเขาฆิบอาแขวงตระกูลเบ็นยามิน, มองไปเห็นกองทหารนั้นวิ่งไปมาสับสนกันน้อยไปทุกที. 17 ซาอูลจึงดำรัสสั่งพวกที่อยู่กับท่านว่า, ให้ตรวจดูว่าใครไปจากเราบ้าง, ครั้นตรวจแล้วเห็นโยนาธานกับผู้ถือเครื่องรบไม่อยู่. 18 ซาอูลจึงรับสั่งแก่อะฮิยาว่า, จงเชิญหีบแห่งพระเจ้ามานี่, ด้วยขณะนั้นหีบของพระเจ้าอยู่ที่ค่ายพวกยิศราเอล. 19 ครั้นซาอูลสนทนาอยู่กับปุโรหิตยังมิทันขาดคำ, ความวุ่นวายที่ค่ายฟะลิศตีมนั้นทวีขึ้น, ซาอูลจึงรับสั่งแก่ปุโรหิตว่า, ให้หดมือไว้ก่อน. 20 ซาอูลกับบรรดาทหารที่อยู่กับท่านพากันเข้าไปในที่รบ แลเห็นดาบของทุกคนต่างฟันกันเป็นการชุลมุนใหญ่. 21 อนึ่งพวกเฮ็บรายซึ่งแต่ก่อนได้เข้าสมัครกับฟะลิศตีมขึ้นมาเข้าไปในค่ายนั้นด้วยกันจากอาณาเขตต์อันล้อมรอบพวกนั้นกลับอยู่ฝ่ายยิศราเอลพรรคพวกของซาอูลและโยนาธาน. 22 บรรดาพวกยิศราเอลที่ซ่อนอยู่ตามหมู่เขาเขตต์ตระกูลเอ็ฟรายิม ครั้นได้ยินว่า พวกฟะลิศตีมหนีไป ก็รีบไล่ตามไปยังที่รบ. 23 ในวันนั้น พระยะโฮวาทรงช่วยพวกยิศราเอลให้รอดพ้นจากการศึก, ก็เลยข้ามไปยังเบธอาเว็น. 24 ขณะนั้นพวกยิศราเอลก็อิดโรย, เพราะซาอูลให้สาบานว่า, ถ้าผู้ใดกินอาหารก่อนเวลาเย็นกว่าเราจะได้แก้แค้นศัตรู, ผู้นั้นต้องสาปแช่ง, เหตุฉะนั้นไม่มีใครกินเลย. 25 บรรดาชาวแผ่นดินนั้นได้เข้าไปในป่า, ซึ่งมีน้ำผึ้งตกอยู่ที่พื้นดิน. 26 ครั้นคนทั้งปวงเข้าไปในป่าแล้ว, ก็เห็นน้ำผึ้งไหลลง, แต่หามีใครยื่นมือรองใส่ปากไม่ เพราะชนทั้งปวงเกรงกลัวคำสาบาน. 27 แต่โยนาธานมิได้ยินพระราชบิดาให้พลทหารสาบาน, จึงยื่นปลายไม้เท้าที่มือเขี่ยรวงน้ำผึ้งหยิบใส่ปาก, แล้วตาก็สว่างขึ้น. 28 มีบุรุษผู้หนึ่งทูลว่า, พระราชบิดาของท่านให้พลทหารสาบานไว้ว่า, ผู้ใดรับประทานอาหารในวันนี้จะต้องแช่งสาป, พลทหารจึงมีความอิดโรยมาก. 29 โยนาธานตอบว่า, พระราชบิดาของเรากระทำให้ชาวแผ่นดินมีความทุกข์ลำบาก, จงดูเถิด, ตาของเราก็สว่างขึ้นมากเพราะได้ชิมน้ำผึ้งนี้แต่เล็กน้อย. 30 หากว่าวันนี้พลทหารได้กินของซึ่งแย่งชิงมาจากศัตรูที่พบปะนั้นให้อิ่ม, ก็ยิ่งดี, เพราะจะได้ฟันฆ่าพวกฟะลิศตีมตายมากขึ้นอีกมิใช่หรือ? 31 วันนั้นเขาทั้งหลายฟันฆ่าพวกฟะลิศตีม, ตั้งแต่มิกมาชไปจนถึงอะยาโลน, แต่พลทหารมีความอิดโรยมาก. 32 จึงรีบไปแย่งชิงของปล้น, จับตัวแกะ ตัวโค ลูกโคมาฆ่าที่สนามรบ กินทั้งเลือด. 33 มีผู้กราบทูลซาอูลว่า, ข้าแต่กษัตริย์, พลทหารล่วงละเมิดต่อพระยะโฮวา, คือรับประทานอาหารกับเลือด, ซาอูลทรงตรัสว่า, เจ้าทั้งหลายกระทำทุจริต, กลิ้งศิลาก้อนใหญ่มายังเราวันนี้. 34 ซาอูลจึงรับสั่งว่า, จงแยกกันไปในท่ามกลางพลทหาร, และป่าวร้องให้ทุกๆ คนพาตัวโค ตัวแกะของตนมาหาเรา ฆ่ากินที่นี่, อย่าได้ล่วงละเมิดต่อพระยะโฮวาโดยการกินกับเลือด, ในคืนวันนี้ ทุกๆ คนจึงได้พาโคของตนมาฆ่าที่นั่น. 35 ซาอูลจึงได้ก่อสร้างแท่นเป็นหนแรกถวายแก่พระยะโฮวา. 36 แล้วทรงตรัสว่า, ให้พวกเราลงไปตาม, แย่งชิงพวกฟะลิศตีม, ในเวลากลางคืนวันนี้จนรุ่งเช้า, อย่าให้เหลือสักคนเดียว, พลทหารก็ทูลตอบว่า, สุดแล้วแต่จะทรงโปรด, ปุโรหิตจึงกล่าวว่า, ให้เรามาเฝ้าพระเจ้าที่นี่เถิด. 37 ซาอูลก็ทูลถามพระเจ้าว่า, ข้าพเจ้าจะต้องลงไปตามพวกฟะลิศตีมหรือ? พระองค์จะทรงมอบเขาไว้ในมือพวกยิศราเอลหรือ? แต่ในวันนั้นพระเจ้าหาได้ตรัสตอบไม่. 38 ซาอูลรับสั่งว่า, ให้บรรดาผู้เฒ่าแก่เข้ามาที่นี่, พิจารณาดูให้รู้ว่า ความผิดนี้เกิดขึ้นอย่างไรในวันนี้. 39 ด้วยพระยะโฮวาผู้ทรงช่วยพวกยิศราเอลให้รอดนั้น, ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, แม้นเป็นเพราะโยนาธานราชบุตร, ก็ต้องสำเร็จโทษเสียแน่ฉันนั้น, ฝ่ายบรรดาพลทหารหามีใครทูลตอบไม่เลย. 40 จึงมีรับสั่งแก่บรรดาพวกยิศราเอลว่า, ให้เจ้าทั้งหลายอยู่ฝ่ายหนึ่ง, และให้เรากับโยนาธานราชบุตรอยู่ฝ่ายหนึ่ง, พลทหารกราบทูลซาอูลว่า, สุดแล้วแต่จะทรงโปรด. 41 ซาอูลทูลพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งยิศราเอล, ขอประทานให้ฉลากตกแก่ผู้ผิด, ฉลากนั้นก็ได้แก่โยนาธานกับซาอูล, แต่พลทหารก็พ้นไป. 42 ซาอูลจึงรับสั่งว่า, จงจับฉลากในระหว่างเรากับโยนาธานราชบุตร, แล้วฉลากนั้นก็ได้แก่โยนาธาน 43 ซาอูลจึงตรัสถามโยนาธานว่า, ได้ทำอะไรจงบอกพ่อเถิด, โยนาธานทูลรับว่า, ข้าพเจ้าได้ชิมน้ำผึ้งนิดหน่อยที่ปลายไม้เท้าในมือเท่านั้น, ข้าพเจ้าต้องรับโทษถึงชีวิต. 44 ซาอูลทรงตรัสว่า, โยนาธานเอ๋ย, ขอพระเจ้าทรงกระทำดังนั้นแก่เราและยิ่งกว่านั้นอีก, เธอต้องรับโทษถึงชีวิตเป็นแน่. 45 แต่พลทหารกราบทูลซาอูลว่า, โยนาธานผู้ที่กระทำการใหญ่ได้ช่วยสงเคราะห์พวกยิศราเอลให้รอดต้องสำเร็จโทษหรือ? ขอพระเจ้าทรงห้ามปรามไว้, ด้วยพระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, อย่าให้ผมศีรษะของท่านตกถึงที่พื้นดินสักเส้นเดียว, เหตุว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยในซึ่งท่านกระทำวันนี้. พลทหารจึงได้ช่วยโยนาธานมิให้ถูกสำเร็จโทษ. 46 ซาอูลก็ล่าทัพขึ้นไป ไม่ไล่ตามพวกฟะลิศตีมอีก, และพวกฟะลิสตีมกลับไปอยู่ตามภูมิลำเนาของตน 47 เมื่อซาอูลได้ครอบครองประเทศยิศราเอล ทรงทำศึกสงครามกับบรรดาข้าศึกอันตั้งอยู่รอบทุกด้าน. คือประเทศโมอาบ, ชาติอำโมน, ชาติอะโดม, หมู่เจ้านายโซบา, และชาติฟะลิศตีม ได้มีชัยชะนะทุกๆ ด้าน. 48 จึงทรงจัดการอย่างกล้าหาญ ยกไปตีประเทศอะมาเล็คให้แตก ให้พวกยิศราเอลพ้นมือข้าศึก 49 ซาอูลมีพระราชโอรสคือโยนาธาน, ยิซะวีและมะละดีซัว, พระราชธิดาสององค์ คือเมราบองค์พี่และมีคาลองค์น้อง. 50 อรรคมเหษีของซาอูลทรงพระนามว่าอะฮีโนอำ, เป็นบุตรีของอะฮีมะอัศ, แม่ทัพของท่านชื่ออับเนรเป็นบุตรแห่งเนรลุงของซาอูล, 51 บิดาซาอูลชื่อคิช, และเนรเป็นบิดาของอับเนร ๆ เป็นบุตรอะบีเอล. 52 เมื่อเวลาซาอูลอยู่ในราชสมบัติ ได้ทำศึกสงครามอย่างรุนแรงต่อชาติฟะลิศตีม, ซาอูลเห็นผู้ใดเป็นคนแกล้วกล้า, ก็กะเกณฑ์ไว้ใช้ในราชการ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society