Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -




อิสยาห์ 12:1 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย

1 ในวันนั้น ท่านจะพูดว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ ถึงแม้พระองค์ทรงพระพิโรธข้าพระองค์ พระพิโรธของพระองค์ก็ได้หันไป และพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์

Faic an caibideil Dèan lethbhreac


Tuilleadh tionndaidhean

ฉบับมาตรฐาน

1 ในวันนั้น ท่านจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ เพราะแม้ว่าพระองค์ทรงพระพิโรธต่อข้าพระองค์ ความกริ้วของพระองค์ก็หันกลับไปแล้ว และพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์

Faic an caibideil Dèan lethbhreac

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV

1 ในวันนั้น ท่านจะกล่าวว่า “​โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ เพราะแม้​พระองค์​ทรงพระพิโรธต่อข้าพระองค์ ความกริ้วของพระองค์​ก็​หันกลับไป และพระองค์ทรงเล้าโลมข้าพระองค์”

Faic an caibideil Dèan lethbhreac

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย

1 ในเวลานั้น​เจ้า​จะ​พูดว่า “ข้าแต่​พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้า​จะ​ขอบคุณ​พระองค์ ใช่แล้ว พระองค์​โกรธ​ข้าพเจ้าอยู่ ขอให้​ความโกรธ​ของพระองค์​หันไป​จาก​ข้าพเจ้า​ด้วยเถิด ขอให้​พระองค์​ปลอบโยน​ข้าพเจ้า​ด้วยเถิด

Faic an caibideil Dèan lethbhreac

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940

1 ใน​คราว​นั้น​เจ้า​จะ​กล่าว​ว่า, “โอ้​พระ​ยะ​โฮ​วา, ข้าพ​เจ้า​จะ​ขอบ​พระ​คุณ​พระองค์​เพราะว่า​ถึงแม้​พระองค์​ได้​ทรง​พระ​พิ​โร​ธ​ข้าพ​เจ้า, แต่​บัดนี้​พระ​พิ​โร​ธ​นั้น​ได้​หันเห​ไป​จาก​ข้าพ​เจ้า​แล้ว, และ​พระองค์​ได้​ทรง​ปลอบโยน​ข้าพ​เจ้า.

Faic an caibideil Dèan lethbhreac

พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)

1 ใน​วัน​นั้น ท่าน​จะ​พูด​ว่า “โอ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ข้าพเจ้า​จะ​ขอบคุณ​พระ​องค์ เพราะ​ถึง​แม้​ว่า​พระ​องค์​กริ้ว​ข้าพเจ้า แต่​พระ​องค์​ก็​หาย​กริ้ว​แล้ว และ​พระ​องค์​ปลอบ​ประโลม​ข้าพเจ้า

Faic an caibideil Dèan lethbhreac




อิสยาห์ 12:1
55 Iomraidhean Croise  

เนหะมีย์กล่าวว่า “จงไปกินและดื่มให้อิ่มหนำสำราญ และแบ่งปันแก่ผู้ที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเถิด วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าโศกเศร้าหม่นหมอง เพราะความชื่นบานในองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกำลังของท่าน”


ท่านย่อมจะลืมความทุกข์ลำบากได้แน่นอน แม้นึกได้ก็ดุจสายน้ำที่ไหลผ่านพ้นไป


แน่นอน สิ่งนี้จะกลับกลายเป็นการช่วยกอบกู้ข้าด้วยซ้ำ เพราะไม่มีผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้าคนใดกล้ามาสู้หน้าพระองค์หรอก!


เพราะพระพิโรธของพระองค์คงอยู่เพียงชั่วครู่ แต่ความโปรดปรานของพระองค์คงอยู่ชั่วชีวิต การร่ำไห้อาจคงอยู่ชั่วข้ามคืน แต่ความชื่นชมยินดีจะมาในเวลาเช้า


พระองค์จะทรงเพิ่มเกียรติให้แก่ข้าพระองค์ และจะทรงปลอบประโลมข้าพระองค์อีก


ข้าแต่พระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดีอีกครั้ง ขอทรงระงับความขุ่นพระทัยต่อข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด


ขอประทานเครื่องหมายแห่งความโปรดปรานของพระองค์ เพื่อศัตรูของข้าพระองค์จะได้อับอาย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงช่วยและทรงปลอบโยนข้าพระองค์


ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์หมดหัวใจ ข้าพระองค์จะบอกถึงการมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่ทรงกระทำ


โทสะของเราที่พลุ่งขึ้นต่อเจ้าจะยุติลงในไม่ช้านี้ และความโกรธของเราจะหันไปทำลายล้างพวกเขา”


จะไม่มีอะไรเหลือ นอกจากต้องไปคุดคู้อยู่ในหมู่เชลย หรือไม่ก็ล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าตาย ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่


จะมีทางหลวงสำหรับคนหยิบมือที่เหลือของพระองค์ ที่รอดมาจากอัสซีเรีย เหมือนที่มีทางหลวงสำหรับอิสราเอล เมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์


ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เจ้าพ้นจากความทุกข์ทรมาน ความชุลมุนวุ่นวาย และพันธนาการอันโหดร้าย


นัยน์ตาหยิ่งผยองจะถูกปราบลง ความโอ้อวดทะนงตัวของมนุษย์จะถูกกดลง ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงผู้เดียวจะเป็นที่เทิดทูน


ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำการมหัศจรรย์ ตามที่ทรงดำริไว้นานมาแล้ว ด้วยความซื่อสัตย์อันบริบูรณ์


ในวันนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า “แน่นอน นี่คือพระเจ้าของเรา เราวางใจพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยเรา นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราวางใจในพระองค์ ให้เรามาชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดที่พระองค์ประทานเถิด”


ในวันนั้นทั่วแดนยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ว่า เรามีเมืองแข็งแกร่งเมืองหนึ่ง พระเจ้าทรงทำให้ความรอด เป็นกำแพงและเชิงเทินของมัน


และผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้จะกลับมา พวกเขาจะเดินร้องเพลงเข้าเมืองศิโยน มีความสุขนิรันดร์เป็นมงกุฎประดับศีรษะพวกเขา พวกเขาเปรมปรีดิ์และชื่นชมยินดีอย่างเต็มล้น ความทุกข์โศกและการทอดถอนใจจะสูญสิ้นไป


ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโห่ร้องยินดี โลกเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องเพลง! เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์ และจะทรงเอ็นดูสงสารผู้ที่ทุกข์ทรมานของพระองค์


องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปลอบโยนศิโยนอย่างแน่นอน และจะทอดพระเนตรซากปรักหักพังทั้งปวงของศิโยนด้วยความเอ็นดูสงสาร พระองค์จะทรงทำให้ทะเลทรายของศิโยนเป็นเหมือนสวนเอเดน ที่ทิ้งร้างของเธอเหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่นั่นจะมีความปลาบปลื้มยินดี มีการขอบพระคุณพระเจ้าและเสียงเพลงไพเราะ


“เราทอดทิ้งเจ้าชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง แต่ด้วยความเมตตาอย่างลึกซึ้ง เราจะพาเจ้ากลับมา


ในชั่วขณะหนึ่งของความโกรธ เราเบือนหน้าหนีไปจากเจ้า แต่ด้วยความกรุณานิรันดร์ เราจะเมตตาเจ้า” พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้าตรัสไว้ดังนั้น


“สำหรับเราแล้วเรื่องนี้เป็นเหมือนในสมัยโนอาห์ เราปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ให้น้ำของโนอาห์ท่วมโลกอีกฉันใด บัดนี้เราก็ปฏิญาณว่าจะไม่โกรธ และไม่ตำหนิเจ้าอีกฉันนั้น


“ชาวต่างชาติจะสร้างกำแพงของเจ้าขึ้นใหม่ บรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะรับใช้เจ้า แม้ยามโกรธเราได้ลงโทษเจ้า แต่ในความโปรดปราน เราจะสำแดงความเมตตาแก่เจ้า


ข้าพเจ้าปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างใหญ่หลวง จิตวิญญาณของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงสวมเสื้อผ้าแห่งความรอดให้ข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้าสวมเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรม ดุจเจ้าบ่าวประดับศีรษะคล้ายปุโรหิต และเหมือนเจ้าสาวประดับกายด้วยเพชรนิลจินดา


พระองค์เสด็จมาช่วยเหลือคนทั้งหลายที่ยินดีทำสิ่งที่ถูกต้อง ผู้ระลึกถึงวิถีทางของพระองค์ แต่เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายยังคงทำบาปขัดขืนพระมรรคา พระองค์ก็ทรงพระพิโรธ แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอดได้อย่างไร?


แต่จงชื่นชมและปีติยินดีตลอดไป ในสิ่งที่เราจะสร้างขึ้น เพราะเราจะสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นความปีติยินดี และให้ชาวเยรูซาเล็มเป็นความชื่นชมยินดี


เราจะปลอบโยนเจ้า ดั่งแม่ปลอบลูก เจ้าจะได้รับการปลอบโยนในเยรูซาเล็ม”


จะมีบทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า และมีเสียงร่าเริงยินดีจากที่เหล่านั้น เราจะทวีจำนวนของพวกเขา และเขาจะไม่ลดน้อยลง เราจะนำเกียรติมาสู่เขา และพวกเขาจะไม่ถูกดูแคลน


หญิงสาวจะร่ายรำและยินดี ผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่ก็เช่นกัน เราจะเปลี่ยนความโศกเศร้าของเขาให้กลายเป็นความยินดี เราจะให้การปลอบประโลมและความชื่นชมยินดีแก่เขาแทนความทุกข์โศก


“เอฟราอิมเอ๋ย เราจะปล่อยเจ้าหลุดมือไปได้อย่างไร? อิสราเอลเอ๋ย เราจะยอมปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร? เราจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนอัดมาห์ได้หรือ? เราจะทำให้เจ้าเหมือนเศโบยิมได้อย่างไร? จิตใจที่อยู่ภายในเราก็เปลี่ยนไป ความเมตตาเอ็นดูของเราก็ได้รับการปลุกขึ้น


“มาเถิด ให้เรากลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชิ้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา


“ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะหันกลับมาหาเยรูซาเล็มด้วยความเมตตา และพระนิเวศของเราจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ที่นั่น และสายวัดจะถูกดึงออกวัดทั่วเยรูซาเล็ม’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น


ในวันนั้นลูกพรวนที่ตัวม้าจะมีข้อความจารึกว่า “บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า” และหม้อหุงต้มในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเหมือนภาชนะศักดิ์สิทธิ์หน้าแท่นบูชา


องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นกษัตริย์ครองทั้งโลก ในวันนั้นจะมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวและมีพระนามของพระองค์เพียงพระนามเดียวเท่านั้น


แต่เดี๋ยวนี้เราจะไม่ทำกับชนหยิบมือที่เหลืออยู่เหมือนในอดีต” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น


พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “การถืออดอาหารในเดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่เจ็ด และเดือนที่สิบ จะเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ และเป็นเทศกาลแห่งความสุขสำหรับยูดาห์ ฉะนั้นจงรักความจริงและสันติภาพ”


เพราะถ้าการที่พระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา เป็นเหตุให้โลกกลับคืนดีกับพระองค์แล้ว การที่พระองค์ทรงรับพวกเขากลับมาอีกนั้น จะเป็นอะไรนอกจากการมีชีวิตเป็นขึ้นจากตาย?


Lean sinn:

Sanasan


Sanasan