อาฤธโม 13:3 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19403 แลโมเซได้ใช้เขาไปจากที่ป่าฟารานตามคำพระยะโฮวาตรัสสั่งนั้น, บรรดาคนเหล่านี้เป็นคนหัวหน้าในพวกยิศราเอล. Faic an caibideilTuilleadh tionndaidheanฉบับมาตรฐาน3 โมเสสจึงส่งพวกเขาไปจากถิ่นทุรกันดารปารานตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ทุกคนเป็นหัวหน้าของคนอิสราเอล Faic an caibideilพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV3 โมเสสจึงใช้เขาไปจากถิ่นทุรกันดารปารานตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ทุกคนเป็นหัวหน้าในคนอิสราเอล Faic an caibideilพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย3 ดังนั้นโมเสสจึงส่งพวกเขาออกไปจากถิ่นกันดารปารานตามพระดำรัสสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้นำของชนอิสราเอล Faic an caibideilพระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย3 โมเสสจึงส่งพวกนี้ไปจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งปาราน ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ ทุกคนล้วนเป็นผู้นำของประชาชนชาวอิสราเอล Faic an caibideilพระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV)3 โมเสสจึงส่งพวกเขาออกไปจากถิ่นทุรกันดารปารานตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ทุกๆ คนเป็นหัวหน้าของชาวอิสราเอล Faic an caibideil |
ครั้นซามูเอลสิ้นชีพแล้ว, บรรดาพวกยิศราเอลก็ประชุมกันไว้ทุกข์, นำศพไปฝังไว้ที่รามาสำนักของท่าน, แล้วดาวิดก็ยกลงไปอยู่ป่าพาราน มีชนชาวมาโอนคนหนึ่งเป็นผู้มีทรัพย์อยู่ที่คารเม็ล, ชายนั้นเป็นคนบริบูรณ์ มีแกะสามพันตัวกับแพะพันหนึ่ง, ท่านกำลังตัดขนแกะอยู่ที่คารเม็ล. ท่านผู้นั้นชื่อนาบาล, ภรรยาชื่ออะบีฆายิล, ส่วนนางนั้นเป็นผู้มีความรู้รอบคอบ ทั้งรูปร่างก็น่าดู, แต่ส่วนสามีเป็นคนเลวทราม, เป็นคนในพงศ์พันธุ์คาเล็บ. ดาวิดอยู่ในป่าได้ยินข่าวว่า, นาบาลกำลังตัดขนแกะของตนอยู่. ดาวิดก็เรียกชายหนุ่มสิบคนมาสั่งว่า, จงขึ้นไปหานาบาลที่คารเม็ล,แล้วคำนับท่านในนามของเรา. จงกล่าวอย่างนี้ว่า, ขอท่านจงเจริญเป็นสุขกับบรรดาครอบครัวของท่าน, และทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับท่านทั้งสิ้น. บัดนี้ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่า, ผู้ตัดขนแกะอยู่กับท่าน, แต่ผู้เลี้ยงแกะของท่านได้อาศัยอยู่กับพวกเรา, เราไม่ทำอันตรายแก่เขา, ทั้งไม่ให้มีความเสียหายตลอดเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในคารเมลนั้น. จงถามคนใช้ของท่าน, แล้วเขาจะบอกท่านตามจริง, เพราะเหตุฉะนั้นขอให้ท่านแสดงความกรุณาคุณต่อคนใช้เหล่านี้, ด้วยเรามาหาในเวลาวันดี, ท่านมีอะไรอยู่พร้อมแล้ว, โปรดยกให้แก่พวกข้าพเจ้าและให้แก่ดาวิดบุตรของท่านเถิด ครั้นคนใช้ของดาวิดไปถึง, จึงบอกนาบาลตามคำเหล่านี้ในนามของดาวิด, แล้วก็หยุด. นาบาลตอบแก่คนใช้ของดาวิดว่า, ดาวิดคือผู้ใด? บุตรชายยิซัยคือผู้ใด? ทุกวันนี้มีบ่าวหลายคนได้หนีไปจากนายของตน. เราจะเอาขนมและน้ำของเรา, กับเนื้อสัตว์ที่เราได้ฆ่าเลี้ยงหมู่คนตัดขนแกะของเรา, ยกให้แก่หมู่คนที่เราไม่รู้ว่ามาแต่ไหนหรือ? คนใช้ของดาวิดก็หันหน้ากลับมาตามทางเดิม, แจ้งถ้อยคำเหล่านี้แก่ดาวิดทั้งสิ้น. ดาวิดจึงสั่งพรรคพวกของท่านว่า, ให้ทุกคนสะพายกระบี่ของตนไว้, เขาก็มาทำตาม, ส่วนดาวิดสะพายกระบี่ของท่านด้วย, เขาทั้งหลายได้ตามดาวิดขึ้นไปสี่ร้อยคน, และเฝ้าเครื่องใช้สรอยอยู่สองร้อยคน มีผู้หนึ่งในหมู่คนใช้มาบอกอะบีฆายิลภรรยานาบาลว่า, ดาวิดใช้ทูตมากล่าวคำนับนายของพวกเรา, แต่นายกลับดุเอาคนเหล่านั้น. แต่พวกชนเหล่านั้นก็ได้แสดงกรุณาคุณต่อเราอย่างยิ่ง เขาไม่ทำอันตรายแก่เราเลย, เราไม่ขาดเหลือสิ่งใดๆ ตลอดเวลาเราเที่ยวไปมากับเขาตามทุ่งนานั้น. เขาเป็นดุจกำแพงกั้นพวกเราไว้, ทั้งกลางวันและกลางคืน, ตลอดเวลาที่เราเลี้ยงฝูงแกะอยู่กับเขานั้น. บัดนี้จงพิจารณาดูว่าท่านจะทำอย่างไร, ด้วยเขาหมายร้ายต่อนายของเรา, กับทั้งบรรดาพงศ์พันธุ์เพราะนายของท่าน, เป็นคนพาลไม่มีใครพูดกับเขาได้ นางอะบีฆายิลก็รีบจัดแจงขนมสองร้อยก้อน, น้ำองุ่นสองขวดหนัง, แกะห้าตัว, เตรียมไว้พร้อม, ข้าวขั้วห้าถัง, ลูกองุ่นร้อยพวง, และขนมมะเดื่อเทศสองร้อยแผ่น, บรรทุกลาไว้. สั่งคนใช้ว่า, จงไปก่อนเถิด แล้วเราจะตามไป, แต่นางไม่บอกให้นาบาลสามีรู้. อยู่มาเมื่อกำลังขี่ลาลงไปตามซอกภูเขา, ทันใดนั้น, ดาวิดกับพรรคพวกกำลังลงมาด้วยนางก็พบเขาเหล่านั้น. ฝ่ายดาวิดได้กล่าวไว้แล้วว่า แท้จริงเราได้รักษาสิ่งสารพัตรของผู้นี้ไว้ในป่าเปล่าๆ มิได้ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดบกพร่องเสียหายเลย, เขายังทำชั่วสนองคุณเรา, ขอพระเจ้าทรงกระทำแก่ศัตรูของดาวิดอย่างนั้น, และให้ยิ่งกว่านั้นอีก, ถ้าแม้นเราให้เหลือแก่เขานั้นแต่เด็กชายคนเดียวจนรุ่งเช้า เมื่ออะบีฆายิลเห็นดาวิด, ก็รีบลงจากหลังลา, ก้มหน้าลงถึงพื้นดินกราบไหว้ตรงหน้าดาวิด. แล้วกราบลงที่เท้าของท่านทูลว่า, ข้าพเจ้าขอรับโทษนั้น, ขอให้ข้าพเจ้าทูลต่อท่าน, และจงฟังคำทาสของท่านเถิด. ขออย่าได้ใส่ใจในเรื่องคนเลวทรามเช่นนาบาลนี้เลย, ด้วยชื่อเขาเป็นอย่างไร ตัวเขาก็เป็นอย่างนั้น; เขาชื่อนาบาลและความโฉดเขลาอยู่ที่เขา, แต่ทาสีของท่านไม่เห็นชายหนุ่มซึ่งท่านไว้ใช้มานั้นเลย. ท่านเจ้าข้า, ตามที่พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่, และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด, พระองค์จะทรงหน่วงเหนี่ยวท่านไว้ให้พ้นจากบาปฆ่าคน, เป็นการแก้แค้นด้วยมือของตนเองฉันนั้น, ให้พวกศัตรูและผู้ที่หาช่องปองร้ายต่อท่านเป็นเหมือนนาบาลเถิด. ของให้ซึ่งข้าพเจ้าไว้นำมาถวาย, ขอให้แจกแก่ชายหนุ่มที่ตามท่านไปนั้น. ขอโปรดยกโทษทาสีของท่าน, ด้วยพระยะโฮวาคงจะทรงบำรุงเชื้อวงศ์ของท่านให้มั่นคงอยู่, เพราะท่านเคยทำสงครามของพระองค์และจะไม่ทรงถือผิดในท่านตลอดชั่วอายุ. แม้ว่าจะมีผู้ใดยกไล่ติดตามมาจะประหารชีวิตของท่าน, ถึงกระนั้นก็ดี, ชีวิตของท่านคงจะรวบรวมไว้ในหมู่วิญญาณอยู่กับพระยะโฮวาพระเจ้าของท่าน, แต่ส่วนวิญญาณศัตรูของท่านนั้นจะต้องเหวี่ยงซัดไปประดุจลูกสลิงออกจากรัง. เมื่อพระยะโฮวาจะทรงกระทำความดีแก่ท่านตามบรรดาพระดำรัส, คือจะตั้งท่านให้ปกครองประเทศยิศราเอล. การนี้จะไม่เป็นเหตุให้ท่านเป็นทุกข์เสียใจเลยด้วยเรื่องที่ไว้ฆ่าคนให้โลหิตตกโดยมิใช่เหตุ, หรือแก้แค้นด้วยตนเอง, เมื่อพระยะโฮวาทรงบันดาลให้ท่านเจริญดีแล้ว, ขอระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย ดาวิดจึงกล่าวแก่อะบีฆายิลว่า, สาธุการแก่พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกยิศราเอลที่ทรงโปรดให้เจ้ามาพบเราวันนี้. ขอบคุณสติปัญญาของเจ้าและขอบคุณซึ่งเจ้าได้หน่วงเหนี่ยวเราไว้ วันนี้ให้พ้นจากบาปฆ่าคน, และมิให้แก้แค้นด้วยมือของตนเอง. พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกยิศราเอลผู้ทรงหน่วงเหนี่ยวเราไว้ไม่ให้ทำอันตรายแก่เจ้า, ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ถ้าเจ้าไม่รีบมาพบปะกันเรา, ชั้นแต่เด็กชายที่เกี่ยวข้องกับนาบาล, จะไม่เหลือจนรุ่งเช้าสักคนเดียว. ดาวิดจึงรับของให้จากมือนางนั้น, แล้วกล่าวว่า, เชิญกลับไปบ้านเป็นสุขเถิด, เราได้เชื่อคำของเจ้า ๆ ก็ได้ความชอบแล้ว ครั้นอะบีฆายิลมาถึงนาบาล, ก็มีการเลี้ยงที่บ้าน, ดุจการเลี้ยงของกษัตริย์, และใจนาบาลก็รื่นเริงด้วยความเมา, นางมิได้แจ้งความหนักเบาสักคำเดียวจนรุ่งเช้า. ครั้นรุ่งเช้าพอนาบาลสร่างเมาน้ำองุ่นแล้ว, ภรรยาก็เล่าคำเหล่านั้นให้ฟัง, จิตต์ใจของนาบาลแทบจะขาดออก, ก็เลยสลบนิ่งอยู่ดุจก้อนหิน, ครั้นล่วงไปได้ประมาณสิบวันพระยะโฮวาทรงลงโทษนาบาลจนถึงแก่ชีวิต เมื่อดาวิดได้ยินข่าวว่านาบาลตายแล้ว, จึงกล่าวว่า, สาธุการ, พระยะโฮวาผู้ทรงแก้แค้นแทนเรา, เพราะความประมาทหมิ่นของนาบาล, และทรงยึดเหนี่ยวผู้ทาสแห่งพระองค์ไว้ไม่ให้ทำผิด, แต่ความผิดของนาบาลนั้นพระยะโฮวาทรงบันดาลให้กลับทับศีรษะของตนเอง, ดาวิดจึงใช้คนไปพูดกับอะบีฆายิลว่าจะขอรับเลี้ยงนางเป็นภรรยาของท่าน. ครั้นคนใช้ของดาวิดมาถึงอะบีฆายิลที่คารเม็ล, จึงบอกว่า, ดาวิดสั่งให้พวกเรามาสู่ขอรับนางเป็นภรรยาของท่าน. นางก็ลุกขึ้นก้มหน้าลงถึงพื้นดินตอบว่า, ข้าพเจ้าเป็นเสมอทาสีสำหรับจะได้ล้างเท้าคนใช้ของนาย. นางอะบีฆายิลก็รีบลุกขึ้นขี่ลาตามคนใช้ของดาวิดไป มีทาสีห้าคนตามนางไป, แล้วนางก็ได้เป็นภรรยาของดาวิด ดาวิดก็รับนางอะฮีโนอำชาวยิศเรลด้วย, และนางทั้งสองคนนี้ได้เป็นภรรยาของท่าน. ส่วนมีคัลภรรยาของดาวิดนั้นซาอูลราชบิดาได้ยกให้แก่ฟาละตีบุตรลายิศชาวฆาลิม