2ซามูเอล 22 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัยบทเพลงสรรเสริญของดาวิด ( สดด.18:1-50 ) 1 ดาวิดทรงขับร้องเพลงบทนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า หลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากเงื้อมมือของซาอูลและศัตรูอื่นๆ ทั้งปวง 2 เขากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า 3 พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย ทรงเป็นโล่ เป็นกำลังแห่งความรอดของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่มั่น เป็นที่ลี้ภัย เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนอำมหิต 4 ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู 5 “คลื่นแห่งความตายถาโถมใส่ข้าพเจ้า กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า 6 บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 7 ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทูลเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์ เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงพระกรรณของพระองค์ 8 “แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น ฐานของสวรรค์สั่นคลอน สวรรค์สั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ 9 ควันพุ่งออกมาจากพระนาสิก เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 10 พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์ 11 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบ เสด็จมาด้วยปีกแห่งกระแสลม 12 พระองค์ทรงทำให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์ ทรงให้เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์ 13 สายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมา จากแสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์ 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์ พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง 15 พระองค์ทรงยิงลูกศร ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป ทรงส่งฟ้าแลบ ทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป 16 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำราบ เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์ หุบเขาในท้องทะเลก็เผยออก รากฐานของโลกก็ปรากฏ 17 “พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้ ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก 18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า 19 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้ 20 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า 21 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้า เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด 22 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า 23 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์ 24 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์ และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป 25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์ 26 “ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ 27 ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์ แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม 28 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น แต่ทรงจับตาดูคนหยิ่งผยองเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง 29 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นประทีปของข้าพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง 30 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ ข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์ 31 “สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด พระองค์ทรงเป็นโล่ สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์ 32 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์? ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา? 33 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม 34 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้ 35 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้ 36 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่ 37 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม 38 “ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูและบดขยี้พวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย 39 ข้าพระองค์บดขยี้พวกเขาจนแหลกลาญ และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์ 40 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์ 41 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์ 42 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ 43 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลี ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน 44 “พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของประชากรของข้าพระองค์ ทรงสงวนข้าพระองค์ไว้ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักมาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์ 45 คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์ ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์ 46 พวกเขาล้วนเสียขวัญ ต่างก็ตัวสั่นออกมาจากที่มั่น 47 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์! ขอพระเจ้า พระศิลา พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน! 48 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า ผู้ทรงปราบประชาชาติต่างๆ ไว้ภายใต้ข้าพเจ้า 49 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากเหล่าศัตรู พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต 50 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ 51 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้ ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้ คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
สงวนลิขสิทธิ์ © 1999, 2001, 2007 โดยองค์การอมตธรรม
Thai New Contemporary Version
Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.®
Used by permission of Biblica, Inc.® All rights reserved worldwide.
Biblica, Inc.