อาฤธโม 11 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานเนื้อ 1 ประชาชนได้บ่นเรื่องเหตุร้าย ต่อพระเนตรพระกรรณของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงทราบก็ทรงพระพิโรธ มีไฟของพระเจ้ามาไหม้อยู่ท่ามกลาง เขาเผาค่ายรอบนอกเสียบ้าง 2 แล้วคนทั้งหลายจึงร้องต่อโมเสส และโมเสสได้อธิษฐานพระเจ้า ไฟก็ดับ 3 เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่าทาเบราห์ เพราะไฟของพระเจ้ามาไหม้อยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย 4 คนที่ปะปนมากับเขาทั้งหลายเป็นคนละโมบมาก ทั้งคนอิสราเอลก็ร้องไห้คร่ำครวญอีกว่า <<ผู้ใดจะให้เนื้อเรากิน 5 เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ หัวกระเทียม 6 บัดนี้จิตใจของเราก็เหี่ยวแห้งลง ไม่มีอะไรให้เราดูเลยนอกจากมานานี้>> 7 มานานั้นเหมือนเมล็ดผักชี สีเหมือนยางไม้ตะคร้ำ 8 ประชาชนก็เที่ยวออกไปเก็บมาโม่หรือตำในครก และใส่หม้อต้มทำขนม รสของมานาเหมือนรสขนมคลุกน้ำมัน 9 กลางคืนเมื่อน้ำค้างตกมาเหนือค่าย มานาก็ตกมาด้วย 10 โมเสสได้ยินประชาชนร้องไห้ไปทั่วตระกูลทั้งหลาย ต่างคนต่างอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พระเจ้าทรงกริ้วยิ่งนัก โมเสสก็ร้อนใจด้วย 11 โมเสสจึงกราบทูลพระเจ้าว่า <<ไฉนพระองค์จึงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ยากเย็นเช่นนี้ เหตุใดข้าพระองค์ไม่เป็นที่โปรดปรานต่อพระองค์ พระองค์จึงทรงวางเรื่องของชนชาติทั้งหมดนี้อัน เป็นภาระหนักลงเหนือข้าพระองค์ 12 ข้าพระองค์ตั้งครรภ์คนเหล่านี้มาหรือ ข้าพระองค์ยังคนเหล่านี้ให้เกิดมาหรือ พระองค์จึงตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า <จงอุ้มเขาไว้ในอกของเจ้าอย่างคนเลี้ยงอุ้ม ลูกแดงนำมาสู่แผ่นดินที่พระองค์ปฏิญาณจะให้แก่ ปู่ย่าตายายของเขา> 13 ข้าพระองค์จะได้เนื้อมาจากไหนให้คนทั้งหมดนี้ เพราะเขาร้องไห้ต่อข้าพระองค์ว่า <ขอเนื้อให้เรากิน> 14 ข้าพระองค์ไม่สามารถหอบอุ้มคนเหล่านี้แต่ลำพัง ได้เป็นภาระหนักเกินแก่ข้าพระองค์ 15 ถ้าพระองค์จะทรงกระทำแก่ข้าพระองค์อย่างนี้แล้ว และถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปราน ขอจงประหารข้าพระองค์เสียทันทีเถิด อย่าให้ข้าพระองค์แลเห็นความทุเรศของข้าพระองค์เลย>> 16 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<จงรวบรวมพวกผู้ใหญ่ในอิสราเอลให้เราเจ็ดสิบคน เป็นคนที่เจ้าทราบว่าเป็นคนผู้ใหญ่ในประชาชนและเป็น เจ้าหน้าที่เหนือเขาทั้งหลาย จงพาเขามาที่เต็นท์นัดพบให้เขายืนอยู่พร้อมกับเจ้าที่นั่น 17 เราจะลงมาสนทนากับเจ้าที่นั่น และเราจะเอาจิตวิญญาณที่มีอยู่บนเจ้ามาใส่บน คนเหล่านั้นเสียบ้าง ให้เขาทั้งหลายแบกภาระของชนชาตินี้ด้วยกันกับเจ้า เพื่อเจ้าจะมิได้ทนแบกอยู่แต่ลำพัง 18 และจงกล่าวแก่คนทั้งปวงว่า <ท่านทั้งหลายจงชำระตัวให้บริสุทธิ์สำหรับพรุ่งนี้ ท่านจะได้รับประทานเนื้อเพราะท่านร้องไห้ต่อพระเนตร พระกรรณของพระเจ้าว่า <<ผู้ใดจะให้เนื้อเรากิน เมื่อเราอยู่ในอียิปต์เราก็สุขสบาย>> เพราะเหตุนี้พระเจ้าจะทรงประทานเนื้อให้ท่านทั้งหลาย รับประทาน 19 ท่านจะมิได้รับประทานวันเดียว หรือสองวัน หรือห้าวัน หรือสิบวัน หรือยี่สิบวัน 20 แต่หนึ่งเดือนเต็ม จนเนื้อจะล้นออกมาทางรูจมูกของท่าน จนท่านเอือม เพราะท่านได้ทอดทิ้งพระเจ้าผู้อยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลาย และได้ร้องไห้ต่อพระองค์กล่าวว่า <<ไฉนเราจึงได้ออกมาจากอียิปต์>> > >> 21 แต่โมเสสกราบทูลว่า <<คนที่ข้าพระองค์อยู่ท่ามกลางเขานั้นเป็นทหารราบหกแสนคน และพระองค์ตรัสว่า <เราจะให้เนื้อเขาทั้งหลายกินครบเดือนหนึ่ง> 22 จะเอาฝูงแพะแกะฝูงโคมาฆ่าให้เขาให้พอเขากินหรือ จะรวบรวมปลาทั้งหมดในทะเลให้เขาให้พอเขากินหรือ>> 23 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<พระหัตถ์ของพระเจ้าสั้นไปหรือ บัดนี้เจ้าจะเห็นว่าคำของเราจะสำเร็จเพื่อเจ้าจริงหรือไม่>> พวกผู้ใหญ่เผยพระวจนะ 24 โมเสสก็ออกไปบอกแก่คนทั้งปวง ถึงพระดำรัสของพระเจ้า และท่านได้รวบรวมพวกผู้ใหญ่ในประชาชนได้เจ็ดสิบคน แต่งตั้งเขาไว้ให้ยืนรอบเต็นท์ 25 แล้วพระเจ้าเสด็จลงมาในเมฆและตรัสกับโมเสส และเอาวิญญาณที่มีอยู่บนโมเสสบ้าง ใส่บนพวกผู้ใหญ่เจ็ดสิบคนนั้น เมื่อวิญญาณอยู่บนเขาทั้งหลายแล้ว เขาทั้งหลายก็เผยพระวจนะ แต่เขาทั้งหลายก็ไม่ทำอีก 26 ยังมีสองคนที่อยู่ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด อีกคนหนึ่งชื่อเมดาดและวิญญาณอยู่บนเขา เขาเป็นคนที่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่ไม่ได้มาที่เต็นท์ เขาเผยพระวจนะในค่าย 27 มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกโมเสสว่า <<เอลดาดและเมดาดกำลังเผยพระวจนะอยู่ในค่าย>> 28 และโยชูวาบุตรนูนเป็นผู้รับใช้ของโมเสสตั้งแต่หนุ่มๆ มากล่าวว่า <<โมเสสเจ้านายของข้าพเจ้า ขอห้ามเขาเสีย>> 29 แต่โมเสสบอกเขาว่า <<ท่านเจ็บร้อนแทนเราหรือ เราใคร่ให้ประชาชนของพระเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะทุกคน และใคร่ให้พระเจ้าทรงใส่วิญญาณของพระองค์ไว้บนเขา เหล่านั้น>> 30 โมเสสและพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลก็กลับไปค่าย พระเจ้าประทานนกคุ่ม 31 มีลมพัดมาจากพระเจ้าพาฝูงนกคุ่มมาจากทะเล ให้มาตกอยู่ที่ข้างค่ายรอบค่ายทุกทิศ ห่างออกไปเป็นหนทางเดินวันหนึ่ง สูงพ้นพื้นดินประมาณสองศอก 32 วันนั้นคนก็เที่ยวจับนกคุ่มทั้งวันและคืน และตลอดวันรุ่งขึ้นด้วย คนที่จับได้น้อยที่สุดได้ถึงสิบโฮเมอร์ แล้วเขาเอามาวางตากทั่วค่าย 33 เมื่อนกยังติดฟันเขาทั้งหลายอยู่ ยังรับประทานไม่ทันหมด พระเจ้าทรงกริ้วประชาชนยิ่งนัก พระเจ้าก็ทรงประหารประชาชนเสียด้วยภัยพิบัติอย่างร้ายแรง 34 เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่าขิบโรทหัทธาอาวาห์ เพราะที่นั่นเขาฝังศพคนทั้งปวงที่โลภอาหาร 35 ประชาชนได้ยกเดินจากขิบโรทหัทธาอาวาห์ถึงฮาเซโรท และยับยั้งอยู่ที่ฮาเซโรท |