Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

มาระโก 8 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


ทรงเลี้ยงคนสี่พัน
( มธ. 15:32-39 )

1 คราวนั้น เมื่อประชาชนพากันมามากมายอีก ก็ไม่มีอาหารกิน พระเยซูจึงทรงเรียกเหล่าสาวกตรัสแก่เขาว่า

2 <<เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน

3 ถ้าเราจะให้เขากลับไปบ้านเมื่อยังอดอาหารอยู่ เขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง เพราะว่าบางคนมาไกล>>

4 เหล่าสาวกจึงทูลตอบพระองค์ว่า <<ในถิ่นทุรกันดารนี้จะหาอาหารให้เขากินอิ่มได้ที่ไหน>>

5 พระองค์ตรัสถามเขาว่า <<พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน>> เขาทูลว่า <<มีเจ็ดก้อนเจ้าข้า>>

6 พระองค์จึงตรัสสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดิน แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนนั้นมา โมทนาพระคุณ แล้วจึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกให้เขาแจก เหล่าสาวกจึงแจกให้ประชาชน

7 และเขามีปลาเล็กๆอยู่บ้าง พระองค์จึงถวายคำสาธุการ แล้วสั่งเหล่าสาวกให้เอาปลานั้นแจกด้วย

8 คนทั้งปวงได้รับประทานจนอิ่ม และเศษอาหารที่เหลือนั้นเขาเก็บได้เจ็ดตะกร้า

9 คนที่รับประทานนั้นประมาณสี่พัน แล้วพระองค์ตรัสสั่งให้เขาไป

10 ในทันใดนั้นพระองค์ก็เสด็จลงเรือกับเหล่าสาวกของพระองค์มาถึงเขตเมืองดาลมานูธา


ขอหมายสำคัญ
( มธ. 16:1-4 ; ลก. 12:54-56 )

11 พวกฟาริสีออกมาและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ ขอพระองค์สำแดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ หมายจะทดลองพระองค์

12 พระองค์ทรงถอนพระทัยแล้วตรัสว่า <<คนยุคนี้แสวงหาหมายสำคัญทำไม เราว่าแก่เจ้าทั้งหลายจริงๆว่า จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่คนยุคนี้>>

13 แล้วพระองค์เสด็จไปจากเขาและลงเรือข้ามฟากไปอีก


เชื้อของพวกฟาริสีและของพวกเฮโรด
( มธ. 16:5-12 )

14 ฝ่ายเหล่าสาวก ลืมเอาขนมปังไปและในเรือเขามีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น

15 พระองค์ทรงกำชับเหล่าสาวกว่า <<จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสี และเชื้อแห่งเฮโรดให้ดี>>

16 เหล่าสาวกจึงพูดกันว่า <<เพราะเหตุที่เราไม่มีขนมปัง>>

17 เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า <<เหตุไฉนพวกท่าน จึงพูดกันและกัน ถึงเรื่องไม่มีขนมปัง ท่านยังไม่รู้และไม่เข้าใจหรือ ใจของท่านมืดมัวหรือ

18 มีตาแล้วยังไม่เห็นหรือ มีหูแล้วยังไม่ได้ยินหรือ ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือ

19 เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อน ให้แก่คนห้าพันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือนั้นได้กี่กระบุง>> เขาทูลตอบว่า <<ได้สิบสองกระบุง>>

20 <<เมื่อเราแจกขนมปังเจ็ดก้อนให้แก่คนสี่พันคนนั้น ท่านทั้งหลายเก็บเศษที่เหลือได้กี่ตะกร้า>> เขาทูลตอบว่า <<ได้เจ็ดตะกร้า>>

21 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<พวกท่านยังไม่เข้าใจหรือ>>


ทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเบธไซดา

22 พระองค์กับสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้โปรดถูกต้องคนนั้น

23 พระองค์ได้ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน เมื่อได้ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาคนนั้น และวางพระหัตถ์บนเขาแล้ว พระองค์จึงตรัสถามว่า <<เจ้าเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่>>

24 คนนั้นเงยหน้าดูแล้วทูลว่า <<ข้าพระองค์แลเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา>>

25 พระองค์จึงวางพระหัตถ์บนตาเขาอีก แล้วเขาก็เพ่งดู และตาก็หายเป็นปกติ แลเห็นสิ่งทั้งหลายได้ชัด

26 พระองค์จึงตรัสสั่งคนนั้นให้กลับตรงไปยังบ้านของตน แล้วกำชับว่า <<อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น>>


เปโตรรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์
( มธ. 16:13-20 ; ลก. 9:18-21 )

27 พระเยซูได้เสด็จกับเหล่าสาวกออกไปยังหมู่บ้านแขวงซีซารียา ฟีลิปปี เมื่ออยู่ตามทางนั้นพระองค์ตรัสถามเหล่าสาวกว่า <<คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>>

28 เขาทูลตอบพระองค์ว่า <<เขาว่าเป็นยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และบางคนว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ>>

29 พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<ฝ่ายพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์>>

30 แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวก ไม่ให้เขาบอกผู้ใดให้รู้


พระเยซูทรงทำนายถึง มรณกรรมของพระองค์
( มธ. 16:21-28 ; ลก. 9:22-27 )

31 ตั้งแต่เวลานั้นมา พระองค์กล่าวสอนสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่

32 คำเหล่านี้พระองค์ตรัสโดยเปิดเผย ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์แล้วก็ทูลท้วง

33 พระองค์จึงทรงหันพระพักตร์ดูเหล่าสาวกแล้วติเปโตรว่า <<อ้ายซาตาน จงไปให้พ้น เพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า>>

34 พระองค์จึงทรงร้องเรียกประชาชนกับเหล่าสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสแก่เขาว่า <<ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา

35 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด

36 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร

37 เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา

38 ด้วยว่าถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา ในชั่วชีวิตนี้ซึ่งประกอบด้วยการชั่วคิดคดทรยศ บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และด้วยเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์>>

Lean sinn:



Sanasan