Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

มาระโก 5 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


คนผีสิงที่เมืองชาวเก-ราซาหายโรค
( มธ. 8:28-34 ; ลก. 8:26-39 )

1 ฝ่ายพระองค์กับเหล่าสาวก ก็ข้ามทะเลไปยังแดนเมืองชาวเก-ราซา

2 พอพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ มีคนหนึ่งออกจากอุโมงค์ฝังศพ มีผีโสโครกสิงได้มาพบพระองค์

3 คนนั้นอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ และไม่มีผู้ใดจะผูกมัดตัวเขาอีกได้ แม้จะล่ามด้วยโซ่ตรวนก็ไม่อยู่

4 เพราะว่าได้ล่ามโซ่ใส่ตรวนหลายหนแล้ว เขาก็หักโซ่และฟาดตรวนเสีย ไม่มีผู้ใดมีแรงพอที่จะทำให้เขาสงบได้

5 เขาคลั่งร้องอึงอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ และที่ภูเขาทั้งกลางคืนกลางวันเสมอ และเอาหินเชือดเนื้อของตัว

6 ครั้นเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งเข้ามากราบไหว้พระองค์

7 แล้วร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์มายุ่งกับข้าพระองค์ทำไม ข้าพระองค์ขอให้พระองค์สาบานในพระนามของพระเจ้าว่า จะไม่ทรมานข้าพระองค์>>

8 ที่พูดเช่นนี้ เพราะพระองค์ได้ตรัสแก่มันว่า <<อ้ายผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้นเถิด>>

9 แล้วพระองค์ตรัสถามชายนั้นว่า <<เอ็งชื่ออะไร>> มันตอบว่า <<ชื่อกอง เพราะว่าพวกข้าพระองค์หลายตนด้วยกัน>>

10 มันจึงอ้อนวอนพระองค์เป็นอันมาก มิให้ขับไล่มันออกจากแดนเมืองนั้น

11 มีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ไหล่เขาตำบลนั้น

12 ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า <<ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าในสุกรเหล่านี้เถิด>>

13 พระองค์ก็ทรงอนุญาต แล้วผีโสโครกนั้นจึงออกไปเข้าสิงอยู่ในสุกร สุกรทั้งฝูงประมาณสองพันตัวก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลสำลักน้ำตาย

14 ฝ่ายคนเลี้ยงสุกรนั้น ต่างคนต่างหนีไปเล่าเรื่องทั้งในนครและบ้านนอก แล้วคนทั้งปวงก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น

15 เมื่อเขามาถึงพระเยซูก็เห็นคนที่ผีทั้งกองได้สิงนั้น นุ่งห่มผ้านั่งอยู่มีสติอารมณ์ดี เขาจึงเกรงกลัวนัก

16 แล้วคนที่ได้เห็น ก็เล่าเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดแก่คนที่ผีสิงนั้น และซึ่งบังเกิดแก่ฝูงสุกรให้เขาฟัง

17 คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปเสียจากเขตแดนเมืองของเขา

18 เมื่อพระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่ผีได้สิงแต่ก่อนนั้นได้อ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไป

19 พระองค์ไม่ทรงอนุญาต แต่ตรัสแก่เขาว่า <<จงไปหาพวกพ้องของเจ้าที่บ้าน แล้วบอกเขาถึงเรื่องเหตุการณ์ใหญ่ ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำแก่เจ้า และได้ทรงพระเมตตาแก่เจ้าแล้ว>>

20 ฝ่ายคนนั้นก็ทูลลา แล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรี ถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อตัว และคนทั้งปวงก็ประหลาดใจนัก


บุตรสาวของไยรัส และหญิงผู้ถูกต้องชายฉลองพระองค์
( มธ. 9:18-26 ; ลก. 8:40-56 )

21 ครั้นพระเยซูเสด็จลงเรือข้ามฟากกลับไปแล้ว มีคนเป็นอันมากมาหาพระองค์ และพระองค์ยังประทับที่ฝั่งทะเล

22 มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา และเมื่อเขาเห็นพระเยซูก็กราบลงที่พระบาทของพระองค์

23 แล้วทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า <<ลูกสาวเล็กๆของข้าพระองค์เจ็บ เกือบจะตายแล้ว ขอเชิญพระองค์ไปวางพระหัตถ์บนเขา เพื่อเขาจะได้หายโรคและไม่ตาย>>

24 ฝ่ายพระองค์ได้เสด็จไปกับคนนั้น มีคนเป็นอันมากตามไปและเบียดเสียดพระองค์

25 มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีมาแล้ว

26 ได้ทนทุกข์ลำบากมามาก มีหมอหลายคนมารักษา และได้เสียทรัพย์จนหมดสิ้น โรคนั้นก็มิได้บรรเทา แต่ยิ่งกำเริบขึ้น

27 ครั้นผู้หญิงนั้นได้ยินถึงเรื่องพระเยซู เขาก็เดินปะปนกับประชาชน ที่เบียดเสียดข้างหลังพระองค์ และได้ถูกต้องฉลองพระองค์

28 เพราะคิดว่า <<ถ้าเราได้แตะต้องแต่ฉลองพระองค์ เราก็จะหายโรค>>

29 ในทันใดนั้นโลหิตที่ตกก็หยุดแห้งไป และผู้หญิงนั้นรู้สึกตัวว่าโรคหายแล้ว

30 บัดเดี๋ยวนั้น พระเยซูทรงรู้สึกว่าฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์แล้ว จึงเหลียวหลังตรัสว่า <<ใครถูกต้องเสื้อของเรา>>

31 ฝ่ายเหล่าสาวกก็ทูลว่า <<พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าประชาชนกำลังเบียดเสียดพระองค์ และพระองค์ยังจะทรงถามอีกหรือว่า <ใครถูกต้องเรา> >>

32 แล้วพระเยซูทอดพระเนตรดูรอบ ประสงค์จะเห็นผู้หญิงที่ได้กระทำสิ่งนั้น

33 ฝ่ายผู้หญิงนั้นก็กลัวจนตัวสั่น เพราะรู้เรื่องที่เป็นแก่ตัวนั้น จึงมากราบลง ทูลแก่พระองค์ตามจริงทั้งสิ้น

34 พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า <<ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด>>

35 เมื่อพระองค์ยังตรัสไม่ทันขาดคำ มีบางคนได้มาจากบ้านนายธรรมศาลาบอกว่า <<ลูกสาวของท่านตายเสียแล้ว ยังจะรบกวนอาจารย์ทำไมอีกเล่า>>

36 ฝ่ายพระเยซูไม่ทรงฟังซึ่งเขาว่านั้น จึงตรัสแก่นายธรรมศาลาว่า <<อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้นเถิด>>

37 พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดไปด้วย เว้นแต่เปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ

38 ครั้นพระองค์เสด็จไปถึงเรือนนายธรรมศาลาแล้ว ก็เห็นคนวุ่นวายร้องไห้คร่ำครวญเป็นอันมาก

39 และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปแล้ว จึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านทั้งหลายพากันร้องไห้วุ่นวายไปทำไม เด็กนั้นไม่ตาย แต่นอนหลับอยู่>>

40 เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์แต่เมื่อพระองค์ขับคนทั้งหลายออกไปแล้ว จึงนำบิดามารดาและสาวกสามคนที่ตามพระองค์มานั้นเข้าไปในที่ที่เด็กหญิงอยู่

41 พระองค์จึงจับมือเด็กหญิงนั้นตรัสว่า <<ทาลิธา คูมิ>> แปลว่า <<เด็กหญิงเอ๋ย เราว่าแก่เจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด>>

42 ในทันใดนั้นเด็กหญิงนั้น ก็ลุกขึ้นเดิน เพราะว่าเด็กนั้นอายุได้สิบสองปี ในทันใดนั้นคนทั้งปวงก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง

43 พระองค์ก็กำชับห้ามเขาแข็งแรงไม่ให้บอกผู้ใดให้รู้เหตุการณ์นี้ แล้วจึงสั่งเขาให้นำอาหารมาให้เด็กนั้นรับประทาน

Lean sinn:



Sanasan