Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

มาระโก 14 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


พวกหัวหน้าปองร้ายพระเยซู
( มธ. 26:1-5 ; ลก. 22:1-2 ; ยน. 11:45-53 )

1 ยังอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา และเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ก็หาช่องที่จะจับพระองค์ด้วยอุบายฆ่าเสีย

2 เขาพูดกันว่า <<ในช่วงเทศกาลอย่าเพ่อทำเลย กลัวว่าประชาชนจะเกิดวุ่นวาย>>


พระเยซูทรงรับการชโลมที่เบธานี
( มธ. 26:6-13 ; ยน. 12:1-8 )

3 ในเวลาที่พระองค์ประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี ในเรือนของซีโมนคนโรคเรื้อน ขณะเมื่อทรงนั่งเสวยพระกระยาหารอยู่ มีหญิงผู้หนึ่งถือผอบน้ำมันหอมนาระดา ที่มีราคามากมาเฝ้าพระองค์ แล้วเปิดผอบเทน้ำมันนั้นลงบนพระเศียรของพระองค์

4 แต่มีบางคนไม่พอใจพูดกันว่า <<เหตุใดจึงทำให้น้ำมันนี้เสียเปล่า

5 เพราะว่าน้ำมันนี้ถ้าขายก็ได้เงินกว่าสามร้อยเหรียญเดนาริอัน แล้วจะแจกให้คนจนก็ได้>> เขาจึงว่าผู้หญิงนั้น

6 ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่คนเหล่านั้นว่า <<อย่าว่าเขาเลย กวนใจเขาทำไม เขาได้กระทำการดีแก่เรา

7 ด้วยว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านเสมอ และท่านจะทำการดีแก่เขาเมื่อไรก็ทำได้ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอไป

8 ซึ่งผู้หญิงนี้ได้กระทำก็เป็นการสุดกำลังของเขา เขามาชโลมกายของเราก่อนเพื่อการศพของเรา

9 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า การซึ่งผู้หญิงนี้ได้กระทำก็จะลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่ไหนๆ ที่ข่าวประเสริฐจะประกาศทั่วพิภพ


ยูดาสตกลงทรยศต่อพระเยซู
( มธ. 26:14-16 ; ลก. 22:3-6 )

10 ฝ่ายยูดาสอิสคาริโอท เป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคน ได้ไปหาพวกมหาปุโรหิต เพื่อจะชี้พระองค์ให้เขาจับ

11 ครั้นเขาได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ยูดาส แล้วยูดาสจึงคอยหาช่องที่จะชี้พระองค์ให้แก่เขา


พระเยซูทรงรับประทานปัสกากับอัครทูต
( มธ. 26:17-25 ; ลก. 22:7-14 , 21-23 ; ยน. 13:21-30 )

12 เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ถึงเวลาเขาเคยฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า <<จะให้ข้าพระองค์ไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน>>

13 พระองค์จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งเขาว่า <<จงเข้าไปในกรุง แล้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป

14 เขาจะเข้าไปในที่ใด ท่านจงบอกเจ้าของเรือนนั้นว่า พระอาจารย์ถามว่า <ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเราได้นั้นอยู่ที่ไหน>

15 เจ้าของเรือนจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด>>

16 สาวกสองคนนั้นจึงออกเดินเข้าไปในกรุง และพบเหมือนพระดำรัสที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขา แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม

17 ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน

18 เมื่อกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้ คือคนหนึ่งที่นั่งรับประทานอาหารอยู่กับเรานี่แหละ>>

19 ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า <<คือข้าพระองค์หรือ>>

20 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า <<เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในชามเดียวกันกับเรา

21 เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ว่าด้วยพระองค์นั้น แต่วิบัติแก่ผู้ที่จะอายัดบุตรมนุษย์ไว้ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะดีกว่า>>


สถาบันศีลมหาสนิท
( มธ. 26:26-30 ; ลก. 22:15-20 ; 1 คร. 11:23-26 )

22 ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อถวายคำสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า <<จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา>>

23 แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณ และส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน

24 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก

25 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีก จนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า>>

26 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ


ทรงทำนายถึงการที่เปโตรจะปฏิเสธ
( มธ. 26:31-35 ; ลก. 22:31-34 ; ยน. 13:36-38 )

27 พระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า <เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป>

28 แต่เมื่อทรงชุบให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน>>

29 เปโตรทูลพระองค์ว่า <<แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้>>

30 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนนี้เอง ก่อนไก่จะขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง>>

31 แต่เปโตรทูลแข็งแรงทีเดียวว่า <<ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย>> เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน


พระเยซูทรงอธิษฐานในสวนเกทเสมนี
( มธ. 26:36-46 ; ลก. 22:39-46 )

32 พระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่า <<จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราอธิษฐาน>>

33 พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก

34 จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด>>

35 แล้วเสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้ให้การย์แห่งกาลนี้ล่วงพ้นไปจากพระองค์

36 พระองค์ทูลว่า <<อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์อาจทรงกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์>>

37 จึงเสด็จกลับมา ทรงเห็นเหล่าสาวกนอนหลับอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า <<ซีโมนเอ๋ย ท่านนอนหลับหรือ จะคอยเฝ้าอยู่สักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ

38 ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง>>

39 พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวคำเหมือนคราวก่อน

40 ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงเห็นสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาเขาลืมไม่ขึ้นและเขาไม่รู้ว่าจะทูลประการใด

41 เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<ท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ พอเถอะ นี่แน่ะเวลาซึ่งบุตรมนุษย์ต้องถูกอายัดไว้ในมือคนบาปนั้นมาถึงแล้ว

42 ลุกขึ้นไปกันเถิด ผู้ที่อายัดเรามาใกล้แล้ว>>


การอายัดและการจับกุมพระเยซู
( มธ. 26:47-56 ; ลก. 22:47-53 ; ยน. 18:2-11 )

43 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ในทันใดนั้นยูดาสซึ่งเป็นคนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น กับหมู่ชนถือดาบถือไม้ตะบอง ได้มาจากพวกมหาปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่

44 ผู้ที่จะอายัดพระองค์นั้นได้ให้สัญญาณแก่เขาว่า <<เราจะจุบคำนับผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหละ จงจับกุมเขาไปให้มั่นคง>>

45 ขณะนั้นยูดาสตรงเข้ามาหาพระองค์ ทูลว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า>> แล้วจุบคำนับพระองค์

46 คนเหล่านั้นก็จับกุมพระองค์ไป

47 แต่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่นชักดาบออกฟันหูทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตประจำการขาด

48 พระเยซูจึงตรัสถามพวกเหล่านั้นว่า <<ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ จึงถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา

49 เราได้อยู่กับท่านทั้งหลายทุกวัน สั่งสอนในบริเวณพระวิหาร ท่านก็หาได้จับเราไม่ แต่จะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์>>

50 แล้วสาวกทั้งหมดได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป


ชายหนุ่มผู้ที่หนีไป

51 มีชายหนุ่มคนหนึ่งห่มผ้าป่านผืนหนึ่งตามพระองค์ไป พวกเหล่านั้นก็จับชายหนุ่มนั้น

52 แต่เขาได้สลัดผ้าป่านผืนนั้นทิ้งเสีย แล้วเปลือยกายหนีไป


พระเยซูต่อหน้าสภา
( มธ. 26:57-68 ; ลก. 22:54-55 , 63-71 ; ยน. 18:12-14 , 19-24 )

53 เขาพาพระเยซูไปหามหาปุโรหิตผู้ประจำการ และมีพวกมหาปุโรหิต พวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ชุมนุมพร้อมกันอยู่ที่นั่น

54 ฝ่ายเปโตรได้ติดตามพระเยซูไปห่างๆ จนเข้าไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิตผู้ประจำการ นั่งผิงไฟอยู่กับพวกคนใช้

55 พวกมหาปุโรหิตกับบรรดาสมาชิกสภาจึงหาพยานมาเบิกปรักปรำพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์เสีย แต่หาหลักฐานไม่ได้

56 ด้วยว่ามีหลายคนเป็นพยานเท็จปรักปรำพระองค์ แต่คำของเขาแตกต่างกัน

57 มีบางคนยืนขึ้นเบิกความเท็จปรักปรำพระองค์ว่า

58 <<ข้าพเจ้าได้ยินคนนี้ว่า <เราจะทำลายพระวิหารนี้ที่สร้างไว้ด้วยมือมนุษย์ และในสามวันจะสร้างขึ้นอีกวิหารหนึ่ง ซึ่งไม่ทำด้วยมือมนุษย์เลย> >>

59 แต่คำพยานของคนเหล่านั้นเองก็ยังแตกต่างไม่ถูกต้องกัน

60 มหาปุโรหิตประจำการจึงลุกขึ้นยืนท่ามกลางที่ชุมนุมถามพระเยซูว่า <<ท่านไม่แก้ตัวในข้อหาที่พยานเขาตั้งมานี้หรือ>>

61 แต่พระองค์ทรงนิ่งอยู่มิได้ตอบประการใด ท่านมหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อีกว่า <<ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ควรแก่การนมัสการหรือ>>

62 พระเยซูทรงตอบว่า <<เราเป็นและท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพและเสด็จมาในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์>>

63 ท่านมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนแล้วกล่าวว่า <<เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า

64 ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร>> คนทั้งปวงจึงเห็นพร้อมกันว่าควรจะมีโทษถึงตาย

65 บางคนก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ ปิดพระพักตร์พระองค์ ตีพระองค์ แล้วว่าแก่พระองค์ว่า <<ทำนายซิ>> และพวกคนใช้ก็เอามือตบพระองค์


เปโตรปฏิเสธพระเยซู
( มธ. 26:69-75 ; ลก. 22:56-62 ; ยน. 18:15-18 , 25-27 )

66 ฝ่ายเปโตรเมื่อยังอยู่ที่ลานบ้านข้างล่าง มีหญิงคนหนึ่งในพวกสาวใช้ของท่านมหาปุโรหิตเดินมา

67 เมื่อเห็นเปโตรผิงไฟอยู่ เขาเขม้นดูแล้วพูดว่า <<แกได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยเหมือนกัน>>

68 แต่เปโตรปฏิเสธว่า <<ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ>> เปโตรจึงออกไปที่ประตูบ้าน

69 อีกครั้งหนึ่งสาวใช้คนนั้นได้เห็นเปโตร แล้วบอกกับคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า <<คนนี้แหละเป็นพวกเขา>>

70 แต่เปโตรก็ปฏิเสธอีก แล้วอีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ว่าแก่เปโตรว่า <<เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่แล้ว ด้วยว่าเจ้าเป็นชาวกาลิลี>>

71 แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานใหญ่ว่า <<คนที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้จัก>>

72 ในทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า <<ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง>> เมื่อเปโตรหวนคิดขึ้นได้ก็ร้องไห้

Lean sinn:



Sanasan