มัทธิว 17 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971ทรงจำแลงพระกาย ( มก. 9:2-13 ; ลก. 9:28-36 ) 1 ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง 2 แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง 3 โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์ 4 ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า <<พระองค์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ถ้าพระองค์ต้องพระประสงค์ ข้าพระองค์จะทำเพิงสามหลังที่นี่ สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง>> 5 เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำ ก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า <<ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจ ท่านผู้นี้มาก จงเชื่อฟังท่านเถิด>> 6 ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ซบหน้ากราบลงกลัวยิ่งนัก 7 พระเยซูจึงเสด็จมาถูกต้องเขา แล้วตรัสว่า <<จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย>> 8 เมื่อเขาเงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่พระเยซูองค์เดียว 9 เมื่อลงมาจากภูเขาพระเยซูตรัสห้ามเหล่าสาวกว่า <<นิมิตซึ่งพวกท่านได้เห็นนั้น อย่าบอกเล่าแก่ผู้ใดจนกว่าบุตรมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย>> 10 เหล่าสาวกก็ทูลถามพระองค์ว่า <<เหตุไฉนพวกธรรมาจารย์จึงว่า เอลียาห์จะต้องมาก่อน>> 11 พระเยซูตรัสตอบว่า <<เอลียาห์ต้องมาจริง และทำให้สิ่งทั้งปวงคืนสู่สภาพเดิม 12 แต่เราบอกแก่ท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์นั้นได้มาแล้ว และเขาหารู้จักท่านไม่ แต่เขาใคร่ทำแก่ท่านอย่างไร เขาก็ได้กระทำแล้ว ส่วนบุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ด้วยมือของเขาเช่นเดียวกัน>> 13 แล้วเหล่าสาวกจึงเข้าใจว่า พระองค์ได้ตรัสแก่เขาเล็งถึงยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา พระเยซูทรงรักษาเด็กผีสิง ( มก. 9:14-29 ; ลก. 9:37-43 ) 14 ครั้นพระเยซูกับเหล่าสาวกมาถึงฝูงชนแล้ว มีชายคนหนึ่งมาหาพระองค์คุกเข่าลง ทูลว่า 15 <<พระองค์เจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาแก่บุตรของข้าพระองค์ ด้วยเขาเป็นโรคลมบ้าหมู มีความทุกข์เวทนามาก เคยตกไฟตกน้ำบ่อยๆ 16 ข้าพระองค์ได้พาเขามาหาพวกสาวกของพระองค์ แต่พวกสาวกนั้นรักษาเขาให้หายไม่ได้>> 17 พระเยซูตรัสตอบว่า <<โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับท่านทั้งหลายนานเท่าใด เราจะต้องอดทนเพราะท่านไปถึงไหน จงพาเด็กนั้นมาหาเราที่นี่เถิด>> 18 พระเยซูจึงตรัสสำทับผีนั้น มันก็ออกจากเขา ตั้งแต่นั้นไปเด็กก็หายเป็นปกติ 19 ภายหลังเหล่าสาวกของพระเยซูมาหาพระองค์เป็นส่วนตัว ทูลถามว่า <<เหตุไฉนพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้>> 20 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<เพราะเหตุพวกท่านมีความเชื่อน้อย ด้วยเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า <จงเลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น> มันก็จะเลื่อน สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้ จะไม่มีเลย>> พระเยซูทรงทำนายถึงมรณกรรม ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ( มก. 9:30-32 ; ลก. 9:43-45 ) 22 ครั้นพระองค์กับเหล่าสาวกชุมนุมกันอยู่ในแคว้นกาลิลี พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ 23 และจะประหารชีวิตท่านเสีย ในวันที่สามท่านจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่>> พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ยิ่งนัก การชำระค่าบำรุงพระวิหาร 24 เมื่อมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมแล้ว ผู้เก็บค่าบำรุงพระวิหารมาหาเปโตรถามว่า <<อาจารย์ของท่านไม่เสียค่าบำรุงพระวิหารหรือ>> 25 เปโตรตอบว่า <<เสีย>> เมื่อเปโตรเข้าไปในเรือน พระเยซูตรัสกับเขาก่อนว่า <<ซีโมนเอ๋ย ท่านเห็นอย่างไร กษัตริย์เคยเก็บส่วยและภาษีจากผู้ใด จากโอรสหรือจากผู้อื่น>> 26 เปโตรทูลตอบว่า <<เคยเก็บจากผู้อื่น>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<ถ้าเช่นนั้นโอรสก็ไม่ต้องเสีย 27 แต่เพื่อมิให้เขาสะดุด ท่านจงไปตกเบ็ดที่ทะเล เมื่อได้ปลาตัวแรกขึ้นมาก็ให้เปิดปากมัน แล้วจะพบเงินตราเชเขลหนึ่ง จงเอาเงินนั้นไปชำระค่าบำรุงพระวิหารสำหรับเรากับท่านเถิด>> |