Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

ลู​กา 23 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


พระเยซูต่อหน้าปีลาต
( มธ. 27:1-2 , 11-14 ; มก. 15:1-5 ; ยน. 18:28-38 )

1 เขาทั้งปวงจึงลุกขึ้นพาพระองค์ไปหาปีลาต

2 และเขาฟ้องว่า <<เราได้พบคนนี้ยุยงชนชาติของเราและห้ามมิให้ส่งส่วยแก่ซีซาร์ และว่าตัวเองเป็นพระคริสต์กษัตริย์องค์หนึ่ง>>

3 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า <<ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<ก็ท่านว่าแล้วนี่>>

4 ปีลาตจึงว่าแก่มหาปุโรหิต กับประชาชนว่า <<เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด>>

5 เขาทั้งหลายยิ่งกล่าวแข็งแรงว่า <<คนนี้ยุยงพลเมืองให้วุ่นวาย และสั่งสอนทั่วตลอดยูเดีย ตั้งแต่กาลิลีจนถึงที่นี่>>


พระเยซูต่อหน้าเฮโรด

6 เมื่อปีลาตได้ยิน ท่านจึงถามว่า <<คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือ>>

7 เมื่อทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นคนอยู่ในท้องที่ของกษัตริย์เฮโรด ท่านจึงส่งพระองค์ไปหาเฮโรด ผู้กำลังพักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น

8 เมื่อเฮโรดได้เห็นพระเยซูก็มีความยินดีมาก ด้วยนานมาแล้ว ท่านอยากจะพบพระองค์เพราะได้ยินถึงพระองค์ และหวังว่าคงจะได้เห็นพระองค์ทำหมายสำคัญบ้าง

9 ท่านจึงซักถามพระองค์เป็นหลายข้อ แต่พระองค์หาทรงตอบประการใดไม่

10 ฝ่ายพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ ก็มาฟ้องแข็งแรงมาก

11 เฮโรดกับพวกทหารของท่านกระทำต่อพระองค์อย่างดูหมิ่นเยาะเย้ย เอาเสื้อที่งามยิ่งสวมให้พระองค์ และส่งกลับไปหาปีลาตอีก

12 ฝ่ายปีลาตกับเฮโรดคืนดีกันในวันนั้น ด้วยแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน


พระเยซูต้องคำพิพากษาให้ถึงสิ้นพระชนม์
( มธ. 27:15-26 ; มก. 15:6-15 ; ยน. 18:39-19:16 )

13 ปีลาตจึงสั่งมหาปุโรหิต พวกขุนนางและราษฎรให้ประชุมพร้อมกัน

14 และกล่าวแก่เขาว่า <<ท่านทั้งหลายได้พาคนนี้มาหาเรา ฟ้องว่าเขาได้ยุยงราษฎร ดูเถิด เราได้สืบถามต่อหน้าท่านทั้งหลาย และไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดในข้อที่ท่านทั้งหลายฟ้องเขานั้น

15 และเฮโรดก็ไม่เห็นว่าเขามีความผิดด้วย เพราะเฮโรดได้ส่งตัวเขากลับมายังเราอีกแล้ว ดูเถิด คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรซึ่งสมควรจะมีโทษถึงตาย

16 เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้ว เราก็จะปล่อยเสีย>>

18 แต่คนทั้งปวงร้องขึ้นพร้อมกันว่า <<กำจัดคนนี้เสีย และจงปล่อยบารับบัสให้เราเถิด>>

19 บารับบัสนั้นติดคุกอยู่ เพราะการจลาจลที่เกิดขึ้นในเมืองและการฆ่าคน

20 ฝ่ายปีลาตยังมีน้ำใจจะใคร่ปล่อยพระเยซูจึงพูดกับเขาอีก

21 แต่คนเหล่านั้น กลับตะโกนร้องว่า <<ตรึงเสียเถิด ตรึงเขาเสียที่กางเขนเถิด>>

22 ปีลาตจึงถามเขาครั้งที่สามว่า <<ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดประการใด เราไม่เห็นเขาทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้วก็จะปล่อยเสีย>>

23 ฝ่ายคนทั้งปวงก็เร่งเร้าเสียงดัง ให้ตรึงเสียที่กางเขนและเสียงคนทั้งปวงนั้นมีชัย

24 ปีลาตจึงสั่งให้เป็นไปตามที่เขาทั้งหลายปรารถนา

25 ท่านจึงปล่อยคนที่เขาขอนั้น ซึ่งติดคุกอยู่เพราะการจลาจลและการฆ่าคน แต่ท่านได้มอบพระเยซูไว้ตามใจเขา


การตรึงที่กางเขน
( มธ. 27:32-44 ; มก. 15:21-32 ; ยน. 19:17-27 )

26 เมื่อเขาพาพระองค์ออกไป เขาเกณฑ์ซีโมนชาวไซรีนที่มาจากบ้านนอก แล้วเอากางเขนวางบนเขาให้แบกตามพระเยซูไป

27 มีคนเป็นอันมากตามพระองค์ไป ทั้งพวกผู้หญิงที่พิลาปและคร่ำครวญเพราะพระองค์

28 พระเยซูจึงหันพระพักตร์มาทางเขาตรัสว่า <<ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้สงสารเราเลย แต่จงร้องไห้สงสารตนเอง และสงสารลูกทั้งหลายของตนเถิด

29 ด้วยว่า ดูเถิด จะมีเวลาหนึ่งที่เขาทั้งหลายจะว่า <ผู้หญิงเหล่านั้นที่เป็นหมันและครรภ์ที่มิได้ปฏิสนธิ และหัวนมที่มิได้ให้ดูดเลย ก็เป็นสุข>

30 คราวนั้นเขาจะเริ่มว่าแก่ภูเขาทั้งหลายว่า <จงพังลงทับเรา> และแก่เนินเขาว่า <จงคลุมเราไว้>

31 เพราะว่าถ้าเขาทำอย่างนี้เมื่อไม้สด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม้แห้งแล้วเล่า>>

32 มีอีกสองคนที่เป็นผู้ร้ายซึ่งเขาได้พามาจะฆ่าเสียพร้อมกับพระองค์

33 เมื่อมาถึงตำบลหนึ่งที่เรียกว่ากระโหลกศีรษะ เขาจึงตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคนนั้น ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง

34 ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า <<โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร>> เขาก็เอาฉลองพระองค์ จับฉลากแบ่งปันกัน

35 คนทั้งปวงก็ยืนมองดู พวกขุนนางก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วยว่า <<เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้าที่ทรงเลือกไว้ ให้เขาช่วยตัวเองเถิด>>

36 พวกทหารก็เย้ยหยันพระองค์ด้วย เข้ามาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์

37 แล้วว่า <<ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิว จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด>>

38 และมีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า <<ผู้นี้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว>>

39 ฝ่ายคนหนึ่งในผู้ร้ายที่ถูกตรึงไว้จึงพูดหยาบช้าต่อพระองค์ว่า <<ท่านเป็นพระคริสต์มิใช่หรือ จงช่วยตัวเองกับเราให้รอดเถิด>>

40 แต่อีกคนหนึ่งห้ามปรามเขาว่า <<เจ้าก็ไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ เพราะเจ้าเป็นคนถูกโทษเหมือนกัน

41 และเราก็สมกับโทษนั้นจริง เพราะเราได้รับสมกับการที่เราได้กระทำ แต่ท่านผู้นี้หาได้กระทำผิดประการใดไม่>>

42 แล้วคนนั้นจึงทูลว่า <<พระเยซูเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จเข้าในแผ่นดินของพระองค์>>

43 ฝ่ายพระเยซูทรงตอบเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม>>


มรณกรรมของพระเยซู
( มธ. 27:45-56 ; มก. 15:33-41 ; ยน. 19:28-30 )

44 เวลานั้นประมาณเวลาเที่ยง ก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดิน จนถึงบ่ายสามโมง

45 ดวงอาทิตย์ก็มืดไป ม่านในพระวิหารก็ขาดตรงกลาง

46 พระเยซูทรงร้องเสียงดังตรัสว่า <<พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์>> ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์

47 ฝ่ายนายร้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า <<แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม>>

48 คนทั้งปวงที่มาชุมนุมกันเพื่อจะดูการณ์นั้น เมื่อเห็นแล้วก็พากันตีอกของตัวกลับไป

49 คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ และพวกผู้หญิงซึ่งได้ตามพระองค์มาจากกาลิลี ก็ยืนอยู่แต่ไกลมองเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น


การฝังพระศพพระเยซู
( มธ. 27:57-61 ; มก. 15:42-47 ; ยน. 19:38-42 )

50 มีชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ ชาวบ้านอาริมาเธียหมู่บ้านพวกยิว ท่านเป็นสมาชิกสภา เป็นคนดีและชอบธรรม

51 มิได้ยอมเห็นด้วยในมติและการกระทำของเขาทั้งหลาย และโยเซฟเป็นผู้คอยท่าแผ่นดินของพระเจ้า

52 ชายคนนี้จึงเข้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู

53 เมื่อเชิญพระศพลงแล้ว เขาจึงเอาผ้าป่านพันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ ซึ่งเจาะไว้ในศิลาที่ยังมิได้วางศพผู้ใดเลย

54 วันนั้นเป็นวันจัดเตรียมและวันสะบาโตก็เกือบจะถึงแล้ว

55 ฝ่ายพวกผู้หญิงที่ตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีก็ตามไปและได้เห็นอุโมงค์ ทั้งได้เห็นเขาวางพระศพของพระองค์ไว้อย่างไรด้วย

56 แล้วเขาก็กลับไปจัดแจงเครื่องหอมกับน้ำมันหอม ในวันสะบาโตนั้นเขาก็หยุดการไว้ตามพระบัญญัติ

Lean sinn:



Sanasan