Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

โย​ฮัน 7 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


พวกน้องๆของพระเยซูไม่วางใจในพระองค์

1 หลังจากนั้นพระเยซูก็ได้เสด็จไปตามที่ต่างๆในแคว้นกาลิลี ไม่ประสงค์ที่จะเสด็จไปในแคว้นยูเดียเพราะพวกยิวหาโอกาสที่จะฆ่าพระองค์

2 ขณะนั้นใกล้จะถึงเทศกาลอยู่เพิงของพวกยิวแล้ว

3 พวกน้องๆของพระองค์จึงทูลพระองค์ว่า <<ท่านจงออกจากที่นี่ไปยังแคว้นยูเดีย เพื่อให้เหล่าสาวกของท่านได้เห็นกิจการที่ท่านกำลังกระทำอยู่

4 เพราะว่าไม่มีผู้ใดแอบทำสิ่งใดเงียบๆเมื่อผู้นั้นอยากให้ตัวปรากฏ ถ้าท่านกระทำการเหล่านี้ ก็จงสำแดงตัวให้ปรากฏแก่โลกเถิด>>

5 แม้พวกน้องๆของพระองค์ก็มิได้วางใจในพระองค์

6 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า <<ยังไม่ถึงเวลาของเรา แต่เวลาของพวกท่านมีอยู่เสมอ

7 โลกจะเกลียดชังพวกท่านไม่ได้ แต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานว่าการงานของโลกนั้นชั่วร้าย

8 พวกท่านจงขึ้นไปในเทศกาลเถิด เราจะยังไม่ขึ้นไปในเทศกาลนั้น เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของเรา>>

9 เมื่อตรัสเช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็ยังคงประทับอยู่ในแคว้นกาลิลีต่อไป


พระเยซูในเทศกาลอยู่เพิง

10 แต่เมื่อพวกน้องๆของพระองค์ขึ้นไปในงานเทศกาลนั้นแล้ว พระองค์ก็เสด็จตามขึ้นไปด้วย แต่ไปอย่างเงียบๆไม่เปิดเผย

11 พวกยิวมองหาพระองค์ในงานเทศกาลนั้นและถามว่า <<คนนั้นอยู่ที่ไหน>>

12 และประชาชนก็ซุบซิบกันถึงพระองค์เป็นอันมาก บางคนพูดว่า <<เขาเป็นคนดี>> บางคนว่า <<ไม่ใช่ เขาทำให้ประชาชนหลงผิดไป>>

13 แต่ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผยเพราะกลัวพวกยิว

14 ครั้นถึงวันกลางเทศกาลนั้น พระเยซูได้เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารและทรงสั่งสอน

15 พวกยิวพากันประหลาดใจและพูดว่า <<คนนี้จะรู้พระธรรมได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยเรียนเลย>>

16 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า <<คำสอนของเราไม่ใช่ของเราเอง แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา

17 ถ้าผู้ใดตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะรู้ว่าคำสอนนั้นมาจากพระเจ้า หรือว่าเราพูดตามใจชอบของเราเอง

18 ผู้ใดที่พูดตามใจชอบของตนเอง ผู้นั้นย่อมแสวงเกียรติสำหรับตนเอง แต่ผู้ที่แสวงเกียรติให้พระองค์ผู้ทรงใช้ตนมา ผู้นั้นแหละเป็นคนจริงไม่มีอธรรมเลย

19 โมเสสได้ให้ธรรมบัญญัติแก่ท่านทั้งหลายมิใช่หรือ แต่ไม่มีผู้ใดในพวกท่านประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ท่านทั้งหลายหาโอกาสที่จะฆ่าเราทำไม>>

20 คนเหล่านั้นตอบว่า <<ท่านมีผีสิงอยู่ ใครเล่าที่หาโอกาสจะฆ่าท่าน>>

21 พระเยซูตรัสตอบว่า <<เราได้ทำสิ่งหนึ่ง และท่านทั้งหลายประหลาดใจในสิ่งนั้น

22 โมเสสได้ให้ท่านทั้งหลายเข้าสุหนัต (มิใช่ได้มาจากโมเสส แต่มาจากบรรพบุรุษ) และในวันสะบาโตท่านทั้งหลายก็ยังให้คนเข้าสุหนัต

23 ถ้าในวันสะบาโตคนเข้าสุหนัต เพื่อมิให้ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสแล้ว ท่านทั้งหลายจะโกรธเรา เพราะเราทำให้ชายผู้หนึ่งหายโรคเป็นปกติในวันสะบาโตหรือ

24 อย่าตัดสินตามที่เห็นภายนอก แต่จงตัดสินอย่างยุติธรรมเถิด>>


นี่หรือพระคริสต์

25 เพราะฉะนั้นชาวกรุงเยรูซาเล็มบางคนจึงพูดว่า <<คนนี้มิใช่หรือที่เขาหาโอกาสจะฆ่าเสีย

26 นี่อย่างไรล่ะ ท่านกำลังพูดอยู่อย่างเปิดเผย และเขาทั้งหลายก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านเลย พวกเจ้าหน้าที่รู้แน่แล้วหรือว่า คนนี้เป็นพระคริสต์

27 แต่เรารู้ว่าคนนี้มาจากไหน เมื่อพระคริสต์เสด็จมานั้น จะไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าพระองค์มาจากไหน>>

28 ดังนั้นพระเยซูจึงทรงประกาศขณะที่ทรงสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหารว่า <<ท่านทั้งหลายรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหน แต่เรามิได้มาตามลำพังเราเอง พระองค์ผู้ทรงใช้เรามานั้นทรงสัตย์จริง แต่ท่านทั้งหลายไม่รู้จักพระองค์

29 เรารู้จักพระองค์ เพราะเรามาจากพระองค์และพระองค์ได้ทรงใช้เรามา>>

30 เขาทั้งหลายจึงหาโอกาสที่จะจับพระองค์ แต่ไม่มีผู้ใดยื่นมือแตะต้องพระองค์ เพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์

31 แต่มีหลายคนในหมู่ประชาชนนั้นได้วางใจในพระองค์ และพูดว่า <<เมื่อพระคริสต์เสด็จมานั้น พระองค์จะทรงกระทำหมายสำคัญมากยิ่งกว่าที่ผู้นี้ได้กระทำหรือ>>


ใช้เจ้าหน้าที่ไปจับพระเยซู

32 เมื่อพวกฟาริสีได้ยินประชาชนซุบซิบกันเรื่องพระองค์อย่างนั้น พวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสีจึงใช้เจ้าหน้าที่ไปจับพระองค์

33 พระเยซูตรัสว่า <<เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไปอีกหน่อย แล้วจะกลับไปหาพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา

34 ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเราแต่จะไม่พบเรา และที่ซึ่งเราอยู่นั้นท่านจะเข้าไปไม่ได้>>

35 พวกยิวจึงพูดกันว่า <<คนนี้จะไปไหน ที่เราจะหาเขาไม่พบ เขาตั้งใจจะไปหาคนที่กระจัดกระจายไปอยู่ในหมู่พวกต่างชาติ และสั่งสอนพวกต่างชาติหรือ

36 เขาหมายความว่าอย่างไรที่พูดว่า <ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเราแต่จะไม่พบเรา> และ <ที่ซึ่งเราอยู่นั้นท่านจะเข้าไปไม่ได้> >>


แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต

37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า <<ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม

38 ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า <แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น>>>

39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ


ผู้มีอำนาจมีความเห็นแตกแยกกัน

40 เมื่อประชาชนได้ฟังดังนั้น บางคนก็พูดว่า <<ท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะนั้นแน่>>

41 คนอื่นๆก็พูดว่า <<ท่านผู้นี้เป็นพระคริสต์>> แต่บางคนพูดว่า <<พระคริสต์จะมาจากกาลิลีหรือ

42 พระคัมภีร์กล่าวไว้มิใช่หรือ ว่าพระคริสต์จะมาจากเชื้อพระวงศ์ของดาวิด และมาจากหมู่บ้านเบธเลเฮมชนบทซึ่งดาวิดเคยอยู่นั้น>>

43 เหตุฉะนั้นประชาชนจึงมีความเห็นแตกแยกกันในเรื่องพระองค์

44 บางคนใคร่จะจับพระองค์ แต่ไม่มีผู้ใดยื่นมือแตะต้องพระองค์เลย

45 เจ้าหน้าที่จึงกลับไปหาพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสี และพวกนั้นกล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า <<ทำไมเจ้าจึงไม่จับเขามา>>

46 เจ้าหน้าที่ตอบว่า <<ไม่เคยมีผู้ใดพูดเหมือนคนนั้นเลย>>

47 พวกฟาริสีตอบเขาว่า <<พวกเจ้าถูกชักจูงให้หลงไปด้วยแล้วหรือ

48 มีผู้ใดในหมู่เจ้าหน้าที่หรือพวกฟาริสีศรัทธาในผู้นั้นหรือ

49 แต่ประชาชนหมู่นี้ที่ไม่รู้ธรรมบัญญัติ ก็ต้องถูกสาปแช่งอยู่แล้ว>>

50 นิโคเดมัสผู้ที่ได้มาหาพระองค์คราวก่อนนั้น และเป็นคนหนึ่งในพวกเขา ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า

51 <<กฎหมายของเราตัดสินคนใดโดยที่ยังไม่ได้ฟังเขาก่อน และรู้ว่าเขาได้ทำอะไรบ้างหรือ>>

52 เขาทั้งหลายตอบนิโคเดมัสว่า <<ท่านมาจากกาลิลีด้วยหรือ จงค้นหาดูเถิด แล้วท่านจะเห็นว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะเกิดขึ้นมาจากกาลิลี>>


ผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับฐานล่วงประเวณี

53 [ต่างคนต่างกลับไปบ้านของตน

Lean sinn:



Sanasan