Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

โย​ฮัน 19 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971

1 ปีลาตจึงเอาพระเยซูไปให้โบยตี

2 และพวกทหารก็เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรของพระองค์ และให้พระองค์สวมเสื้อสีม่วง

3 แล้วเขาก็มาหาพระองค์ทูลว่า <<ท่านกษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ>> และเขาก็ตบพระพักตร์พระองค์

4 ปีลาตก็ออกไปอีกและกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า <<ดูเถิด เราพาคนนี้ออกมามอบให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านรู้ว่าเราไม่เห็นว่าเขามีความผิดสิ่งใดเลย>>

5 พระเยซูจึงเสด็จออกมาทรงมงกุฎทำด้วยหนามและทรงเสื้อสีม่วง ปีลาตจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า <<คนนี้อย่างไรล่ะ>>

6 เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกเจ้าหน้าที่ได้เห็นพระองค์ เขาทั้งหลายร้องอึงว่า <<ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย>> ปีลาตกล่าวแก่เขาว่า <<พวกท่านเอาเขาไปตรึงเองเถิด เพราะเราไม่เห็นว่าเขามีความผิดเลย>>

7 พวกยิวตอบท่านว่า <<พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้นเขาควรจะตาย เพราะเขาได้ตั้งตัวเป็นพระบุตรของพระเจ้า>>

8 ครั้นปีลาตได้ยินดังนั้นท่านก็ตกใจกลัวมากขึ้น

9 ท่านเข้าไปในศาลปรีโทเรียมอีก และทูลพระเยซูว่า <<ท่านมาจากไหน>> แต่พระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใด

10 ปีลาตจึงทูลพระองค์ว่า <<ท่านจะไม่พูดกับเราหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยท่าน และมีอำนาจที่จะตรึงท่านที่กางเขนได้>>

11 พระเยซูตรัสตอบท่านว่า <<ท่านจะมีอำนาจเหนือเราไม่ได้ นอกจากจะประทานจากเบื้องบนให้แก่ท่าน เหตุฉะนั้นผู้ที่อายัดเราไว้กับท่าน จึงมีความผิดมากกว่าท่าน>>

12 ตั้งแต่นั้นไป ปีลาตก็หาโอกาสที่จะปล่อยพระองค์ แต่พวกยิวร้องอึงว่า <<ถ้าท่านปล่อยชายคนนี้ ท่านก็ไม่ใช่มิตรของซีซาร์ ทุกคนที่ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ก็เป็นปฏิปักษ์ต่อซีซาร์>>

13 เมื่อปีลาตได้ยินดังนั้น ท่านจึงพาพระเยซูออกมา แล้วนั่งบัลลังก์พิพากษา ณ ที่เรียกว่า ลานปูศิลา ภาษาฮีบรูเรียกว่ากับบาธา

14 วันนั้นเป็นวันเตรียมปัสกา เวลาประมาณเที่ยง ท่านพูดกับพวกยิวว่า <<นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย>>

15 เขาทั้งหลายร้องอึงว่า <<เอาเขาไปเสีย เอาเขาไปเสีย ตรึงเขาเสียที่กางเขน>> ปีลาตพูดกับเขาว่า <<ท่านจะให้เราตรึงกษัตริย์ของท่านทั้งหลายที่กางเขนหรือ>> พวกมหาปุโรหิตตอบว่า <<เว้นแต่ซีซาร์แล้วเราไม่มีกษัตริย์>>

16 แล้วปีลาตก็มอบพระองค์ให้เขาพาไปตรึงที่กางเขน


การตรึงที่กางเขน
( มธ. 27:32-44 ; มก. 15:21-32 ; ลก. 23:26-43 )

17 เขาจึงพาพระเยซูไป และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังที่ซึ่งเรียกว่า กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา

18 ณ ที่นั้นเขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลาง

19 ปีลาตให้เขียนป้ายติดไว้บนกางเขนอ่านว่า <<เยซูชาวนาซาเร็ธกษัตริย์ของพวกยิว>>

20 พวกยิวเป็นอันมากได้อ่านป้ายนี้ เพราะที่ซึ่งเขาตรึงพระเยซูนั้นอยู่ใกล้กับกรุง และป้ายนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ภาษาลาตินและภาษากรีก

21 ฉะนั้นพวกมหาปุโรหิตของพวกยิวจึงเรียนปีลาตว่า <<ขออย่าเขียนว่า <กษัตริย์ของพวกยิว> แต่ขอเขียนว่า <คนนี้บอกว่า เราเป็นกษัตริย์ของพวกยิว> >>

22 ปีลาตตอบว่า <<สิ่งใดที่เราเขียนแล้ว ก็แล้วไป>>

23 ครั้นพวกทหารตรึงพระเยซูไว้ที่กางเขนแล้ว เขาทั้งหลายก็เอาฉลองพระองค์มาแบ่งออกเป็นสี่ส่วนให้ทหารคนละส่วน เว้นแต่ฉลองพระองค์ชั้นใน ฉลองพระองค์ชั้นในนั้นไม่มีตะเข็บ ทอตั้งแต่บนตลอดล่าง

24 เหตุฉะนั้นเขาจึงปรึกษากันว่า <<เราอย่าฉีกแบ่งกันเลย แต่ให้เราจับฉลากกันจะได้รู้ว่าใครจะได้>> ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระธรรมที่ว่า <<เสื้อผ้าของข้าพระองค์ เขาก็แบ่งกัน ส่วนเสื้อของข้าพระองค์ เขาจับฉลากกัน>>

25 พวกทหารได้กระทำดังนี้ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกางเขนของพระเยซูนั้น มีมารดาของพระองค์กับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา

26 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า <<หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด>>

27 แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า <<จงดูมารดาของท่านเถิด>> ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน


มรณกรรมของพระเยซู
( มธ. 27:45-56 ; มก. 15:33-41 ; ลก. 23:44-49 )

28 หลังจากนั้น พระเยซูทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อให้เป็นจริงตามพระธรรม พระองค์จึงตรัสว่า <<เรากระหายน้ำ>>

29 มีภาชนะใส่น้ำส้มองุ่นวางอยู่ที่นั่น เขาจึงเอาฟองน้ำชุบน้ำส้มองุ่นใส่ปลายไม้หุสบชูขึ้นให้ถึงพระโอษฐ์ของพระองค์

30 เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า <<สำเร็จแล้ว>> และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์


เขาแทงสีข้างของพระเยซู

31 วันนั้นเป็นวันเตรียม พวกยิวจึงขอให้ปีลาตทุบขาของผู้ที่ถูกตรึงให้หัก และให้เอาศพไปเสีย เพื่อไม่ให้ศพค้างอยู่ที่กางเขนในวันสะบาโต (เพราะวันสะบาโตนั้นเป็นวันใหญ่)

32 ดังนั้น พวกทหารจึงมาทุบขาของคนที่หนึ่ง และขาของอีกคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่กับพระองค์

33 แต่เมื่อเขามาถึงพระเยซู และเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว เขาจึงมิได้ทุบขาของพระองค์

34 แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที

35 คนนั้นที่เห็นก็เป็นพยาน และคำพยานของเขาก็เป็นความจริง และเขาก็รู้ว่าเขาพูดความจริง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ

36 เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระธรรม ซึ่งว่า<<พระอัฐิของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว>>

37 และมีข้อพระธรรมอีกข้อหนึ่งว่า <<พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาได้แทง>>


การฝังพระศพพระเยซู
( มธ. 27:57-61 ; มก. 15:42-47 ; ลก. 23:50-56 )

38 หลังจากนี้โยเซฟชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นสาวกลับๆของพระเยซู เพราะเขากลัวพวกยิว ก็ได้ขอพระศพพระเยซูจากปีลาต และปีลาตก็ยอมให้ โยเซฟจึงมาอัญเชิญพระศพพระองค์ไป

39 ฝ่ายนิโคเดมัส ซึ่งตอนแรกไปหาพระองค์ในเวลากลางคืนนั้นก็มาด้วย เขานำเครื่องหอมผสม คือมดยอบกับกฤษณาหนักประมาณสามสิบกว่ากิโลกรัมมาด้วย

40 เขาอัญเชิญพระศพพระเยซูลงมา เอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพนั้นตามธรรมเนียมฝังศพของพวกยิว

41 ในตำบลที่พระองค์ถูกตรึงที่กางเขนนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง ในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ฝังศพผู้ใดเลย

42 เพราะวันนั้นเป็นวันเตรียมของพวกยิว และเพราะอุโมงค์นั้นอยู่ใกล้ เขาจึงบรรจุพระศพพระเยซูไว้ที่นั่น

Lean sinn:



Sanasan