Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

เยเรมีย์ 9 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971

1 โธ่เอ๋ย ถ้าศีรษะของข้าพเจ้าเป็นน้ำ และดวงตาของข้าพเจ้าเป็นบ่อน้ำตาพุก็จะดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะบุตรีชนชาติของข้าพเจ้าที่ถูกฆ่า

2 โธ่เอ๋ย ถ้าข้าพเจ้ามีที่พักสำหรับคนเดินทาง อยู่ที่ในถิ่นทุรกันดารก็จะดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้พรากจากชนชาติของข้าพเจ้า และไปให้พ้นเขาเสีย เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนล่วงประเวณีทั้งหมด และเป็นหมู่คนที่มักทรยศ

3 เขาทั้งหลายงอลิ้นของเขาเหมือนคันธนู ความเท็จและไม่ใช่สัจจะที่เจริญแข็งแรงขึ้นในแผ่นดิน เพราะเขาทั้งหลายจากความชั่วอย่างนี้ไปสู่ความชั่วอย่างนั้น และเขาทั้งหลายไม่รู้จักเรา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ

4 ขอให้ทุกคนระวังเพื่อนบ้านของตน และอย่าวางใจในพี่น้องคนใดเลย เพราะว่าพี่น้องทุกคนเป็นคนหลอกล่อ และเพื่อนบ้านทุกคนเที่ยวไปเป็นคนครหานินทา

5 ทุกคนล่อลวงเพื่อนบ้านของตัว ไม่มีใครพูดความจริงสักคนเดียว เขาได้สอนลิ้นของเขาให้พูดมุสา เขาได้กระทำบาปชั่วและกลับใจอีกไม่ได้แล้ว

6 เขาเอาการบีบบังคับกองทับการบีบบังคับ และเอาการล่อลวงกองทับการล่อลวง เขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ

7 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า <<ดูเถิด เราจะถลุงเขาและทดลองเขา เหตุประชากรของเรา เราจะทำอย่างอื่นได้อย่างไร

8 ลิ้นของเขาเป็นลูกศรมฤตยู มันพูดมารยา ทุกคนพูดอย่างศานติกับเพื่อนบ้านของเขาด้วยปาก แต่ในใจของเขา เขาวางแผนการคอยดักเขาอยู่

9 พระเจ้าตรัสว่า ไม่ควรที่เราจะลงโทษเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ ไม่ควรที่เราจะแก้แค้นประชาชาติที่เป็นอย่างนี้หรือ

10 <<จงร้องไห้และครวญครางเหตุภูเขานั้น และคร่ำครวญเหตุลานหญ้าในถิ่นทุรกันดาร เพราะว่ามันถูกทิ้งร้าง ไม่มีผู้ใดผ่านไปมา ไม่ได้ยินเสียงสัตว์เลี้ยงร้อง ทั้งนกในอากาศและสัตว์ ได้หนีไปเสียแล้ว

11 เราจะกระทำให้เยรูซาเล็มเป็นกองสิ่งปรักหักพัง เป็นที่อยู่ของหมาป่า และเราจะกระทำให้หัวเมืองของยูดาห์เป็นที่เริศร้าง ไม่มีชาวเมือง>>


ว่าจะต้องพินาศและถูกเนรเทศ

12 ใครเป็นคนมีปัญญาที่จะเข้าใจความนี้ได้ และมีผู้ใดที่พระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแก่เขา เขาจึงประกาศความนั้นได้ เหตุไฉนแผ่นดินจึงพังทำลายและทิ้งไว้ว่างเปล่า เหมือนถิ่นทุรกันดาร จึงไม่มีใครผ่านไปมา

13 และพระเจ้าตรัสว่า <<เพราะเขาทั้งหลายทอดทิ้งธรรมของเราซึ่งเรา ได้ตั้งไว้ต่อหน้าเขา และไม่ได้เชื่อฟังเสียงของเราหรือดำเนินตามนั้น

14 แต่ได้ดำเนินตามใจของตนเองอย่างดื้อดึง และติดสอยห้อยตามพวกพระบาอัลอย่างที่บรรพบุรุษ ได้สั่งสอนเขาไว้

15 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสว่า ดูเถิด เราจะเลี้ยงชนชาตินี้ด้วยบอระเพ็ด และให้น้ำดีหมีเขาดื่ม

16 เราจะกระจายเขาไปท่ามกลางประชาชาติที่ตัวเขาเอง และบรรพบุรุษของเขาไม่รู้จัก และเราจะส่งดาบให้ไล่ตามเขาทั้งหลาย จนเราจะผลาญเขาสิ้น>>

17 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า <<จงตรึกตรองดู และเรียกนางร้องไห้ให้มา จงให้คนไปตามหญิงที่ชำนาญมา

18 ให้เขารีบส่งเสียงคร่ำครวญเพื่อเราทั้งหลาย เพื่อน้ำตาจะอาบตาของเรา และหนังตาของเราจะมีน้ำตาพุออกมา

19 เพราะได้ยินเสียงคร่ำครวญจากศิโยน <เราทั้งหลายย่อยยับเพียงใดแล้ว เราอับอายนักหนา เพราะเราได้ออกจากแผ่นดิน เพราะเขาได้ทำลายที่อาศัยของเราลง> >>

20 หญิงเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเจ้า และให้หูของเจ้ารับพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระองค์ จงสอนบทคร่ำครวญแก่บุตรีของเจ้า จงสอนบทเพลงศพแก่เพื่อนบ้านของเธอทุกคน

21 เพราะความตายได้ขึ้นมาเข้าหน้าต่างของเรา มันเข้ามาในวังทั้งหลายของเรา ตัดพวกเด็กๆออกเสีย จากถนนหนทาง และตัดคนหนุ่มๆออกเสียจากลานเมือง

22 จงพูดว่า <<พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <ศพมนุษย์จะล้มลง เหมือนมูลสัตว์ตกตามพื้นทุ่ง เหมือนฟ่อนข้าวล้มตามผู้เกี่ยว และไม่มีผู้ใดจะเก็บ> >>


ความรู้เรื่องพระเจ้าเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์

23 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดในสติปัญญาของตน อย่าให้ชายฉกรรจ์อวดในความเข้มแข็งของตน อย่าให้คนมั่งมีอวดในความมั่งคั่งของตน

24 แต่ให้ผู้อวดอวดในสิ่งนี้ คือในการที่เขาเข้าใจและรู้จักเราว่าเราคือพระเจ้า ทรงสำแดงความรักมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะว่าเราพอใจในสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ>>

25 <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลากำลังมาถึงแล้ว เมื่อเราจะลงโทษบรรดาผู้ที่รับพิธีเข้าสุหนัต และเหมือนไม่ได้รับพิธีเข้าสุหนัต คือ

26 อียิปต์ ยูดาห์ เอโดม และคนอัมโมน โมอับและทุกคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร บรรดาคนที่โกนผมจอนหู เพราะบรรดาประชาชาติเหล่านี้มิได้รับพิธีเข้าสุหนัต และบรรดาประชาอิสราเอลก็มิได้รับพิธีเข้าสุหนัตทางใจ>>

Lean sinn:



Sanasan