เยเรมีย์ 4 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 19711 <<พระเจ้าตรัสว่า อิสราเอลเอ๋ย ถ้าเจ้าจะกลับมา เจ้าก็ควรจะกลับมาหาเราแล้ว ถ้าเจ้ายอมเอาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนไปให้พ้นหน้าเราเสีย ไม่โลเล 2 และถ้าเจ้าสาบานอย่างสัจจริงอย่างยุติธรรม และอย่างเที่ยงตรงว่า <ตราบใดที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่> แล้วบรรดาประชาชาติจะให้พรกันในพระนามพระองค์ และเขาทั้งหลายจะอวดพระองค์>> 3 เพราะว่า พระเจ้าตรัสกับคนยูดาห์และแก่ชาวเยรูซาเล็มว่า <<จงทุบดินที่ไถไว้แล้วนั้น และอย่าหว่านลงกลางหนาม 4 ดูก่อน คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงเอาตัวรับพิธีเข้าสุหนัตถวายแด่พระเจ้า จงตัดหนังปลายหัวใจของเจ้าเสีย เกรงว่าความกริ้วของเราจะพลุ่งออกไปอย่างไฟ และเผาไหม้ไม่มีใครจะดับได้ เหตุด้วยความชั่วแห่งการกระทำทั้งหลายของเจ้า>> ว่ายูดาห์จะถูกบุก 5 <<จงประกาศในยูดาห์และโฆษณา ในกรุงเยรูซาเล็ม ว่า <จงเป่าเขาสัตว์ไปทั่วแผ่นดิน จงร้องประกาศดังๆว่า มารวมกันเถิด ให้เราเข้าไป ในบรรดาเมืองที่มีป้อม> 6 จงยกธงขึ้นสู่ศิโยน จงรีบหนีไปให้ปลอดภัย อย่ารออยู่ เพราะเรานำความร้ายมาจากทิศเหนือ และนำการทำลายใหญ่ยิ่งมา 7 สิงห์ตัวหนึ่งได้ออกไปจากซุ้มของมันแล้ว และผู้ทำลายเหล่าประชาชาติได้ยกมาแล้ว เขาได้ออกไปจากสถานที่ของเขา เพื่อกระทำให้แผ่นดินของเจ้าว่างเปล่า หัวเมืองของเจ้าจะถูกทิ้งร้าง ปราศจากคนอาศัย 8 ด้วยเหตุนี้ เจ้าจงสวมผ้ากระสอบ จงคร่ำครวญและร้องไห้ เพราะพระพิโรธอันร้อนแรงของพระเจ้า มิได้หันกลับไปจากเรา>> 9 <<พระเจ้าตรัสว่า ในวันนั้นทั้งพระราชาและพวกเจ้านายจะหมดกำลังใจ บรรดาปุโรหิตจะตกตะลึงและผู้เผยพระวจนะก็จะ อัศจรรย์ใจ>> 10 แล้วข้าพเจ้าจึงทูลว่า <<ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงล่อลวงชนชาตินี้ และกรุงเยรูซาเล็มแน่นอนทีเดียว ว่า <เจ้าทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุข> แต่ที่จริงดาบได้มาถึงชีวิตของเขาทั้งหลาย>> 11 ในครั้งนั้น เขาจะกล่าวแก่ชนชาตินี้ และแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า ลมร้อนจากที่สูงโล้นในถิ่น ทุรกันดารพัดมาสู่บุตรีประชากรของเรา ไม่ใช่จะมาฝัดหรือมาชำระ 12 กระแสลมที่แรงเกินแก่การนี้ได้มาถึงตามคำของเรา ผู้ที่กล่าวคำตัดสินเขานี้คือ เราเอง>> 13 ดูเถิด เขาขึ้นมาเหมือนเมฆ รถรบของเขาเหมือนลมบ้าหมู ม้าทั้งหลายของเขาเร็วยิ่งกว่านกอินทรี วิบัติแก่เราทั้งหลาย เพราะว่าเราจะต้องพินาศ 14 กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงล้างจิตใจของเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้าย เพื่อเจ้าจะรอดได้ ความคิดชั่วร้ายของเจ้านั้นจะสิง อยู่ในใจของเจ้านานสักเท่าใด 15 เพราะว่ามีเสียงประกาศมาจากเมืองดาน และโฆษณาความชั่วร้ายจากภูเขาเอฟราอิม 16 จงเตือนบรรดาประชาชาติว่า เขากำลังมาแล้ว จงกล่าวแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า บรรดาผู้ล้อมมาจากแผ่นดินไกล เขาทั้งหลายโห่ร้องเข้าใส่หัวเมืองยูดาห์ 17 เขาทั้งหลายล้อมยูดาห์ไว้รอบเหมือนผู้ดูแลเฝ้านา เพราะว่ายูดาห์ได้กบฏต่อเรา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 18 วิถีและการกระทำทั้งหลายของเจ้า ได้นำเรื่องนี้มาเหนือเจ้า นี่แหละเป็นเคราะห์กรรมของเจ้าและมันขมขื่น มันมาถึงจิตใจของเจ้าทีเดียว>> 19 แสนระทม แสนระทม ข้าก็บิดตัวด้วยความเจ็บปวด โอ ผนังดวงใจของข้าเอ๋ย จิตใจของข้าก็ว้าวุ่น ข้าจะนิ่งอยู่ไม่ได้ เพราะข้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ เสียงปลุกของสงคราม 20 ความหายนะไล่ติดตามความหายนะ แผ่นดินทั้งสิ้นก็ถูกทิ้งร้าง บรรดาเต็นท์ของข้าก็ถูกทำลายในฉับพลัน ม่านทั้งหลายของข้าก็สิ้นไปในบัดเดี๋ยวเดียว 21 ข้าจะต้องมองดูธง และฟังเสียงเขาสัตว์นานสักเท่าใด 22 <<เพราะประชากรของเราโง่เขลา เขาทั้งหลายไม่รู้จักเรา เขาทั้งหลายเป็นลูกหลานที่โง่ทึบ เขาทั้งหลายไม่มีความเข้าใจ เขาทั้งหลายทำความชั่วเก่ง แต่เขาไม่เข้าใจที่จะทำดี>> 23 ข้าพเจ้ามองดูพื้นที่โลก และนี่แน่ะเป็นที่ร้างและว่างเปล่า และมองดูฟ้าสวรรค์ ในนั้นก็ไม่มีความสว่าง 24 ข้าพเจ้ามองดูภูเขา นี่แน่ะ มันกำลังสั่นอยู่ เนินเขาก็แกว่งไปแกว่งมา 25 ข้าพเจ้ามองดู และนี่แน่ะ ไม่มีมนุษย์เลย นกทั้งปวงแห่งท้องอากาศได้หนีไปแล้ว 26 ข้าพเจ้ามองดู และนี่แน่ะ เรือกสวนไร่นาก็เป็นถิ่นทุรกันดาร และหัวเมืองทั้งสิ้นก็ปรักหักพังไป ต่อพระพักตร์พระเจ้า ต่อพระพิโรธอันร้อนแรงของพระองค์ 27 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<แผ่นดินทั้งหมดจะเป็นที่เริศร้าง ถึงกระนั้นเราก็ยังมิได้กระทำให้ถึงอวสานทีเดียว 28 เพราะเรื่องนี้โลกจะไว้ทุกข์ และฟ้าสวรรค์เบื้องบนจะดำมืด เพราะเราได้ลั่นวาจาแล้ว เราได้หมายใจไว้แล้ว เราจะไม่เปลี่ยนใจหรือหันกลับ>> 29 เมื่อได้ยินเสียงพลม้าและนักธนู ชาวเมืองทุกแห่งก็หนีไป เขาเข้าไปอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ และปีนป่ายไปท่ามกลางศิลา หัวเมืองทุกแห่งก็ถูกทอดทิ้ง และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย 30 เจ้าผู้ที่ถูกทิ้งร้างเอ๋ย ที่เจ้าแต่งตัวสีแดงนั้น เจ้าทำอะไรกัน และที่เจ้าประดับตัวด้วยอาภรณ์ทองคำ ที่เจ้าขยายดวงตาให้กว้างด้วยแต้มสี เออ เจ้าแต่งตัวให้งามเสียเปล่า คนรักของเจ้าดูหมิ่นเจ้า เขาทั้งหลายแสวงชีวิตของเจ้า 31 เพราะเราได้ยินเสียงเหมือนเสียงหญิงคลอดบุตรร้อง แสนเจ็บปวดอย่างกับจะคลอดบุตรหัวปี เสียงร้องแห่งบุตรีศิโยนนั้นแทบจะขาดใจ เหยียดแขนของเธอออกร้องว่า <<วิบัติแก่ข้า ข้าอ่อนเปลี้ยอยู่ต่อหน้าผู้ฆ่าคน>> |