เยเรมีย์ 31 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 19711 พระเจ้าตรัสว่า <<ในวาระนั้น เราจะเป็นพระเจ้าของบรรดาตระกูลแห่ง อิสราเอลและเขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา>> 2 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ชนชาติที่รอดตายจากดาบ ได้ประสบพระกรุณาคุณที่ในถิ่นทุรกันดาร เมื่ออิสราเอลแสวงหาการหยุดพัก 3 พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า <เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป 4 เราจะสร้างเจ้าอีก และเจ้าจะถูกสร้างใหม่ นะ อิสราเอลพรหมจารี เจ้าจะตกแต่งตัวเจ้าด้วยรำมะนาอีก และจะออกไปเต้นรำกับผู้ที่สนุกสนานกัน 5 เจ้าจะปลูกสวนองุ่นที่บนภูเขาสะมาเรียอีก ผู้ปลูกก็จะปลูก และใช้ผลนั้น> 6 เพราะว่าจะมีวันเมื่อคนเฝ้ายามจะร้องเรียก อยู่ในเขตแดนเทือกเขาเอฟราอิมว่า <จงลุกขึ้น ให้เราไปยังศิโยนเถิด ไปเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา> >> 7 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะยาโคบ และเปล่งเสียงโห่ร้องเพราะประมุขของบรรดาประชาชาติ จงป่าวร้อง สรรเสริญ และกล่าวว่า <พระเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด คือคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล> 8 ดูเถิด เราจะนำเขามาจากแดนเหนือ และรวบรวมเขาจากส่วนที่ไกลที่สุดของพิภพ มีคนตาบอดคนขาเขยกอยู่ท่ามกลางเขา ผู้หญิงที่มีครรภ์และผู้หญิงที่คลอดบุตรจะมาด้วยกัน เขาจะกลับมาที่นี่เป็นหมู่ใหญ่ 9 เขาจะมาด้วยการร้องไห้ และเราจะนำเขากลับด้วยการเล้าโลมใจ เราจะให้เขาเดินข้ามลำธารน้ำ ในทางตรงซึ่งเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา 10 <<บรรดาประชาชาติเอ๋ยจงฟังพระวจนะของพระเจ้า และจงประกาศพระวจนะนั้นในแผ่นดินชายทะเลที่ห่างออกไป จงกล่าวว่า <ท่านที่กระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเขา และจะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของเขา> 11 เพราะพระเจ้าทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว และได้ไถ่มาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา 12 เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน และเขาจะปลาบปลื้มเพราะของดีของพระเจ้า เพราะเมล็ดข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน และเพราะลูกของแกะและโค ชีวิตของเขาทั้งหลายจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และเขาจะไม่อ่อนระทวยอีกต่อไป 13 แล้วพวกพรหมจารีจะเปรมปรีดิ์ในการเต้นรำ และคนหนุ่มกับคนแก่จะรื่นเริง เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนการไว้ทุกข์ 14 เราจะเลี้ยงจิตใจของปุโรหิตด้วยความอุดมสมบูรณ์ และประชากรของเราจะพอใจด้วยของดีของเราพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ>> 15 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ได้ยินเสียงในรามา เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ ราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำเล้าโลมในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว>> 16 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้เสียเถิด และระงับน้ำตาจากตาของเจ้าเสีย เพราะว่าการงานของเจ้าจะได้รับรางวัลพระเจ้า ตรัสดังนี้แหละ และเขาทั้งหลายจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู 17 พระเจ้าตรัสว่า เรื่องอนาคตของเจ้ายังมีหวัง และลูกหลานของเจ้าจะกลับมายังประเทศของเขาเอง 18 เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า พระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์และข้าพระองค์ก็ถูกตีสอน อย่างลูกโคที่ยังไม่เชื่อง ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ เพื่อข้าพระองค์จะได้กลับสู่สภาพเดิม เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ 19 เพราะหลังจากที่ข้าพระองค์หันไปเสียข้าพระองค์ก็กลับใจ และหลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว ข้าพระองค์ก็ทุบตีต้นขาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์อับอาย และข้าพระองค์ก็ขายหน้า เพราะว่าข้าพระองค์ได้ทนความหยามน้ำหน้า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยังหนุ่มอยู่ 20 พระเจ้าตรัสว่า เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเราหรือ เขาเป็นลูกที่รักของเราหรือ เพราะเราจะพูดกล่าวโทษเขาตราบใด เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่ตราบนั้น เพราะฉะนั้นจิตใจของเราจึงอาลัยเขา เราจะมีความกรุณาต่อเขาแน่ 21 <<จงปักเสากรุยทางไว้สำหรับตน จงทำป้ายบอกทางไว้สำหรับตัว จงปักใจให้ดีถึงทางหลวง คือทางซึ่งเจ้าได้ไปนั้น อิสราเอลพรหมจารี จงกลับเถิด จงกลับมายังหัวเมืองเหล่านี้ของเจ้า 22 ลูกสาว ผู้กลับสัตย์เอ๋ย เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด เพราะพระเจ้าได้สร้างสิ่งใหม่บนพิภพแล้ว คือ ผู้หญิงล้อมผู้ชาย>> 23 พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า <<เมื่อเราให้เขากลับสู่สภาพเดิม เขาจะใช้ถ้อยคำต่อไปนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในหัวเมืองทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง คือ <โอ ที่อยู่แห่งความชอบธรรมเอ๋ยภูเขาบริสุทธิ์เอ๋ย ขอพระเจ้าทรงอำนวยพระพรเจ้า> 24 ยูดาห์และหัวเมืองทั้งสิ้นนั้น ทั้งบรรดาชาวนา บรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวไปมาพร้อมกับฝูงแกะของเขา จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น 25 เพราะเราจะให้จิตใจที่อ่อนระอานั้นอิ่ม และจิตใจที่ อ่อนระทวยทุกดวงเราจะให้บริบูรณ์>> 26 เมื่อนั้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู และการหลับนอนของข้าพเจ้าก็เป็นที่ชื่นใจข้าพเจ้า พันธสัญญาใหม่ 27 <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะหว่านพืชคนและพืชสัตว์ในประชา อิสราเอลและประชายูดาห์ 28 และจะเป็นไปอย่างนี้ คือเมื่อเราเฝ้าดูเขา เพื่อจะถอนออกและพังลงคว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาฉันใด เราจะเฝ้าดูเหนือเขาเพื่อจะสร้างขึ้นและปลูกฝังฉันนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 29 ในสมัยนั้น เขาจะไม่กล่าวต่อไปอีกว่า <บิดารับประทานองุ่นเปรี้ยวและบุตรก็เข็ดฟัน> 30 แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง มนุษย์ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน 31 <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญา ใหม่กับประชาอิสราเอล และประชายูดาห์ 32 ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับ บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 33 แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับ ประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา 34 และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตน และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า <จงรู้จักพระเจ้า> เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมดตั้งแต่คน เล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขา ทั้งหลายอีกต่อไป>> 35 พระเจ้าผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์เป็นสว่างกลางวัน และทรงให้ระเบียบตายตัวของดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นสว่างกลางคืน ผู้ทรงกวนทะเลให้คลื่นกำเริบ พระนามของพระองค์ คือพระเจ้าจอมโยธา ตรัสดังนี้ว่า 36 ถ้าระเบียบตายตัวนี้ต้องพรากไปจากต่อหน้าเรา แล้วเชื้อสายของอิสราเอลก็จะต้องหยุดยั้ง จากการเป็นประชาชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 37 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<ถ้าฟ้าสวรรค์เบื้องบนเป็นที่วัดได้ และรากฐานของพิภพเบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้ แล้วเราก็จะเหวี่ยงเชื้อสายอิสราเอลทิ้งไปเสีย ด้วยเหตุบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 38 พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ที่เมืองนี้จะต้องสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระเจ้าตั้งแต่หอคอย ฮานันเอลไปถึงประตูมุม 39 และเชือกวัดจะไปไกลกว่านั้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ 40 หุบเขาแห่งซากศพและขี้เถ้าทั้งสิ้นนั้น และทุ่งนาทั้งหมดไกลไปจนถึงลำธารขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า จะไม่เป็นที่ถอนรากหรือคว่ำต่อไปอีกเป็นนิตย์>> |