เยเรมีย์ 17 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971บาปซึ่งจารึกไว้ในที่จิตใจของยูดาห์ 1 <<บาปของยูดาห์นั้นบันทึกไว้ด้วยปากกาเหล็ก ด้วยปลายเพชรจารึกไว้บนแผ่นแห่งจิตใจของเขา และบนเชิงงอนที่แท่นบูชาของเขาทั้งหลาย 2 ฝ่ายบุตรหลานของเขาก็ระลึกถึงแท่นบูชาและเหล่าอาเชริม ของเขาข้างต้นไม้สดทุกต้นและบนเนินเขาสูง 3 บนภูเขาที่อยู่กลางทุ่ง เราจะให้หลักฐาน บ้านช่องและทรัพย์สมบัติของเจ้าเป็นของริบ เป็นค่าแห่งบาปของเจ้าตลอดทั่วแผ่นดินของเจ้า 4 เจ้าจะต้องปล่อยมือของเจ้าจากมรดกซึ่ง เราได้ยกให้แก่เจ้า และเราจะกระทำให้เจ้าปรนนิบัติศัตรูของเจ้า ในแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะความโกรธของเรา เราก่อไฟขึ้นซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์>> 5 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<คนที่วางใจในมนุษย์ และให้เนื้อหนังเป็นมือของเขา และใจของเขาหันออกจากพระเจ้า คนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป 6 เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทราย และไม่เห็นความดีอันใดมาถึงเลย เขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงที่ในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย 7 <<คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า 8 เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล>> 9 จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า 10 <<เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูจิต และทดลองดูใจ เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา ตามผลแห่งการกระทำของเขา>> 11 เหมือนนกกระทาที่รวบรวมลูกซึ่งมันมิได้ฟักฉันใด คนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็ฉันนั้น พอถึงกลางวัย มันก็พรากจากคนนั้นเสีย และในตอนปลายของเขาเขาจะเป็นคนโฉดเขลา 12 ที่ตั้งแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ของเราทั้งหลาย เป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เดิมนั้น 13 ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย 14 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ข้าพระองค์จะได้หาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ข้าพระองค์จึงจะรอด เพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์ 15 ดูเถิด เขาทั้งหลายได้พูดกับข้าพระองค์ว่า <<พระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่ไหน ให้มาเถิด>> 16 ข้าพระองค์มิได้คาดคั้นให้พระองค์ส่งเหตุร้าย ข้าพระองค์ก็ไม่ประสงค์วันแห่งความหายนะ พระองค์ทรงทราบแล้ว สิ่งซึ่งออกมาจากริมฝีปากของข้าพระองค์ ก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์ 17 ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์ครั่นคร้าม พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งข้าพระองค์ในวันร้าย 18 ผู้ใดข่มเหงข้าพระองค์ขอให้เขาได้รับความละอาย แต่ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้รับความละอาย ขอให้เขาครั่นคร้าม แต่อย่าให้ข้าพระองค์ครั่นคร้าม ขอทรงนำวันร้ายมาตกเหนือเขา ขอทรงทำลายเขาด้วยการทำลายซับซ้อน ต้องรักษาสะบาโตให้บริสุทธิ์ 19 พระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าดังนี้ว่า <<จงไปยืนในประตูบุตรประชา ซึ่งบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์เสด็จเข้าและซึ่งพระองค์เสด็จออก และในประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็ม 20 และกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า <ท่านทั้งหลายผู้เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้น ผู้ซึ่งเข้าทางประตูเหล่านี้ จงฟังพระวจนะของพระเจ้า 21 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงระวังเพื่อเห็นแก่ชีวิตของเจ้าทั้งหลาย อย่าได้หาบหามอะไรในวันสะบาโต หรือนำของนั้นเข้าทางบรรดาประตู เยรูซาเล็ม 22 และอย่าหาบหามของของเจ้าออกจากบ้านในวันสะบาโต หรือกระทำงานใดๆ แต่จงรักษาวันสะบาโตไว้ให้บริสุทธิ์ ดังที่เราได้บัญชาบรรพบุรุษของเจ้า ไว้ 23 ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่กระทำคอของเขาทั้งหลายให้แข็ง เพื่อจะไม่ได้ยินและไม่รับคำตักเตือน 24 <<พระเจ้าตรัสว่า ถ้าเจ้าเชื่อฟังเรา และไม่นำภาระใดๆเข้ามาทางประตูเมืองนี้ในวันสะบาโต แต่รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และไม่กระทำงานในวันนั้น 25 แล้วจะมีพระราชาและเจ้านาย ผู้ประทับบนบัลลังก์แห่งดาวิด เสด็จเข้าทางประตูทั้งหลายของเมืองนี้เสด็จมาในรถรบ และบนม้า ทั้งบรรดาพระราชาและเจ้านายของพระองค์ ทั้งคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม และเมืองนี้จะมีคนอาศัยอยู่เป็นนิตย์ 26 และประชาชนจะมาจากหัวเมือง แห่งยูดาห์และจากที่ซึ่งอยู่รอบเยรูซาเล็ม จากแผ่นดินเบนยามิน จากเนินเชเฟลาห์จากเมืองเทือกเขา และจากเนเกบนำเอาเครื่องเผาบูชา และเครื่องสักการบูชา เครื่องธัญญบูชาและกำยาน และนำเครื่องบูชาโมทนาพระคุณมายังนิเวศของพระเจ้า 27 แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายไม่ฟังเราที่จะรักษา วันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และที่จะไม่แบกภาระเข้าทางประตูทั้งหลาย ของเยรูซาเล็มในวันสะบาโต แล้วเราจะก่อไฟไว้ในประตูเมืองเหล่านั้น และไฟนั้นจะเผาผลาญราชวังทั้งหลายของเยรูซาเล็ม และจะดับก็ไม่ได้>> |