เยเรมีย์ 16 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971พระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษประชาชน 1 พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า 2 <<เจ้าอย่ามีภรรยา เจ้าอย่ามีบุตรชายหรือบุตรหญิงในที่นี้ 3 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้เรื่องบุตรชายและ บุตรหญิงที่เกิดในที่นี้ และทรงกล่าวถึงพวกมารดาที่คลอดบุตรเหล่านั้น และพวกบิดาที่ให้บังเกิดคนเหล่านั้นในแผ่นดินนี้ว่า 4 เขาทั้งหลายจะตายด้วยโรคร้าย จะไม่มีการโอดครวญอาลัยเขาทั้งหลาย หรือจะไม่มีใครจัดการฝังเขา เขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ ที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน เขาทั้งหลายจะพินาศด้วยดาบและการกันดารอาหาร และศพทั้งหลายของเขาจะเป็นอาหารของนกใน อากาศและของสัตว์แห่งแผ่นดิน 5 <<เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าเข้าไปในเรือนที่ครวญคร่ำ หรือไปโอดครวญ หรือไปเสียใจด้วย พระเจ้าตรัสว่า เพราะเราได้เอาพรสวัสดิภาพของเราไปจากชนชาตินี้แล้ว ทั้งความรักมั่นคง และกรุณาคุณของเรา 6 ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจะตายในแผ่นดินนี้ จะไม่มีใครจัดการฝังเขา ไม่มีใครมาโอดครวญอาลัยเขา หรือมากรีดตัว หรือมาโกนศีรษะเพื่อเขา 7 ไม่มีผู้ใดหักขนมปังให้แก่คนไว้ทุกข์ เพื่อจะปลอบโยนเขา เหตุคนที่ตายนั้น เพราะบิดามารดาของเขา จึงไม่มีใครมอบถ้วยแห่งความเล้าโลมใจให้เขาดื่ม 8 เจ้าอย่าเข้าไปนั่งกินและดื่มกับเขาในเรือนที่มีการเลี้ยง 9 เพราะพระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส ดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะกระทำให้เสียงบันเทิงและเสียงรื่นเริง เสียงเจ้าบ่าวและเสียงเจ้าสาว ขาดจากสถานที่นี้ ต่อหน้าต่อตาของเจ้าทั้งหลายและในวันของเจ้า 10 <<เมื่อเจ้าบอกถ้อยคำเหล่านี้แก่ชนชาตินี้ และเขาทั้งหลายพูดกับเจ้าว่า <ทำไมพระเจ้าจึงทรงประกาศโทษใหญ่ยิ่งทั้งสิ้นนี้ให้ตกแก่เรา บาปชั่วของเราคืออะไรเล่า เราได้กระทำบาปอะไรต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราเล่า> 11 แล้วเจ้าพึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า <พระเจ้าตรัสว่า เพราะบรรพบุรุษของเจ้าได้ละทิ้งเรา และได้ติดสอยห้อยตามพระอื่น และได้ปรนนิบัติ และนมัสการพระนั้น และได้ละทิ้งเรา และมิได้รักษาพระธรรมของเรา 12 และเพราะเจ้าทั้งหลายได้ กระทำชั่วร้ายยิ่งเสียกว่าบรรพบุรุษของเจ้า เพราะดูเถิด เจ้าทุกๆคนได้ติดตามเจตนาชั่วร้ายดื้อดึงของตนเอง ปฏิเสธไม่ยอมฟังเรา 13 เพราะฉะนั้น เราจะเหวี่ยงเจ้าออกเสียจากแผ่นดินนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเจ้าหรือบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จัก และที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่นทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเราจะไม่สำแดงพระคุณแก่เจ้าเลย> 14 <<พระเจ้าตรัสว่า เพราะฉะนั้น ดูเถิด วันเดือนจะมาถึง เมื่อไม่มีใครกล่าวต่อไปอีกว่า <พระเจ้าผู้ทรงนำประชาชน อิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด> 15 แต่จะพูดว่า <พระเจ้าผู้ทรงนำประชาชนอิสราเอล ออกมาจากแดนเหนือและออกมาจากบรรดาประเทศ ซึ่งพระองค์ได้ทรงขับไล่เขาให้ไปอยู่นั้น ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด> เพราะเราจะนำเขาทั้งหลายกลับมาสู่แผ่นดินของเขาเอง ซึ่งเราได้ยกให้บรรพบุรุษของเขาแล้วนั้น 16 <<พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด เราจะส่งชาวประมงมาเป็นอันมาก และเขาจะจับเขาทั้งหลาย ภายหลังเราจะให้เขาพาพรานมาเป็นอันมาก พรานจะล่าเขาทั้งหลายตามภูเขาทุกแห่งและ ตามเนินเขาทุกลูกและตามซอกหิน 17 เพราะว่า เรามองดูพฤติการณ์ทั้งสิ้นของเขา จะปิดบังไว้จากเราไม่ได้ และบาปชั่วของเขาทั้งหลายจะซ่อนพ้นตาเราไม่ได้ 18 และเราจะทบการตอบสนองความชั่วและบาป ของเขาเป็นสองเท่า เพราะเขาได้กระทำให้แผ่นดินเรามลทินไป ด้วยซากของสิ่งน่าสะอิดสะเอียน และกระทำให้มรดกของเราเต็มไปด้วยสิ่ง น่าเกลียดน่าชังของเขาทั้งหลาย>> 19 ข้าแต่พระเจ้า พระกำลังและที่ กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์ เป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันยากลำบาก บรรดาประชาชาติจะมาเฝ้าพระองค์ จากที่สุดปลายโลก และทูลว่า <<บรรพบุรุษของเราไม่ได้รับมรดกอันใด นอกจากสิ่งมุสา คือสิ่งไร้ค่าซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรในตัว 20 มนุษย์จะสร้างพระไว้สำหรับตนเองได้หรือ สิ่งอย่างนั้นไม่ใช่พระ>> 21 <<เพราะฉะนั้น ดูเถิด เราจะกระทำให้เขารู้จัก กาลครั้งนี้ เราจะกระทำให้เขารู้จักฤทธิ์เดชของเรา และฤทธานุภาพของเรา และเขาทั้งหลายจะรู้ว่านามของเราคือพระเยโฮวาห์>> |