เยเรมีย์ 11 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971พันธสัญญาที่ถูกหัก 1 พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์ว่า 2 <<เจ้าจงฟังถ้อยคำในพันธสัญญานี้เถิด และจงกล่าวแก่คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 3 เจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า คนหนึ่งคนใดที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำในพันธสัญญานี้ ให้ผู้นั้นเป็นที่แช่งเถิด 4 ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่เราบัญชาแก่ บรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย ผู้ซึ่งเราได้นำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จากเตาไฟเหล็ก กล่าวว่าจงฟังเสียงของเรา และจงกระทำทุกอย่างที่เราบัญชา เจ้าไว้เจ้าจึงจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 5 เพื่อเราจะกระทำให้สำเร็จ ตามคำสาบานซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าว่า จะประทานแผ่นดินซึ่งมีน้ำนม และน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์แก่เขาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้>> แล้วข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า <<ข้าแต่พระเจ้า ขอให้เป็นดังนั้นเถิด>> 6 และพระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า <<จงป่าวร้องถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นในหัวเมือง ของยูดาห์และในถนนหนทางเยรูซาเล็มว่า จงฟังถ้อยคำแห่งพันธสัญญานี้และประพฤติตาม 7 เพราะเราได้กล่าวตักเตือนอย่างแข็งแรงต่อ บรรพบุรุษของเจ้า เมื่อเรานำเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ตักเตือนเขาอย่างมิได้หยุดยั้ง แม้จนถึงทุกวันนี้กล่าวว่า จงฟังเสียงของเรา 8 ถึงกระนั้นเขาทั้งหลายก็ไม่เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่ทุกคนดำเนินตามความดื้อกระด้างแห่งจิตใจอัน ชั่วร้ายของเขา เหตุฉะนี้เราจึงนำซึ่งตามถ้อยคำแห่งพันธสัญญา นี้ที่เราได้บัญชาให้เขากระทำ แต่เขามิได้กระทำตามนั้น ให้มาตกเหนือเขา 9 พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า <<มีการคิดกบฏท่ามกลางคนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 10 เขาได้หันกลับไปหาบาปชั่วแห่งบรรพบุรุษ ของเขาผู้ปฏิเสธไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา เขาติดสอยห้อยตามพระอื่นๆ และปรนนิบัติพระนั้น ประชาอิสราเอลและประชายูดาห์ได้ผิดพันธสัญญาของเรา ซึ่งเรากระทำต่อบรรพบุรุษของเขา 11 เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือเขา ซึ่งเขาหนีไม่พ้น ถึงเขาจะร้องทุกข์ต่อเรา เราจะไม่ฟังเขาทั้งหลาย 12 แล้วหัวเมืองยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม จะไปร้องทุกข์ต่อพระ ซึ่งเขาทั้งหลายได้เผาเครื่องหอมถวายนั้น แต่พระเจ้าเหล่านั้นช่วยเขาในเวลาลำบากไม่ได้ 13 ยูดาห์เอ๋ย พระทั้งหลายของเจ้าก็มากเท่ากับหัวเมืองทั้งหลายของเจ้า และตามจำนวนหนทางในกรุงเยรูซาเล็ม เจ้าได้ตั้งแท่นบูชาถวายสิ่งที่อับอาย คือแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมถวายแก่พระบาอัล 14 <<เพราะฉะนั้น เจ้าอย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ อย่าร้องขึ้นหรืออธิษฐานเพื่อเขาทั้งหลาย เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องต่อเราในเวลาลำบาก 15 ผู้ที่รักของเรานั้นมีสิทธิอะไรในนิเวศของเราเล่า ในเมื่อนางนั้นได้กระทำการชั่วช้ามาก คำบนบานและเนื้อสัตว์ที่สักการบูชา จะหันเหโทษของเจ้าได้หรือ อย่างนี้แล้วเจ้าจะเริงโลดได้หรือ 16 พระเจ้าทรงเคยเรียกเจ้าว่า <ต้นมะกอกเทศสดงดงามด้วยผลเป็นอย่างดี> แต่พระองค์ทรงก่อไฟเผามันเสียด้วยเสียงพายุใหญ่ และกิ่งทั้งหลายของมันจะถูกเผาผลาญหมด 17 พระเจ้าจอมโยธาผู้ได้ปลูกเจ้า ได้ทรงประกาศความร้ายให้ตกแก่เจ้า เพราะความชั่วช้าซึ่งประชาอิสราเอล และประชายูดาห์ได้กระทำ ได้ยั่วยุให้เราโกรธด้วยการเผาเครื่องหอมถวายแก่พระบาอัล>> การปองร้ายเยเรมีย์ 18 พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็รู้ แล้วพระองค์ทรงสำแดงกรรมของเขาแก่ข้าพระองค์ 19 แต่ข้าพระองค์เป็นเหมือนลูกแกะสุภาพตัวหนึ่ง ซึ่งถูกพามาถึงที่ฆ่า ข้าพระองค์ไม่ทราบเลยว่าข้าพระองค์เอง ได้ถูกเขาวางแผนการต่อสู้โดยกล่าวว่า <<ให้เราทำลายต้นไม้กับผลของมันเสียด้วย ให้เราตัดเขาออกเสียจากแดนคนเป็น เพื่อชื่อของเขาจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกเลย>> 20 แต่ว่า ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา ผู้ทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม ผู้ทรงทดลองดูทั้งใจและจิต ขอให้ข้าพระองค์แลเห็นการแก้แค้นของพระองค์ตกแก่เขา เพราะข้าพระองค์ได้มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์แล้ว 21 เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้ เกี่ยวกับคนตำบลอานาโธท ผู้แสวงหาชีวิตของเจ้า และกล่าวว่า <<อย่าเผยพระวจนะในพระนามของพระเจ้า หรือมิฉะนั้นเจ้าจะต้องตายด้วยมือของเรา>> 22 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า <<ดูเถิด เราจะลงโทษเขาทั้งปวง พวกคนหนุ่มจะตายด้วยดาบ บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของเขา จะตายด้วยการกันดารอาหาร 23 จะไม่มีเหลือสักคนเดียว เพราะเราจะนำความร้ายมาสู่คนตำบลอานาโธท คือปีแห่งการลงโทษเขา |