อิสยาห์ 37 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971ทรงช่วยกู้ยูดาห์จากเซนนาเคอริบ ( 2 พกษ. 19:1-37 ; 2 พศด. 32:20-23 ) 1 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยิน พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์เสีย และทรงเอาผ้ากระสอบคลุมพระองค์ และเสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า 2 และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิม ผู้บัญชาการราชสำนัก และเชบนาราชเลขา และปุโรหิตผู้อาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบ ไปหาอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของอามอส 3 เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า <<เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า <วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันถูกขนาบและอดสู เด็กที่ถึงกำหนดคลอดก็ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด 4 ชะรอยพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านคงได้ยินถ้อยคำของรับชาเคห์ ผู้ซึ่งพระราชาแห่งอัสซีเรียนายของเขาได้สั่งมา ให้เย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงสดับ เพราะฉะนั้น ก็ขอท่านถวายคำอธิษฐานเพื่อส่วนคนที่เหลืออยู่นี้> >> 5 เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์ 6 อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า <<จงทูลนายของท่านเถิดว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้น ซึ่งข้าราชการของพระราชาของอัสซีเรียได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา 7 ดูเถิด เราจะบรรจุจิตใจอย่างหนึ่งในเขา เพื่อเขาจะได้ยินข่าวลือ และกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง>> 8 รับชาเคห์ได้กลับไป และได้พบพระราชาแห่งอัสซีเรียสู้รบเมืองลิบนาห์ เพราะเขาได้ยินว่าพระราชาออกจากลาคีชแล้ว 9 พระองค์ทรงได้ยินเกี่ยวกับทีรหะคาห์พระราชาแห่งเอธิโอเปียว่า <<เขาได้ออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว>> และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว จึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า 10 <<เจ้าจงพูดกับเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ดังนี้ว่า อย่าให้พระเจ้าของท่านซึ่งท่านพึ่งนั้นลวงท่าน ว่าเยรูซาเล็มจะมิได้ถูกมอบไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย 11 ดูเถิด ท่านได้ยินแล้วว่าบรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรีย ได้กระทำอะไรกับประเทศทั้งสิ้นบ้างทำลายเสียหมดอย่างสิ้นเชิง ส่วนท่านเองจะรับการช่วยกู้ให้พ้นหรือ 12 บรรดาพระของบรรดาประชาชาติ ได้ช่วยกู้เขาให้พ้นหรือ คือ ประชาชาติซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ทำลาย คือ โกเซน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน ซึ่งอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน>> 14 เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสาร และทรงอ่าน 15 และเฮเซคียาห์ได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า และทรงคลี่จดหมายนั้นออกต่อพระพักตร์พระเจ้า และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 16 <<ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงประทับเหนือเครูบ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลก พระองค์แต่องค์เดียว พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเบิกพระเนตรทอดพระเนตรและขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาได้ใช้มาเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 18 ข้าแต่พระเจ้า เป็นความจริงที่บรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรียได้กระทำให้ประเทศทั้งสิ้น และแผ่นดินของเขานั้นร้างเปล่า 19 และได้เหวี่ยงพระของเขาเข้าไปในไฟ เพราะเขามิใช่พระ เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์เป็นไม้และหิน เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกทำลายเสีย 20 ฉะนั้น บัดนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่พระองค์เดียวทรงเป็นพระเจ้า>> 21 แล้วอิสยาห์บุตรอามอสได้ใช้ให้ไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า <<พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย 22 ต่อไปนี้เป็นพระวจนะ ซึ่งพระเจ้าตรัสเกี่ยวกับท่านนั้นว่า <ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และเย้ยเจ้า ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม สั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า 23 <เจ้าเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใด เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด และเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใด ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ 24 เจ้าได้เย้ยพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้รับใช้ของเจ้า และเจ้าได้ว่า ด้วยรถรบเป็นอันมากของข้า ข้าได้ขึ้นที่สูงของภูเขา ถึงที่ไกลสุดของเลบานอน ข้าโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลง ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน ข้าเข้าไปยังที่ยอดลิบที่สุดของมัน ที่ป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน 25 ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ ข้าจะเอาฝ่าเท้าของข้ากวาด ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์ให้แห้งไป 26 <เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราได้จัดไว้นานแล้ว เราได้กะแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์ ซึ่ง ณ บัดนี้เราให้เป็นไปแล้ว คือเจ้าจะทำเมืองที่มีป้อมให้พังลง ให้เป็นกองสิ่งปรักหักพัง 27 ส่วนชาวเมืองนั้นถูกตัดมือตัดตีน ก็แย่และอับอาย และกลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่ทุ่งนา และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าที่บนยอดหลังคาเรือน เหมือนผักก่อนมันจะได้งอกงามอย่างนั้นหรือ 28 <แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลง กับการออกไปและเข้ามาของเจ้า และการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา 29 เพราะเจ้าได้เกรี้ยวกราดต่อเรา และความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเรา ฉะนั้น เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า และบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า และเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง ซึ่งเจ้ามานั้น> 30 <<และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิม แล้วในปีที่สาม จงหว่าน และเกี่ยว และทำสวนองุ่นและกินผลของมัน 31 ส่วนที่รอดและคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ของยูดาห์จะหยั่งรากลงไป และเกิดผลขึ้นบน 32 เพราะว่าส่วนคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม และส่วนที่รอดมาจะออกมาจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้ 33 <<เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงตรัสเกี่ยวกับพระราชาแห่งอัสซีเรียดังนี้ว่า ท่านจะไม่เข้าในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินสู้มัน 34 ท่านมาทางใด ท่านจะต้องกลับไปทางนั้น ท่านจะไม่เข้ามาในนครนี้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 35 และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา>> 36 ทูตของพระเจ้าได้ออกไป และได้ประหารคนในค่ายแห่งคนอัสซีเรียเสียหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน และเมื่อลุกขึ้นในเวลาเช้ามืด ดูเถิด พวกเหล่านั้นเป็นศพทั้งนั้น 37 แล้วเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียก็ได้ยกไปและกลับบ้าน และอยู่ในนีนะเวห์ 38 ขณะเมื่อท่านนมัสการในโบสถ์ของพระนิสโรกพระเจ้าของท่าน อัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ โอรสของท่านก็ประหารท่านเสียด้วยดาบ และหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนโอรสของท่านขึ้นครอบครองแทนท่าน |