ปฐมกาล 18 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971พระเจ้าทรงสัญญาถึงกำเนิดของอิสอัค 1 พระเจ้าทรงปรากฏแก่ท่านที่หมู่ต้นก่อหลวงที่มัมเร ขณะที่ท่านนั่งอยู่ที่ประตูเต็นท์เวลาแดดร้อน 2 ท่านเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าท่าน เมื่อท่านเห็นเขาทั้งสามท่านก็วิ่งจากประตูเต็นท์ ไปต้อนรับเขากราบลงถึงดิน 3 พูดว่า <<เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ขออย่าผ่านผู้รับใช้ของท่านไปเสียเลย 4 ข้าพเจ้าจะเอาน้ำมานิดหน่อยให้ท่านล้างเท้า และพักใต้ต้นไม้ 5 ข้าพเจ้าจะไปเอาอาหารหน่อยหนึ่งมาให้ ท่านจะได้พักผ่อนหายเหนื่อยเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดินทางต่อไป ไหนๆท่านก็มายังผู้รับใช้ของท่านแล้ว>> เขาทั้งสามจึงว่า <<ทำตามที่เจ้ากล่าวนี้เถิด>> 6 อับราฮัมรีบเข้าไปในเต็นท์หานางซาราห์ กล่าวว่า <<เร็วๆหน่อยเอาแป้งละเอียดสามถังนวดแล้วทำขนม>> 7 แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูงสัตว์ เอาลูกโคตัวหนึ่ง ยังอ่อนและดี มอบให้คนใช้รีบปรุงเป็นอาหาร 8 ท่านเอาเนย น้ำนมและลูกโคที่เขาปรุงแล้วนั้นมาวางต่อหน้าเขาทั้งสาม และท่านยืนอยู่ข้างเขาทั้งสามที่ใต้ต้นไม้ เมื่อเขาทั้งสามรับประทาน 9 เขาทั้งสามถามท่านว่า <<ซาราห์ภรรยาของเจ้าอยู่ที่ไหน>> ท่านตอบว่า <<นางอยู่ที่ในเต็นท์>> 10 เขาว่า <<ปีหน้าเราจะกลับมาหาเจ้าอีกแน่นอน ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมีบุตรชายคนหนึ่ง>> นางซาราห์ฟังอยู่ที่ประตูเต็นท์ข้างหลังท่าน 11 ฝ่ายอับราฮัมและซาราห์นั้นชราแล้ว และประจำเดือนของซาราห์ก็หมดไปแล้ว 12 นางซาราห์ก็หัวเราะอยู่แต่ในใจ กล่าวว่า <<ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะยินดีอีกหรือ>> 13 พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า <<ทำไมนางซาราห์หัวเราะ และกล่าวว่า <ฉันแก่แล้วจะคลอดบุตรชายจริงๆหรือ> 14 มีสิ่งใดที่อัศจรรย์เกินฤทธิ์พระเจ้าจะทำได้ พอถึงเวลากำหนดเราจะกลับมาหาเจ้า ฤดูนี้ปีหน้า และซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง>> 15 แต่นางซาราห์ปฏิเสธว่า <<ข้าพระองค์มิได้หัวเราะพระเจ้าข้า>> เพราะนางกลัว พระองค์ตรัสว่า <<อย่ามุสาเจ้าหัวเราะจริงๆ>> อับราฮัมวิงวอนเพื่อเมืองโสโดม 16 แล้วบุรุษเหล่านั้นก็ออกจากที่นั่น เดินไปจนเห็นเมืองโสโดม และอับราฮัมก็ตามไปส่งด้วย 17 พระเจ้าตรัสว่า <<ควรหรือที่เราจะซ่อนสิ่ง ซึ่งเราจะกระทำนั้นมิให้อับราฮัมรู้ 18 เพราะอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหลายในโลกจะได้รับพรก็เพราะท่าน 19 เพราะเราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลาน และครอบครัวที่สืบมา ให้รักษาพระมรรคาของพระเจ้า โดยทำความชอบธรรมและความยุติธรรม เพื่อว่าพระเจ้าจะได้ประทานสิ่ง ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้แล้วให้แก่อับราฮัม>> 20 พระเจ้าได้ตรัสว่า <<เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก 21 เราจะลงไปดูว่า พวกเขากระทำผิดจริงตามคำร้องทุกข์ที่มาถึงเรานั้นหรือไม่ ถ้าไม่เราก็จะรู้>> 22 บุรุษเหล่านั้นจึงออกจากที่นั่นเดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าพระเจ้าอยู่ 23 อับราฮัมได้เข้ามาใกล้ กราบทูลว่า <<พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมหรือ 24 สมมุติว่ามีคนชอบธรรมห้าสิบคนอยู่ในเมืองนั้น พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นไม่ยับยั้งอาชญา เพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ในเมืองนั้นหรือ 25 ขอพระองค์อย่าคิดที่จะกระทำเช่นนั้นเลย อย่าคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม ทำกับคนชอบธรรมอย่างเดียวกับคนอธรรม ขอพระองค์อย่าทรงทำเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้พิพากษาสากลโลกจะไม่กระทำสิ่งที่ยุติธรรมหรือ>> 26 พระเจ้าตรัสว่า <<ที่โสโดมถ้าเราพบคนชอบธรรมในเมืองห้าสิบคนเราจะ ไม่ลงอาชญาในเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่เขา>> 27 อับราฮัมทูลตอบว่า <<ขอประทานโทษ ที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูลต่อพระเจ้า ข้าพระองค์ผู้เป็นเพียงผงคลีและขี้เถ้า 28 สมมุติว่าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นทั้ง เมืองเพราะขาดห้าคนหรือ>> และพระองค์ตรัสว่า <<เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น>> 29 ท่านก็ทูลพระองค์อีกว่า <<สมมุติว่าพระองค์ทรงพบสี่สิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่สี่สิบคนเราจะไม่กระทำ>> 30 ท่านจึงทูลว่า <<ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์จะขอกราบทูล สมมุติพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เราจะไม่ลงอาชญา ถ้าเราพบสามสิบที่นั่น>> 31 ท่านทูลว่า <<ขอประทานโทษที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูล ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า สมมุติว่าทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่ยี่สิบคน เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น>> 32 ท่านทูลว่า <<ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์ขอกราบทูลอีกครั้งนี้ครั้งเดียว สมมุติว่า ทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เพราะเห็นแก่สิบคนเราจะไม่ทำลายเมืองนั้น>> 33 เมื่อพระองค์ตรัสกับอับราฮัมจบลงแล้ว พระเจ้าก็เสด็จไป ส่วนอับราฮัมก็กลับไปบ้าน |