Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

เอ็ก​โซ​โด 9 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


ภัยพิบัติที่เกิดกับฝูงสัตว์

1 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า <<ไปหาฟาโรห์บอกว่า พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า <จงปล่อยให้ประชากรของเราไป เพื่อเขาจะได้นมัสการเรา

2 ถ้าท่านไม่ยอมปล่อยให้ไป ยังหน่วงเหนี่ยวเขาไว้

3 หัตถ์ของพระเจ้าจะทำให้ฝูงสัตว์ในทุ่งนา ฝูงม้า ฝูงลา ฝูงอูฐ ฝูงโค และฝูงแพะแกะ เป็นโรคระบาดร้ายแรงขึ้น

4 แต่พระองค์จะทรงกระทำต่อฝูงสัตว์ของ ชนชาติอิสราเอลต่างกับฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ สัตว์ของคนอิสราเอลจะไม่ต้องตายเลย> >>

5 พระเจ้าทรงกำหนดเวลาไว้ว่า <<พรุ่งนี้พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ในแผ่นดิน>>

6 รุ่งขึ้นพระเจ้าก็ทรงกระทำตามพระวาจา ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ตายหมด แต่สัตว์ของชนชาติอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว

7 ฟาโรห์ทรงใช้คนไปดูและประจักษ์ว่า สัตว์ของคนอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว แต่พระทัยของฟาโรห์ยังแข็งกระด้าง ไม่ยอมปล่อยให้ประชากรไป


ภัยพิบัติจากฝี

8 พระเจ้าจึงตรัสแก่โมเสสและอาโรนว่า <<เจ้าจงกำเขม่าจากเตาให้เต็มกำมือ แล้วให้โมเสสซัดขึ้นไปในอากาศต่อหน้าฟาโรห์

9 เขม่านั้นจะกลายเป็นฝุ่นปลิวไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ ทำให้เกิดเป็นฝีแตกลามทั้งตัวคนและสัตว์ทั่วแผ่นดินอียิปต์

10 เขาทั้งสองจึงกำเขม่าจากเตาไปยืนอยู่ต่อพระพักตร์ ฟาโรห์ พอโมเสสซัดเขม่าขึ้นไปในท้องฟ้าเขม่านั้นก็ทำให้ เกิดฝีแตกลามไปทั้งตัวคนและสัตว์

11 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็ไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าโมเสส เพราะพวกเล่นกลและชาวอียิปต์ทั้งปวง ก็เป็นฝีทั่วตัวด้วยเหมือนกัน

12 แต่พระเจ้าทรงให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้าง ไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน จริงดังที่พระเจ้าตรัสกับโมเสสไว้แล้ว


ภัยพิบัติจากลูกเห็บ

13 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<จงตื่นแต่เช้าไปยืนต่อหน้าฟาโรห์บอกว่า <พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า <<จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา

14 มิฉะนั้นคราวนี้เราจะบันดาลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ แก่เจ้า และแก่ข้าราชการ และแก่พลเมืองของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้แน่ว่า ทั่วโลกไม่มีผู้ใดจะเปรียบกับเราได้

15 เราจะยกมือขึ้นประหารเจ้าและประชาชนของ เจ้าด้วยภัยพิบัติให้สูญสิ้นไปจากโลกเสียก็ได้

16 แต่เหตุที่เราให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ก็เพื่อจะให้เจ้าเห็นฤทธานุภาพของเรา และนามของเราจะได้มีผู้ประกาศไปทั่วโลก

17 เจ้ายังถือทิฐิต่อสู้ประชากรของเรา ไม่ยอมปล่อยเขาไป

18 ดูนะพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ เราจะให้ลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก อย่างที่ไม่เคยมีในอียิปต์ ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านเมืองมาจนบัดนี้

19 เหตุฉะนั้น จงให้ต้อนฝูงสัตว์ และบรรดาผู้ที่อยู่ในทุ่งนาให้เข้าที่กำบัง เพราะคนทุกคน และสัตว์ทุกตัวในทุ่งนาที่มิได้เข้ามาอยู่ในบ้าน จะถูกลูกเห็บตายหมด>> > >>

20 บรรดาข้าราชการของฟาโรห์ ที่เกรงกลัวพระดำรัสของพระเจ้า ก็ให้ทาสและสัตว์ของตนกลับเข้าบ้าน

21 แต่ผู้ที่ไม่สนใจพระดำรัสของ พระเจ้าก็ยังคงปล่อยให้ทาสและสัตว์ของตนอยู่ในทุ่งนา

22 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<จงชูมือขึ้นยังท้องฟ้า เพื่อลูกเห็บ จะได้ตกลงมาทั่วแผ่นดินอียิปต์ บนมนุษย์ บนสัตว์ และบนผักหญ้าทุกอย่างซึ่งอยู่ในทุ่งนาทั่วแผ่นดินอียิปต์>>

23 โมเสสก็ชูไม้เท้าขึ้นยังท้องฟ้า แล้วพระเจ้าทรงบันดาลให้มีเสียงฟ้าร้อง มีลูกเห็บและไฟตกลงมาบนแผ่นดิน พระเจ้าทรงให้ลูกเห็บตกบนแผ่นดินอียิปต์

24 มีลูกเห็บกับไฟแลบ ลูกเห็บตกหนักยิ่งนักอย่างที่ไม่เคยมีในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่เริ่มตั้งเป็นชาติมา

25 สิ่งทั้งปวงที่อยู่ในทุ่งนาทั่วแผ่นดินอียิปต์ ก็ถูกลูกเห็บทำลายเสียสิ้นทั้งคนและสัตว์ ลูกเห็บยังตกลงถูกผักและต้นไม้ ทุกอย่างหักโค่น

26 เว้นแต่ที่เมืองโกเชน ที่ชนชาติอิสราเอลอยู่นั้น หามีลูกเห็บตกไม่

27 ฟาโรห์จึงทรงใช้คนไปเรียกโมเสสและอาโรนมาเฝ้า แล้วตรัสว่า <<ครั้งนี้เราทำบาปแน่แล้ว พระเจ้าเป็นฝ่ายถูก เราและชนชาติของเราผิด

28 ขอท่านทูลวิงวอนพระเจ้าให้เลิกมีฟ้าร้องและลูกเห็บเสียที เราจะปล่อยพวกท่านไป จะไม่กักไว้อีก>>

29 โมเสสทูลว่า <<เมื่อข้าพระบาทออกไปจากกรุงนี้แล้ว ข้าพระบาทจะยกมือทูลพระเจ้า เสียงฟ้าร้องก็จะเงียบ และจะไม่มีลูกเห็บตกอีก เพื่อฝ่าพระบาทจะได้ทราบว่า โลกนี้เป็นของพระเจ้า

30 แต่ฝ่ายฝ่าพระบาทและข้าราชการนั้น ข้าพระบาททราบอยู่แล้วว่า ยังไม่ยำเกรงพระเจ้า>>

31 ต้นป่านต้นบารลีถูกลูกเห็บทำลายเสีย เพราะในเวลานั้นต้นบารลีก็กำลังออกรวง และต้นป่านก็ออกดอกแล้ว

32 ส่วนข้าวสาลีและข้าวสแปลต์นั้นมิได้ถูกทำลาย เพราะงอกช้า

33 เมื่อโมเสสทูลลาฟาโรห์ไปจากกรุง ก็ยกมือขึ้นทูลพระเจ้า เสียงฟ้าร้องกับลูกเห็บนั้นก็หยุด ฝนก็มิได้ตกบนแผ่นดินอีก

34 เมื่อฟาโรห์ทราบว่า ฝน ลูกเห็บและฟ้าร้องนั้นหยุดแล้ว พระองค์ก็กลับทรงกระทำผิดต่อไปอีก พระทัยแข็งกระด้าง ทั้งพระองค์และข้าราชการ

35 พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยชนชาติ อิสราเอลไปจริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้กับโมเสส

Lean sinn:



Sanasan