เอ็กโซโด 8 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 19711 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<ไปหาฟาโรห์บอกว่า <พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<จงปล่อยประชากรของเราให้ไปนมัสการเรา 2 ถ้าไม่ยอม เราจะให้ฝูงกบขึ้นมารังควานทั่ว เขตแดนของท่าน 3 ฝูงกบจะเต็มไปทั้งแม่น้ำไนล์ จะขึ้นมาอยู่ในวัง ในห้องบรรทม และบนแท่นบรรทมของท่าน ในเรือนข้าราชการ ตามตัวพลเมือง ในเตาปิ้งขนม และในอ่างขยำแป้งของท่านด้วย 4 ฝูงกบนั้นจะขึ้นมาที่ตัวฟาโรห์ ที่ตัวพลเมืองและที่ตัวข้าราชการทั้งปวงของท่าน>> > >> 5 แล้วพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<จงบอกอาโรนให้เหยียดมือที่ถือไม้เท้าออกเหนือแม่น้ำ เหนือลำคลองและเหนือบึงให้ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์>> 6 อาโรนก็เหยียดมือออกเหนือพื้นน้ำทั้งหลายในอียิปต์ กบก็ขึ้นมาเต็มแผ่นดินอียิปต์ 7 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็ทำตามศิลปอันลึกลับของเขา ให้มีฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์เหมือนกัน 8 ฟาโรห์ตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมาว่า <<เจ้าทั้งสองจงกราบทูลวิงวอนขอพระเจ้า ทรงบันดาลให้ฝูงกบไปเสียจากเราและจากพลเมืองของเรา แล้วเราจะยอมปล่อยให้ประชากรเหล่านั้นไปถวายสัตวบูชา แด่พระเจ้า>> 9 โมเสสจึงทูลฟาโรห์ว่า <<เวลาใดที่ฝ่าพระบาทมีพระประสงค์ให้ข้าพระบาทวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อฝ่าพระบาท ข้าราชบริพารและพลเมืองของฝ่าพระบาท ขอให้ทรงขับไล่ฝูงกบไปเสียจากฝ่าบาทและราชสำนักลงไปอยู่ในแม่น้ำไนล์ ก็จงมีพระบัญชามาเถิด ข้าพระบาทจะกราบทูลขอให้เป็นไปดังพระประสงค์>> 10 ฟาโรห์ตรัสตอบว่า <<พรุ่งนี้>> โมเสสจึงทูลว่า <<จะเป็นไปตามพระดำรัส ฝ่าพระบาทจะได้ทราบว่า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของข้าพระบาททั้งหลาย 11 ฝูงกบจะไปจากฝ่าพระบาท จากราชสำนัก จากข้าราชการและพลเมืองของฝ่าพระบาท เหลืออยู่เฉพาะแต่ในแม่น้ำไนล์>> 12 โมเสสกับอาโรนทูลลาไป แล้วโมเสสร้องทูลพระเจ้า เรื่องฝูงกบที่พระองค์ได้ทรงให้มาทรมานฟาโรห์ 13 พระเจ้าทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ฝูงกบเหล่านั้นก็ไปตายเกลื่อนบ้านเรือน เกลื่อนลานบ้านและทุ่งนา 14 เขาก็เก็บซากกบไว้เป็นกองๆ แผ่นดินก็เหม็นตลบไป 15 เมื่อฟาโรห์ทรงทราบว่าความเดือดร้อนลดน้อยลงแล้ว ก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างอีก ไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว ภัยพิบัติจากริ้น 16 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า <<บอกอาโรนว่า <เอาไม้เท้าตีฝุ่นดินให้กลายเป็นริ้นทั่วประเทศอียิปต์> >> 17 เขาทั้งสองก็กระทำตาม อาโรนเหยียดมือออกยกไม้เท้าตีฝุ่นดิน ก็มีริ้นมาตอมมนุษย์และสัตว์ ฝุ่นดินทั้งหมดกลายเป็นริ้นทั่วประเทศอียิปต์ 18 ฝ่ายพวกเล่นกลก็พยายามใช้ศิลปะอันลึกลับของเขา เพื่อทำให้เกิดริ้น แต่ก็ทำไม่ได้ ริ้นพากันมาตอมมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง 19 พวกเล่นกลจึงทูลฟาโรห์ว่า <<นี่เป็นกิจการแห่งนิ้วพระหัตถ์พระเจ้า>> ฝ่ายฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้าง หาเชื่อฟังเขาไม่ จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว ภัยพิบัติจากเหลือบ 20 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<ลุกขึ้นแต่เช้าไปคอยเฝ้าฟาโรห์ ฟาโรห์จะมายังแม่น้ำ แล้วบอกว่า <พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<จงปล่อยประชากรของเราให้ไปนมัสการเรา 21 ถ้าแม้ไม่ปล่อยประชากรของเราไป เราจะใช้ให้ฝูงเหลือบมาตอมกายของเจ้า ตอมข้าราชการและพลเมืองของเจ้าด้วย ฝูงเหลือบจะเข้าไปในราชสำนัก ในบ้านเรือนของชาวอียิปต์ พื้นดินที่เขาอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยฝูงเหลือบ 22 ในวันนั้นเราจะแยกเมืองโกเชน ที่ประชากรของเราอาศัยอยู่นั้นออก มิให้มีฝูงเหลือบที่นั่น เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระเจ้า สถิตอยู่ท่ามกลางแผ่นดิน 23 เราจะแบ่งเขตแดนในระหว่างชนชาติของเรากับ ชนชาติของเจ้า หมายสำคัญนี้จะบังเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้>> > >> 24 แล้วพระเจ้าก็ทรงกระทำดังนั้น เหลือบฝูงใหญ่ยิ่งนักเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์ ในเรือนข้าราชการ และทั่วแผ่นดินอียิปต์ ทำให้แผ่นดินได้รับความเสียหายย่อยยับ 25 ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสส กับอาโรนมา รับสั่งว่า <<จงไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในเขตแผ่นดินนี้>> 26 โมเสสทูลว่า <<การกระทำเช่นนั้นหาควรไม่ เพราะข้าพระบาททั้งหลายต้องถวายสัตวบูชา แด่พระเจ้าของข้าพระบาท แต่ชาวอียิปต์ถือว่า เป็นการผิดที่จะฆ่าสัตว์เหล่านี้ ถ้าข้าพระบาทถวายสัตวบูชาต่อหน้าเขา ซึ่งชาวอียิปต์ถือว่าเป็นสัตว์ที่ไม่ควรฆ่า เขาจะไม่เอาก้อนหินขว้างข้าพระบาททั้งหลายหรือ 27 ข้าพระบาททั้งหลายจะเดินทางไปในถิ่น ทุรกันดารสักสามวัน ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า ของพวกข้าพระบาทตามที่พระองค์ทรงบัญชา>> 28 ฟาโรห์จึงรับสั่งว่า <<เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อจะได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร แต่ว่าพวกเจ้าอย่าไปให้ไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย>> 29 โมเสสจึงทูลว่า <<พอข้าพระบาททูลลาฝ่าพระบาทไป ข้าพระบาทจะอธิษฐานทูลพระเจ้า ขอให้ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองในเวลาพรุ่งนี้ แต่ขออย่าทรงกลับคำอีก ไม่ยอมปล่อยประชากรให้ไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า>> 30 โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปแล้วก็อธิษฐานต่อพระเจ้า 31 พระเจ้าทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ทรงให้ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองของท่าน มิให้เหลืออยู่สักตัวเดียว 32 ฝ่ายฟาโรห์ก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างในคราวนี้อีก มิให้ทรงปล่อยประชากรอิสราเอลไป |