Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

เอ็ก​โซ​โด 33 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971


พระบัญชาให้ยกไป

1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<ไปเถิด จงยกไปจากที่นี่ เจ้ากับประชากรซึ่งเจ้านำขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณกับ อับราฮัม อิสอัคและ ยาโคบว่า <แผ่นดินนั้นเราจะให้แก่เชื้อสายของเจ้า>

2 เราจะใช้ทูตผู้หนึ่งนำหน้าเจ้าไปและจะไล่คนคานาอัน คนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ คนเยบุส ออกเสียจากที่นั่น

3 จงนำไปถึงแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ แต่เราจะไม่ขึ้นไปกับพวกเจ้า เกรงว่าเราจะทำลายล้างพวกเจ้าเสียกลางทาง เพราะว่าเจ้าเป็นชนชาติที่หัวแข็ง>>

4 เมื่อประชาชนได้ยินข่าวร้ายนั้น เขามีความโศกเศร้า และไม่มีผู้ใดใส่เครื่องประดับเลย

5 เพราะพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<จงกล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า <เจ้าทั้งหลายเป็นชนชาติที่หัวแข็ง ถ้าเราจะขึ้นไปกับเจ้าเพียงครู่เดียว เราก็จะทำลายล้างเจ้าเสีย เหตุฉะนี้ จงถอดเครื่อง ประดับออกเสีย เพื่อเราจะรู้ว่า ควรจะกระทำอย่างไรกับเจ้า> >>

6 ฝ่ายชนชาติอิสราเอล ก็ถอดเครื่องประดับออก ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่แถบภูเขาโฮเรบเป็นต้นมา


เต็นท์นัดพบ

7 ฝ่ายโมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่า เต็นท์นัดพบ ต่อมาทุกคนซึ่งปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระเจ้า ก็มักจะออกไปยังเต็นท์นัดพบ ซึ่งตั้งอยู่นอกบริเวณค่าย

8 และเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังเต็นท์นั้น ประชาชนทั้งปวงก็จะลุกขึ้นยืนอยู่ที่ ประตูเต็นท์ของตนมองดูโมเสส จนท่านเข้าไปในเต็นท์

9 ครั้นโมเสสเข้าไปในเต็นท์แล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ แล้วพระเจ้าก็ตรัสสนทนากับโมเสส

10 เวลาประชาชนทั้งปวงเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ ประตูเต็นท์เมื่อไร ทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนนมัสการอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน

11 ดังนี้แหละพระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่โยชูวาผู้รับใช้หนุ่ม ผู้เป็นบุตรของนูน มิได้ ออกไปจากเต็นท์


พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะอยู่ด้วย

12 โมเสสกราบทูลพระเจ้าว่า <<นี่แหละพระองค์ได้ตรัสสั่งข้าพระองค์ว่า <จงนำประชากรนี้ขึ้นไป> แต่พระองค์มิได้แจ้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้ผู้ใดขึ้นไปกับข้าพระองค์ แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังตรัสกับข้าพระองค์ว่า <เรารู้จักเจ้าด้วยนามของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราแล้ว>

13 เหตุฉะนี้ ถ้าแม้ข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์ให้ ข้าพระองค์เห็นในกาลบัดนี้ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ แล้วจะรับความเมตตาในสายพระเนตรของพระองค์เสมอไป และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์>>

14 ฝ่ายพระองค์ตรัสว่า <<เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก>>

15 ฝ่ายโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า <<ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่านำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย

16 ทำอย่างไรจะทราบได้ว่า ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปราน ของพระองค์แล้ว ก็เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยมิใช่หรือ ดังนี้ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์ จึงแตกต่างกับชนชาติอื่นๆทั่วพื้นแผ่นดินโลก>>

17 ฝ่ายพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า <<สิ่งซึ่งเจ้าขอแล้วเราจะกระทำตาม เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า>>

18 โมเสสจึงกราบทูลว่า <<ขอทรงโปรดสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด>>

19 พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<เราจะให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเราคือ เยโฮวาห์ ให้ประจักษ์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาแก่ผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น>>

20 พระองค์จึงตรัสว่า <<เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้>>

21 พระเจ้าตรัสอีกว่า <<นี่แหละมีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น

22 แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในช่องศิลา และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป

23 เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะมิได้เห็น>>

Lean sinn:



Sanasan