พระบัญญัติ 32 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 19711 <<โอ ฟ้าสวรรค์ จงเงี่ยหูฟัง ข้าพเจ้าจะพูด ขอพิภพโลกจงสดับถ้อยคำจากปากของข้าพเจ้า 2 ขอให้คำสอนของข้าพเจ้าหยดลงอย่างเม็ดฝน และคำปราศรัยของข้าพเจ้ากลั่นตัวลงอย่างน้ำค้าง อย่างฝนตกปรอยๆอยู่เหนือหญ้าอ่อน อย่างห่าฝนตกลงเหนือผักสด 3 เพราะข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระเจ้า จงถวายความยิ่งใหญ่แด่พระเจ้าของเรา 4 <<พระศิลา พระราชกิจของพระองค์ก็สมบูรณ์ พระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ก็ยุติธรรม พระเจ้าที่เที่ยงธรรมและปราศจากความผิด พระองค์ทรงยุติธรรมและเที่ยงตรง 5 เขาทั้งหลายประพฤติชั่วช้าต่อพระองค์ เพราะเขาทั้งหลายมีตำหนิ เขาจึงไม่ได้เป็นบุตรของพระองค์ต่อไป เขาเป็นพงศ์พันธุ์วิปลาสและคดโกง 6 ชนชาติโฉดเขลาและเบาความเอ๋ย ท่านจะตอบสนองพระเจ้าอย่างนี้ละหรือ พระองค์มิใช่พระบิดา ผู้ทรงสร้างท่านมาดอกหรือ ผู้ทรงสรรค์ท่าน และทำนุบำรุงท่านไว้ 7 จงระลึกถึงโบราณกาล จงตรองถึงจำนวนปีที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น จงถามบิดาของท่าน แล้วเขาจะสำแดงให้ท่านทราบ จงถามพวกผู้ใหญ่ของท่านแล้วเขาจะบอกท่าน 8 เมื่อผู้สูงสุดประทานมรดกแก่บรรดาประชาชาติ เมื่อพระองค์ทรงแยกพงศ์พันธุ์ของมนุษย์ พระองค์ทรงกั้นเขตของชนชาติทั้งหลาย ตามจำนวนคนอิสราเอล 9 เพราะว่าส่วนของพระเจ้าคือ ประชากรของพระองค์ ยาโคบเป็นส่วนมรดกของพระองค์เอง 10 <<พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่เปลี่ยวเปล่ามีแต่เสียงเห่าหอน พระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่ ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์ 11 เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกอยู่เหนือลูกโต กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก 12 พระเจ้าองค์เดียวก็ทรงนำเขามา ไม่มีพระต่างด้าวองค์ใดอยู่กับเขา 13 พระองค์ทรงโปรดเขาให้ขี่ไปบนโลกส่วนสูง ให้เขากินพืชผลที่ได้จากนา พระองค์ทรงให้เขาดูดน้ำผึ้งจากศิลา และให้ดื่มน้ำมันจากหินแข็งกล้า 14 ให้ได้นมเปรี้ยวจากวัว และให้ได้น้ำนมจากแพะแกะ ได้ไขมันจากลูกแกะ และแกะผู้ พันธุ์บาชานและจากฝูงแพะ กับข้าวสาลีอย่างดีที่สุด และจากเลือดขององุ่น ท่านได้ดื่มเหล้าองุ่น 15 แต่เยชุรูนอ้วนพีขึ้นแล้วก็มีพยศ พอเจ้าอ้วนใหญ่ เนื้อหนานุ่มนิ่ม เขาทอดทิ้งพระเจ้าผู้สร้างเขามา แล้วดูหมิ่นพระศิลาแห่งความรอดของเขา 16 เขาทำให้พระองค์ทรงอิจฉาด้วยพระอื่น ด้วยกระทำสิ่งที่พึงรังเกียจเขาจึงทำให้พระองค์ทรงกริ้ว 17 เขาบูชาเทวดาซึ่งไม่เป็นพระเจ้า บูชาพระซึ่งไม่รู้จักมาก่อน บูชาพระใหม่ๆ ซึ่งเกิดมาเร็วๆนี้ ซึ่งปู่ย่าตายายของท่านไม่เกรงกลัว 18 ท่านมิได้ใส่ใจในพระศิลาที่ให้กำเนิดท่านมา ท่านหลงลืมพระเจ้าซึ่งให้ท่านเกิด 19 <<พระเจ้าทอดพระเนตรและทรงชังเขา เพราะบุตรชายหญิงของพระองค์ทำให้เศร้าพระทัย 20 และพระองค์ตรัสว่า <เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา เราจะคอยดูว่าปลายทางของเขาจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่เฉไฉ เป็นลูกเต้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์ 21 เขาทำให้เราอิจฉาด้วยสิ่งที่ไม่ใช่พระ เขาได้ยั่วเย้าเราด้วยรูปเคารพของเขา ดังนั้นเราจึงทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ และจะยั่วโทสะเขา ด้วยประชาชาติที่เขลาชาติหนึ่ง 22 เพราะมีไฟก่อขึ้นด้วยเหตุความกริ้วของเรานั้น ไฟก็ไหม้ลุกลามไปจนถึงก้นลึกของแดนผู้ตาย เผาแผ่นดินโลกและพืชผลในนั้น และก่อเพลิงติดรากขุนเขา 23 << <เราจะสุมสิ่งร้ายไว้บนเขาทั้งหลาย และปล่อยลูกธนูของเรามายิงเขา 24 เขาจะซูบผอมไปเพราะความหิวความร้อนอันแรงกล้า และโรคพิษร้ายจะเผาผลาญเขาเสีย เราจะส่งฟันสัตว์ร้ายให้มาขบ กับพิษของสัตว์เลื้อยคลานในผงคลี 25 ในกลางแจ้งจะมีดาบมาทำให้โศกเศร้า ที่ในห้องจะมีความกลัว ทำลายทั้งชายหนุ่มและหญิงพรหมจารี ทั้งเด็กที่ยังดูดนมและคนที่ผมหงอก 26 เราพูดแล้วว่า <<เราจะให้เขากระจัดกระจายไป เราจะให้ชื่อของเขาศูนย์ไปจากความทรงจำของมนุษย์>> 27 ถ้าหากว่าเราไม่กลัวว่าศัตรูจะว่าย้อนเรา เกรงว่าศัตรูจะคิดผิดไป กลัวว่าศัตรูทั้งหลายจะพูดว่า <<กำลังมือของเราซิมีชัย พระเจ้าหาได้ทรงกระทำการนี้ไม่>> > 28 <<เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ไม่ยอมฟังคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ 29 ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้และทราบเรื่องสุดท้ายปลายมือ 30 คนเดียวจะไล่พันคนอย่างไรได้ สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไร นอกจากพระศิลาของเขาได้ขายเขาเสียแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งเขาเสีย 31 เพราะพระศิลาของเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา แม้ศัตรูของเราก็ตัดสินอย่างนั้น 32 เพราะว่าเถาองุ่นของเขามาจากเถามะแว้งเครือ มาจากไร่เมืองโกโมราห์ ผลองุ่นของเขาเป็นดีหมี และองุ่นที่เป็นพวงๆ ก็ขมขื่น 33 เหล้าองุ่นของเขาเป็นพิษของงู เป็นพิษร้ายแรงของงูเห่า 34 <<เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือ ประทับตราไว้ในคลังของเรา 35 การแก้แค้นและการตอบสนองเป็นของเรา รอเวลาเมื่อเท้าของเขาจะลื่นพลาด เพราะว่าวันหายนะของเขามาใกล้แล้ว และกรรมจะมาถึงเขาโดยเร็วพลัน 36 เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ และทรงเมตตาปรานีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เมื่อทอดพระเนตรกำลังของเขาสิ้นลง ไม่มีใครเหลือแล้ว ไม่ว่าทาสหรือไท 37 แล้วพระองค์จะตรัสว่า <พระของเขาอยู่ที่ไหน ศิลาที่เขาพึ่งพานั้นอยู่ที่ไหนเล่า> 38 คือผู้ที่รับประทานไขมันของเครื่องสัตวบูชาของเขา และดื่มเหล้าที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของเขา ให้บรรดาพระเหล่านั้นลุกขึ้นช่วยเจ้า ให้พระเหล่านั้นเป็นผู้ป้องกันเจ้าซิ 39 << <จงดูเถิด ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้น นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใด เราฆ่าให้ตายและเราก็ให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หาย ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือเราได้ 40 เพราะเราชูมือขึ้นถึงสวรรค์ และปฏิญาณว่า ดังที่เราดำรงอยู่เป็นนิตย์ 41 ถ้าเราลับดาบอันวาววับของเรา และมือของเรายึดการพิพากษาไว้ เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา และตอบแทนผู้ที่เกลียดเรา 42 เราจะให้ลูกธนูของเราเมาโลหิต และดาบของเราจะกินเนื้อหนัง ด้วยโลหิตของผู้ที่ถูกฆ่าและของเชลย จากศีรษะเจ้านายศัตรู> 43 <<โอ ประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญประชากรของพระองค์ เพราะพระองค์จะแก้แค้นโลหิตแห่งผู้รับใช้ ของพระองค์แล้ว และจะทรงทำการแก้แค้นศัตรูของพระองค์ และจะทรงทำการลบมลทินแผ่นดินแห่ง ประชากรของพระองค์>> 44 โมเสสได้มาเล่าถ้อยคำของเพลงบทนี้ให้ประชาชนฟัง ทั้งตัวท่านพร้อมกับโยชูวาบุตรนูน 45 และเมื่อโมเสสเล่าคำเหล่านี้แก่คนอิสราเอลจบแล้ว 46 ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า <<จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้บัญชาแก่ลูกหลานของท่าน เพื่อเขาจะได้ระวังที่จะกระทำตามถ้อยคำ แห่งธรรมบัญญัตินี้ทั้งสิ้น 47 เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านทั้งหลาย แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย และเรื่องนี้จะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตยืนนานในแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น>> โมเสสรับอนุญาตให้มองดูแผ่นดินคานาอัน 48 และพระเจ้าตรัสกับโมเสสในวันนั้นเองว่า 49 <<จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และดูแผ่นดินคานาอันซึ่งเราให้แก่ประชาชน อิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ 50 และสิ้นชีวิตเสียบนภูเขา ซึ่งเจ้าขึ้นไปนั้น และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเจ้า ดังอาโรนพี่ชายของเจ้าได้สิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์ และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเขา 51 เพราะเจ้าทั้งสองได้ละเมิดต่อเราท่ามกลางคนอิสราเอลที่น้ำเมรีบาห์แห่งคาเดช ในถิ่นทุรกันดาร เพราะเจ้ามิได้เคารพเราว่าบริสุทธิ์ในหมู่คนอิสราเอล 52 เพราะเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินซึ่งอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าไม่ได้เข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเราให้แก่คนอิสราเอล>> |