2ซามูเอล 3 - พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 19711 มีสงครามระหว่างพงศ์พันธุ์ ของซาอูลกับพงศ์พันธุ์ของดาวิดอยู่นาน และดาวิดก็เข้มแข็งยิ่งขึ้น ฝ่ายพงศ์พันธุ์ของซาอูลก็เสื่อมกำลังลงทุกที โอรสของดาวิดผู้เกิดที่เมืองเฮโบรน ( 1 พศด. 3:1-4 ) 2 ดาวิดทรงมีราชโอรสเกิดหลายองค์ที่เมืองเฮโบรน ราชโอรสหัวปีชื่ออัมโนน บุตรนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล 3 คนที่สองชื่อคิเลอาบ บุตรนางอาบีกายิลแม่ม่ายของนาบาลชาวคารเมล และคนที่สามชื่ออับซาโลม บุตรนางมาอาคาห์ราชธิดาของทัลมัยกษัตริย์เมืองเกชูร์ 4 คนที่สี่ชื่ออาโดนียาห์ บุตรนางฮักกีท คนที่ห้าชื่อเชฟาทิยาห์ บุตรนางอาบีตัล 5 และคนที่หกชื่ออิทเรอัม บุตรนางเอกลาห์ภรรยาของดาวิด ราชโอรสเหล่านี้เกิดแก่ดาวิดที่เมืองเฮโบรน อับเนอร์ปองทำพันธสัญญากับดาวิด 6 อยู่มาเมื่อมีการต่อสู้ระหว่างพงศ์พันธุ์ของซาอูลกับ พงศ์พันธุ์ของดาวิดนั้น อับเนอร์ได้กระทำตัวให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในพงศ์พันธุ์ของซาอูล 7 ฝ่ายซาอูลนั้นมีนางสนมคนหนึ่งชื่อริสปาห์บุตรีของอัยยาห์ และอิชโบเชทจึงตรัสกับอับเนอร์ว่า <<เหตุใดท่านจึงเข้าหานางสนมของเสด็จพ่อของเรา>> 8 ฝ่ายอับเนอร์ก็โกรธอิชโบเชทเพราะถ้อยคำนี้มาก จึงทูลว่า <<ข้าพระบาทเป็นหัวสุนัขของยูดาห์หรือ ทุกวันนี้ข้าพระบาทได้สำแดงความจงรักภักดีต่อพงศ์พันธุ์ ของซาอูลเสด็จพ่อของพระองค์ และต่อพี่น้องและต่อมิตรสหายของเสด็จพ่อท่าน มิได้มอบฝ่าพระบาทไว้ในมือของดาวิด วันนี้พระองค์ยังหาความต่อข้าพระบาทด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้ 9 ถ้าข้าพระบาทจะมิได้กระทำเพื่อดาวิด ให้สำเร็จดังที่พระเจ้าทรงปฏิญาณไว้ต่อท่านแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษอับเนอร์และยิ่งหนักกว่า 10 คือข้าพระบาทจะย้ายราชอาณาจักรจากพงศ์พันธุ์ของซาอูล และสถาปนาบัลลังก์ของดาวิดเหนืออิสราเอล และเหนือยูดาห์ ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา>> 11 และอิชโบเชทก็หาทรงสามารถ ตอบอับเนอร์สักคำเดียวไม่ เพราะพระองค์ทรงกลัวเกรงอับเนอร์ 12 อับเนอร์ก็ส่งผู้สื่อสาร แทนตนไปยังดาวิดที่เฮโบรนทูลว่า <<แผ่นดินนี้เป็นของผู้ใด>> และทูลอีกว่า <<ขอทรงทำพันธสัญญากับข้าพระบาท และดูเถิด มือของข้าพระบาทจะอยู่ฝ่ายพระองค์และนำ อิสราเอลทั้งสิ้นมามอบแด่พระองค์>> 13 ดาวิดตรัสว่า <<ดีแล้ว เราจะกระทำพันธสัญญากับท่าน แต่เราขอจากท่านสักอย่างหนึ่งคือว่า เมื่อท่านจะมาเห็นหน้าเราอีกขอ ท่านนำมีคาลบุตรีของซาอูลมาให้เราก่อน มิฉะนั้นท่านจะมิได้เห็นหน้าเรา>> 14 แล้วดาวิดก็ส่งผู้สื่อสารไปยังอิชโบเชท ราชโอรสของซาอูลว่า <<ขอมอบมีคาลภรรยาของข้าพเจ้าแก่ข้าพเจ้า ผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้หมั้นไว้ด้วยหนังปลายองคชาตของคน ฟีลิสเตียหนึ่งร้อยชิ้น>> 15 อิชโบเชทจึงทรงให้คนไปพามีคาลมาจากสามีของเธอ คือปัลทีเอลบุตรชายของลาอิช 16 แต่สามีของเธอก็เดิน พลางร้องไห้พลางไปกับเธอจนถึงตำบลบาฮูริม แล้วอับเนอร์จึงบอกเขาว่า <<กลับไปเสียเถิด>> และเขาก็กลับไป 17 อับเนอร์จึงปรึกษากับพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลว่า <<เมื่อก่อนนี้ท่านทั้งหลายใคร่ให้ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนือท่าน 18 บัดนี้จงให้เป็นจริงเถิด เพราะพระเจ้าทรงสัญญาไว้กับดาวิดว่า <เราจะช่วยอิสราเอลประชากรของ เราด้วยมือของดาวิดผู้รับใช้ของเรา ให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย และให้พ้นจากมือศัตรูทั้งสิ้นของเขา> >> 19 อับเนอร์ก็พูดกับคนเบนยามินด้วย และอับเนอร์ก็ไปทูลดาวิด ที่เมืองเฮโบรนถึงบรรดาสิ่งต่างๆ ที่อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ทั้งสิ้น ของเบนยามินเห็นสมควรที่จะกระทำ 20 อับเนอร์จึงมาเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรนพร้อม กับคนอีกยี่สิบคน ดาวิดทรงจัดการเลี้ยงอับเนอร์กับคนที่อยู่กับท่าน 21 และอับเนอร์ทูลดาวิดว่า <<ข้าพระบาทจะลุกขึ้นกลับไป และจะรวบรวมคนอิสราเอลทั้งสิ้นมายัง พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท เพื่อเขาทั้งหลายจะกระทำพันธสัญญากับฝ่าพระบาท และเพื่อฝ่าพระบาทจะทรงปกครองให้กว้างขวางตามชอบ พระทัยของฝ่าพระบาท>> ดาวิดก็ทรงส่งอับเนอร์กลับไป และเขาก็ไปโดยสวัสดิภาพ โยอาบฆ่าอับเนอร์ 22 ขณะนั้นข้าราชการทหารของดาวิดกับ โยอาบกลับมาจากการไปปล้น และนำสิ่งของที่ริบได้มากมายนั้นมาด้วย แต่อับเนอร์มิได้อยู่กับดาวิดที่เฮโบรนแล้ว เพราะพระองค์ทรงส่งท่านกลับไป และท่านก็ไปโดยสวัสดิภาพ 23 เมื่อโยอาบกับกองทัพทั้งสิ้นที่ อยู่กับท่านมาถึงก็มีคนบอกโยอาบว่า <<อับเนอร์บุตรเนอร์มาเฝ้าพระราชา และพระองค์ทรงให้เขากลับไป เขาก็กลับไปโดยสวัสดิภาพ>> 24 แล้วโยอาบเข้าไปเฝ้าพระราชาทูลว่า <<ฝ่าพระบาททรงกระทำอะไรเช่นนั้น ดูเถิด อับเนอร์มาเฝ้าฝ่าพระบาท ไฉนฝ่าพระบาทจึงปล่อยเขาไปเขาก็หลุดมือไปแล้ว 25 ฝ่าพระบาททรงทราบแล้วว่าอับเนอร์บุตรเนอร์ มาเพื่อล่อลวงฝ่าพระบาท และเพื่อทราบถึงการเสด็จเข้าออกของฝ่าพระบาท และเพื่อทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝ่าพระบาททรงกระทำ>> 26 เมื่อโยอาบออกมาจากการเข้าเฝ้าดาวิด จึงส่งผู้สื่อสารไปตามอับเนอร์ เขาทั้งหลายก็นำท่านกลับมาจากที่ขังน้ำชื่อสีราห์ แต่ดาวิดหาทรงทราบเรื่องไม่ 27 และเมื่ออับเนอร์กลับมาถึงเฮโบรนแล้ว โยอาบก็พาท่านหลบเข้าไปที่กลางประตูเมืองเพื่อจะพูดกับท่านเป็นการลับ และโยอาบแทงท้องของท่านเสียที่นั่น ท่านก็สิ้นชีวิต โยอาบแก้แค้นโลหิตของอาสาเฮลน้องชายของตน 28 ภายหลังเมื่อดาวิดทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์ตรัสว่า <<ตัวเราและราชอาณาจักรของเรา ปราศจากความผิดสืบไปเป็นนิตย์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยเรื่องโลหิตของอับเนอร์บุตรเนอร์ 29 ขอให้โทษนั้นตกเหนือศีรษะของโยอาบ และเหนือพงศ์พันธุ์บิดาของเขาทั้งสิ้น ขออย่าให้คนที่มีสิ่งไหลออก คนที่เป็นโรคเรื้อน คนที่ถือไม้เท้า คนที่ถูกประหารด้วยดาบ หรือคนขาดขนมปัง ขาดจากพงศ์พันธุ์ของโยอาบ>> 30 นี่แหละโยอาบกับอาบีชัยน้องชายของเขาได้ฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของเขาเมื่อรบกันที่ กิเบโอน 31 แล้วดาวิดก็ตรัสกับโยอาบ และประชาชนทุกคนที่อยู่กับพระองค์ว่า <<จงฉีกเสื้อผ้าของท่านทั้งหลาย และเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้และจงไว้ทุกข์ให้อับเนอร์>> และพระราชาดาวิดเสด็จตามศพอับเนอร์ไป 32 เขาก็ฝังศพอับเนอร์ไว้ที่เฮโบรน และพระราชาก็ส่งพระสุรเสียงกันแสง ณ ที่ฝังศพของอับเนอร์ และประชาชนทั้งปวงก็ร้องไห้ 33 และพระราชาทรงคร่ำครวญด้วยเรื่องอับเนอร์ว่า <<ควรหรือที่อับเนอร์จะตายอย่างคนโง่ตาย 34 มือของท่านก็มิได้ถูกมัด เท้าของท่านก็มิได้ติดตรวน ท่านได้ล้มลง เหมือนอย่างคนล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย และประชาชนทั้งปวงก็ร้องไห้ถึงอับเนอร์อีก 35 แล้วประชาชนทั้งปวงก็มาทูลชวนเชิญ ให้ดาวิดเสวยพระกระยาหารเมื่อเวลายังวันอยู่ แต่ดาวิดทรงปฏิญาณว่า <<ถ้าเราลิ้มรสขนมปังหรือสิ่งใดๆก่อนดวงอาทิตย์ตก ขอพระเจ้าทรงทำโทษเราและยิ่งหนักกว่า>> 36 ประชาชนทั้งปวงสังเกตเห็นเช่นนั้นก็พอใจ ดังที่ประชาชนพอใจทุกสิ่งที่พระราชาทรงกระทำ 37 ประชาชนทั้งสิ้นและชนอิสราเอลทั้งปวง จึงเข้าใจในวันนั้นว่า ไม่เป็นพระประสงค์ของพระราชาที่จะให้ฆ่า อับเนอร์บุตรเนอร์เสีย 38 พระราชาตรัสกับข้าราชการของพระองค์ว่า <<ท่านไม่ทราบหรือว่า วันนี้เจ้านายและคนสำคัญยิ่งคนหนึ่งสิ้นชีวิตในอิสราเอล 39 แม้เราได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์แล้ว เราก็อ่อนกำลังในวันนี้ ชายเหล่านี้ซึ่งเป็นบุตรของนางเศรุยาห์หนักแก่เราเกินไป ขอพระเจ้าทรงสนองผู้กระทำผิดตามความผิดของเขาเถิด>> |