เพลงสดุดี 78 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ดูกรพลไพร่ของเรา, จงเอียงหูฟังบทบัญญัติของเรา; จงเอียงหูของท่านทั้งหลายฟังถ้อยคำจากปากของเรา. 2 เราจะอ้าปากออกกล่าวเป็นคำอุปมา; เราจะกล่าวคำปริศนาโบราณ, 3 ซึ่งพวกเราเคยได้ยินได้รู้แล้ว, ปู่ย่าตายายเคยเล่าให้เราฟัง. 4 ข้อความเหล่านั้นพวกเราจะไม่ซ่อนไว้จากลูกหลานของเรา, จะประกาศเรื่องถวายความสรรเสริญพระยะโฮวาให้แก่คนในชั่วอายุสืบไปฟัง, ทั้งพลานุภาพ, และการอัศจรรย์ของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำนั้น. 5 เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งคำปฏิญาณไว้แก่พวกยาโคบ, และทรงตั้งข้อบัญญัติให้แก่พวกยิศราเอล, ซึ่งพระองค์ได้ตรัสสั่งไว้แก่บรรพบุรุษของเรา ให้บอกเล่าแก่ลูกหลานของเขาต่อๆ ไป. 6 เพื่อคนในยุคหลังและลูกหลานของเราด้วยจะได้รู้, และเมื่อเขาโตขึ้นแล้วจะได้บอกเล่าให้ลูกหลานของเขาฟังต่อๆ ไป, 7 เพื่อจะไว้วางใจในพระเจ้า, และไม่ลืมกิจการของพระองค์, แต่จะรักษาบัญญัติของพระองค์. 8 และจะไม่ได้เป็นเช่นบรรพบุรษของเขา. คือดื้อด้านและกบฏ, เป็นชาติที่ไม่ปลงใจให้ซื่อตรง, จิตต์ใจของเขาหาได้ตั้งให้แน่วแน่ต่อพระเจ้าไม่. 9 ส่วนตระกูลเอ็ฟรายิมแม้ได้เตรียมเครื่องอาวุธไวัพร้อมทั้งถือคันธนูกลับถอยหลังในยามสงคราม. 10 เขามิได้รักษาคำสัญญาไมตรีแห่งพระเจ้า, ไม่ยอมประพฤติตามบัญญัติของพระองค์, 11 เขาได้ลืมกิจการของพระองค์เสีย; ทั้งการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงสำแดงแก่เขานั้น. 12 พระองค์ได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าบรรพบุรุษของเขา, ในประเทศอายฆุบโตในที่ราบเตียนโซอาน. 13 พระองค์ได้ทรงแหวกน้ำในทะเล, ให้เขาเดินข้ามไป; ได้ทรงบันดาลให้น้ำรวมเข้าดุจเป็นกอง. 14 เวลากลางวันพระองค์ได้ทรงนำเขาด้วยเสาเมฆ และคืนยังรุ่งให้มีแสงไฟนำเขา. 15 พระองค์ได้ทรงผ่าศิลาในป่า, และทรงประทานน้ำให้เขาดื่มอิ่มบริบูรณ์ เหมือนดังว่าน้ำนั้นได้ไหลออกมาจากที่ลึก. 16 พระองค์ได้ทรงบันดาลให้เกิดลำธารออกจากศิลา, และให้น้ำไหลลงเหมือนแม่น้ำ. 17 ถึงกระนั้นเขายังได้กระทำผิดต่อพระองค์เนืองๆ, และได้กบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งในป่า. 18 ใจเขาทั้งหลายก็ทดลองพระเจ้า โดยทูลขออาหารตามชอบใจ. 19 จริงๆ นา เขาทั้งหลายได้กล่าวติเตียนพระเจ้า; เขาว่า, พระองค์จะจัดโต๊ะไว้ในป่าได้หรือ? 20 ดูเถิด, พระองค์ได้ทรงตีศิลา, เพื่อให้น้ำไหลพรั่งออกมา, และลำธารก็เต็มท่วมล้นตลิ่ง; พระองค์จะทรงประทานอาหารด้วยได้หรือ? พระองค์จะทรงจัดหาเนื้อให้พลไพร่ของพระองค์หรือ? 21 เหตุฉะนั้นเมื่อพระยะโฮวาได้ทรงยิน, แล้วก็ทรงพระพิโรธ; มีไฟลุกโพลงขึ้นต่อพวกยาโคบ, และความพิโรธก็ลุกพลุ่งขึ้นต่อพวกยิศราเอล. 22 เพราะเขามิได้เชื่อในพระเจ้า, และไม่ได้วางใจในความรอดแห่งพระองค์. 23 ถึงกระนั้นก็ดีพระองค์ยังได้ทรงบังคับบัญชาท้องฟ้าเบื้องบน, และได้ทรงเปิดประตูแห่งฟ้าสวรรค์; 24 พระองค์ทรงประทานมานาลงมาเหมือนห่าฝนให้เขากิน, คือทรงประทานอาหารให้เขาจากฟ้าสวรรค์, 25 มนุษย์ได้รับประทานอาหารวิเศษ. พระองค์ทรงประทานให้เขามีอาหารบริบูรณ์. 26 พระองค์ได้ทรงบันดาลให้ลมตะวันออกพัดไปในท้องฟ้า; และได้ทรงนำลมมาแต่ทิศใต้โดยฤทธิ์เดชของพระองค์. 27 พระองค์ไว้ทรงบันดาลเนื้อนกตกลงท่ามกลางเขาบริบูรณ์ดุจผงคลีดิน, คือนกมีปีกมาตกมากมายดุจทรายที่ชายทะเล. 28 ให้ตกลงมาในท่ามกลางค่ายของเขา, ตกลงมารอบที่อาศัยของเขา. 29 เขาจึงได้รับประทาน, จนอิ่มหนำ; พระองค์ได้ทรงประทานให้สมความปรารถนาของเขา. 30 เขายังไม่ทันจะเบื่อหน่ายอาหารซึ่งเขาโลภ; อาหารนั้นยังอยู่ในปากของเขา, 31 ในทันใดนั้น ความพิโรธของพระเจ้าพลุ่งขึ้นต่อเขา, ทรงประหารชีวิตคนที่ฉกรรจ์ในท่ามกลางเขา, กับทรงประหารชายหนุ่มทั้งหลายในพวกยิศราเอลเสีย. 32 ถึงกระนั้นก็ดีเขายังคงกระทำผิด, และมิได้เชื่อการอัศจรรย์ของพระองค์. 33 เหตุฉะนั้นพระองค์จึงได้ทรงกระทำให้วันคืนของเขาล่วงไปเป็นการเปล่าๆ, และให้ปีเดือนของเขาล่วงไปโดยมีความตกใจกลัว. 34 ขณะเมื่อพระองค์กำลังประหารเขา, เขาจึงได้กลับสืบถามถึงพระองค์; คือได้กลับมาแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน. 35 เขาระลึกขึ้นได้ว่าพระเจ้าเป็นศิลาของเขา และพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดนั้นเป็นผู้ทรงไถ่เขา. 36 เขาได้ยกย่องพระองค์ด้วยปาก, แต่ลิ้นของเขาได้มุสาพระองค์. 37 เพราะจิตต์ใจของเขามิได้แน่วแน่อยู่กับพระองค์, และเขาไม่ได้รักษาคำสัญญาไมตรีของพระองค์ด้วยใจสุจริต. 38 แต่ว่าพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดยกโทษไม่ทรงประหารเขาเสีย: จริงๆ นา, พระองค์ทรงงดพิโรธเขาเป็นหลายครั้งหลายหนแล้ว, มิได้ให้พระพิโรธทั้งหมดพลุ่งขึ้น. 39 พระองค์ทรงระลึกอยู่ว่าเขาเป็นแต่มนุษย์ดุจลมพัดเลยไป, และหาได้กลับมาอีกไม่. 40 เขาเคยกบฏต่อพระองค์ในป่าเนืองๆ รู้จักกี่ครั้ง, และได้ทำให้พระองค์เศร้าพระทัยในทะลทราย! 41 เขาได้ท้อถอยและทดลองพระเจ้าอีก, และได้ขัดพระทัยพระองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งพวกยิศราเอล. 42 เขามิได้ระลึกถึงพระหัตถ์ของพระองค์, หรือถึงวันเมื่อพระองค์ได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากผู้ข่มเหง; 43 คราวเมื่อพระองค์ได้ทรงสำแดงเครื่องหมายสำคัญของพระองค์ในประเทศอายฆุบโต, และการอัศจรรย์ของพระองค์ที่ราบเตียนโซอานนั้น, 44 พระองค์ได้ทรงทำให้แม่น้ำของเขากลายเป็นโลหิต, และน้ำที่ลำธารของเขานั้นกินไม่ได้. 45 พระองค์ได้ทรงใช้ฝูงเหลือบ, ให้มากัดกินเขา; ทั้งฝูงเขียดให้มาทำลายเขาเสีย. 46 พระองค์ได้ทรงมอบพืชผลของเขาเป็นอาหารของหนอนบุ้ง, และทรงมอบผลแห่งน้ำพักน้ำแรงของเขาให้เป็นอาหารแก่ตั๊กแตน. 47 พระองค์ได้ทรงทำลายเถาองุ่นของเขาด้วยลูกเห็บ, และต้นซุกะโมรของเขาด้วยหยาดน้ำแข็ง. 48 พระองค์ได้ทรงมอบฝูงวัวของเขาไว้แก่ลูกเห็บด้วย และให้ไฟฟ้าประหารฝูงสัตว์ต่างๆ เสีย. 49 พระองค์ได้ทรงยังความพิโรธเกรี้ยวกราดให้ตกต้องเขา, ความพิโรธ, ความแค้นเคืองและความทุกข์ลำบาก, ใช้ต่างทูตลงพระราชอาชญา. 50 พระองค์ได้ทรงปราบหนทางไว้สำหรับความพิโรธของพระองค์; มิได้ทรงยึดหน่วงจิตต์วิญญาณของเขาไว้ให้พ้นความตาย, แต่ชีวิตของเขาพระองค์ได้ทรงมอบไว้แก่โรคห่า, 51 อนึ่งพระองค์ได้ทรงประหารบรรดาบุตรหัวปีในประเทศอายฆุบโต, คือที่เป็นกำลังในกะท่อมของชนชาติฮาม. 52 แต่พระองค์ได้ทรงนำพลไพร่ของพระองค์ออกมาเหมือนฝูงแกะ, และทรงนำเขาในป่าเหมือนฝูงสัตว์. 53 พระองค์ได้ทรงนำเขาทั้งหลายไปปลอดภัย, เพื่อว่าเขาจะไม่ได้หวาดกลัว; แต่น้ำทะเลได้ท่วมพวกศัตรูของเขาให้มิด. 54 พระองค์ได้ทรงนำเขาไปถึงเขตต์แห่งที่บริสุทธิ์ของพระองค์, คือถึงภูเขานี้ซึ่งพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ทรงตีได้นั้น. 55 พระองค์ทรงขับไล่ชนประเทศนั้นไปเสียต่อหน้าเขาด้วย, ทรงวัดที่ประทานให้เขาเป็นมฤดก, และทรงโปรดให้ตระกูลของพวกยิศราเอลอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของคนเหล่านั้น. 56 ถึงกระนั้นแล้วก็ดี เขาทั้งปวงยังทดลองและได้กบฏต่อพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด, หาได้รักษาคำปฏิญาณของพระองค์ไม่; 57 เขาได้หันกลับไปกระทำการอสัตย์อธรรมเหมือนบรรพบุรุษของเขา: เขาได้กลับกลอกเหมือนคันธนูบิด. 58 เขาได้กระทำให้พระองค์ทรงเคืองพระทัยในเรื่องที่นมัสการอันสูงของเขา, ได้กระทำให้พระองค์ทรงหึงหวงในเรื่องรูปเคารพของเขานั้น. 59 เมื่อพระองค์ทรงทราบแล้ว, ก็ทรงพระพิโรธ, และทรงเบื่อหน่ายพวกยิศราเอลอย่างยิ่ง; 60 พระองค์จึงได้ทรงทอดทิ้งที่สถิตในเมืองซีโล, คือพลับพลาที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้ในท่ามกลางมนุษย์; 61 และทรงมอบพวกที่เป็นกำลังของพระองค์ไว้ให้เป็นชะเลย; และทรงมอบเกียรติยศของพระองค์ไว้ในมือศัตรู. 62 พระองค์ได้ทรงปล่อยพลไพร่ของพระองค์ให้ต้องกระบี่, และทรงพระพิโรธต่อมฤดกของพระองค์. 63 ไฟได้เผาผลาญชายหนุ่มของเขาเสีย; และหญิงสาวของเขานั้นหามีการขับร้องสำหรับงานวิวาหะไม่. 64 พวกปุโรหิตของเขาได้ถูกคมกระบี่ตาย; และพวกแม่ม่ายของเขามิได้ร้องร่ำไรไว้ทุกข์. 65 ขณะนั้นพระเจ้าทรงเสด็จมาดุจผู้ที่ตื่นขึ้นจากหลับ, เช่นเดียวกับชายฉกรรจ์ที่โห่ร้องเพราะฤทธิ์น้ำองุ่น. 66 พระองค์ทรงตีพวกศัตรูขอพระองค์ให้ถอยหลัง: และทรงกระทำให้เขาได้ความอัปยศเป็นนิจกาล. 67 ยิ่งกว่านั้นอีกพระองค์ไม่พอพระทัยในที่อาศัยของโยเซฟ, ตระกูลเอ็ฟรายิมนั้นพระองค์หาทรงเลือกไว้ไม่. 68 แต่พระองค์ทรงเลือกตระกูลยูดา, และภูเขาซีโอนที่พระองค์ทรงรัก. 69 พระองค์ทรงสร้างที่บริสุทธิ์ของพระองค์ไว้ดุจยอดเขาสูง, เช่นกับพิภพโลกทรงประดิษฐานไว้เป็นนิจกาล. 70 พระองค์ทรงเลือกดาวิดมาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์, แล้วทรงนำท่านมาจากคอกแกะ: 71 ได้ทรงนำดาวิดให้มาเสียจากการดูแลฝูงแกะที่มีลูก, เพื่อให้มาเป็นผู้อภิบาลพงศ์พันธุ์ของยาโคบ ซึ่งเป็นพลไพร่ของพระเจ้า, คือยิศราเอลมฤดกของพระองค์. 72 ท่านจึงได้อภิบาลเขาไว้ด้วยใจสุจริต, และได้นำเขาด้วยฝีมืออันชำนิชำนาญของท่าน |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society