เพลงสดุดี 119 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 คนทั้งหลายที่ไม่ประพฤติในทางลามกก็เป็นสุข, คือคนที่ดำเนินตามบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า. 2 คนทั้งหลายที่รักษาคำปฏิญาณของพระองค์ก็เป็นสุข, คือคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ. 3 เออ, คนเหล่านั้นไม่ประพฤติการอธรรม; เขาดำเนินตามมรคาของพระองค์. 4 พระองค์ทรงบัญชาเราให้ถือโอวาทของพระองค์, ให้เรารักษาไว้โดยเคร่งครัด. 5 ขอให้ทางประพฤติของข้าพเจ้าตั้งมั่นคงอยู่เพื่อจะได้รักษาข้อกฎหมายของพระองค์. 6 เมื่อข้าพเจ้าถือรักษาข้อบัญญัติทั้งปวงของพระองค์ไว้ ขณะนั้นข้าพเจ้าจะไม่ต้องละอาย. 7 เมื่อข้าพเจ้าเรียนรู้ข้อพิพากษาอันยุตติธรรมของพระองค์แล้ว. ข้าพเจ้าจะขอบพระเดชพระคุณพระองค์ด้วยใจสุจริต. 8 ข้าพเจ้าจะรักษาข้อกฎหมายของพระองค์: ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าเสียทีเดียว 9 คนหนุ่มทำไฉนจึงจะได้ชำระทางประพฤติของตนให้บริสุทธิ์? ให้ระวังในทางประพฤติตามพระดำรัสของพระองค์. 10 ข้าพเจ้าได้แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ: ขออย่าให้ข้าพเจ้าหลงไปจากข้อบัญญัติของพระองค์เลย. 11 พระดำรัสของพระองค์นั้นข้าพเจ้าได้จดจำไว้ในใจ, เพื่อข้าพเจ้าจะไม่กระทำผิดต่อพระองค์. 12 ข้าแต่พระยะโฮวา, ความบรมสุขจงมีแก่พระองค์เถิด: ขอทรงฝึกสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 13 ด้วยริมฝีปากของข้าพเจ้าได้กล่าวถึงข้อพิพากษาทั้งหลายที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์. 14 ข้าพเจ้านิยมยินดีแล้วในวิธีปฏิญาณของพระองค์, เท่ากับนิยมในทรัพย์สิ่งของทั้งปวง. 15 ข้าพเจ้าจะภาวนาข้อสั่งสอนของพระองค์, แล้วจะประพฤติตามมรคาของพระองค์. 16 ข้าพเจ้าจะมีใจยินดีในข้อกฎหมายของพระองค์: และพระดำรัสของพระองค์ข้าพเจ้าจะไม่ลืมเลย 17 ขอทรงโปรดแก่ผู้ทาสของพระองค์, เพื่อให้มีชีวิตดำรงอยู่; จึงจะได้รักษาพระราชดำรัสของพระองค์ไว้. 18 ขอทรงเปิดตาของข้าพเจ้า, เพื่อให้แลเห็นความประเสริฐลึกซึ้งในพระบัญญัติของพระองค์. 19 ข้าพเจ้าเป็นคนพเนจรที่แผ่นดินโลก; ขออย่าทรงซ่อนข้อบัญญัติของพระองค์ไว้จากข้าพเจ้า. 20 จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าแตกร้าวด้วยคำนึงถึงกฎของพระองค์เสมอทุกเวลา. 21 พระองค์ทรงห้ามปรามคนอหังการที่ต้องสาปนั้น, คือคนทั้งปวงที่หลงไปจากข้อบัญญัติของพระองค์. 22 ขอเอาการนินทาและการดูหมิ่นไปเสียจากข้าพเจ้า; เพราะข้าพเจ้าได้รักษาข้อปฏิญาณของพระองค์. 23 พวกเจ้านายได้นั่งปรึกษากันต่อสู้ข้าพเจ้า; แต่ผู้ทาสของพระองค์ได้ภาวนาข้อกฎหมายของพระองค์. 24 อนึ่งข้อปฏิญาณของพระองค์เป็นที่นิยมแก่ข้าพเจ้าด้วยและเป็นที่เตือนสติของข้าพเจ้า 25 จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าคลุกอยู่กับผงคลีดิน: ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นโดยพระดำรัสของพระองค์. 26 เมื่อข้าพเจ้ากล่าวทูลความของข้าพเจ้า, พระองค์ทรงสดับฟัง: ขอทรงโปรดสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 27 ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจวิถีแห่งพระโอวาทของพระองค์: จึงข้าพเจ้าจะได้ภาวนาถึงการอัศจรรย์ของพระองค์. 28 จิตต์ใจของข้าพเจ้าละลายไปด้วยความหนักใจ: ขอทรงโปรดให้มีกำลังขึ้นเป็นไปตามพระดำรัสของพระองค์. 29 ขอทรงปัดทางแห่งความเท็จไปเสียจากข้าพเจ้า; และโปรดประทานพระบัญญัติของพระองค์แก่ข้าพเจ้า. 30 ข้าพเจ้าได้เลือกเอาทางแห่งความสัตย์จริงไว้แล้ว: กฎของพระองค์นั้นข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ต่อหน้าข้าพเจ้าแล้ว. 31 ข้าพเจ้าได้ยึดถือข้อปฏิญาณของพระองค์ไว้แล้ว. ข้าแต่พระยะโฮวา, ขออย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย. 32 ข้าพเจ้าจะวิ่งไปตามทางข้อบัญญัติของพระองค์, เมื่อพระองค์โปรดยังใจของข้าพเจ้าให้เบิกบานออกไป 33 ข้าแต่พระยะโฮวา. ขอทรงแนะนำข้าพเจ้าไปในทางข้อกฎหมายของพระองค์; และข้าพเจ้าจะรักษาทางนั้นไว้จนถึงที่สุดปลาย. 34 ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจ, แล้วข้าพเจ้าจะได้รักษาพระบัญญัติของพระองค์ไว้; ข้าพเจ้าจะถือรักษาไว้ด้วยสุดใจ, พระเจ้าค่ะ. 35 ขอทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าดำเนินไปตามทางข้อบัญญัติของพระองค์; เพราะข้าพเจ้านิยมในทางนั้น. 36 ขอทรงโน้มใจของข้าพเจ้าให้นิยมในข้อปฏิญาณของพระองค์, และขออย่าให้มีใจโลภได้. 37 ขอให้ลูกตาของข้าพเจ้าเมินไปเสียจากของอนิจจัง, แต่ให้ข้าพเจ้ากะตือรือร้นในทางประพฤติของพระองค์. 38 ขอให้พระดำรัสของพระองค์ดำรงอยู่กับผู้ทาสของพระองค์เถิด, จึงจะได้เป็นที่ให้เกรงกลัวพระองค์. 39 ความอัปยศซึ่งข้าพเจ้ากลัวนั้นขอทรงโปรดให้เลยพ้นไปจากข้าพเจ้า; เพราะว่ากฎของพระองค์วิเศษ. 40 ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูเถิด, ข้าพเจ้าได้อาลัยถึงพระโอวาทของพระองค์: ขอทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นอีกโดยความชอบธรรมของพระองค์ 41 ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงประทานพระกรุณาคุณของพระองค์แก่ข้าพเจ้า, คือความรอดตามพระดำรัสของพระองค์นั้น. 42 ข้าพเจ้าจึงจะได้มีคำตอบแก่คนที่เยาะเย้ยข้าพเจ้า; เพราะข้าพเจ้าได้วางใจในพระดำรัสของพระองค์. 43 พระวจนะอันสัตย์จริงนั้น ขออย่าทรงถอนออกจากปากข้าพเจ้าเสียทีเดียว; เพราะข้าพเจ้าคอยท่าความพิพากษาของพระองค์อยู่. 44 ข้าพเจ้าจึงจะรักษาบัญญัติของพระองค์ต่อๆ ไปเป็นนิตย์และเป็นนิตย์. 45 ข้าพเจ้าจะดำเนินไปเป็นอิสสระ; เพราะข้าพเจ้าได้แสวงหาพระโอวาทของพระองค์. 46 ข้าพเจ้าจะอ้างถึงข้อปฏิญาณของพระองค์ในเวลาเข้าเฝ้ากษัตริย์, และข้าพเจ้าไม่ต้องละอายเลย. 47 ข้าพเจ้าจะชื่นใจยินดีในข้อบัญญัติของพระองค์, ที่ข้าพเจ้ารักนั้น. 48 ข้าพเจ้าจะประณมมือขึ้นต่อข้อบัญญัติของพระองค์, ที่ข้าพเจ้ารักนั้น. และข้าพเจ้าจะภาวนาข้อกฎหมายของพระองค์ 49 ขอทรงระลึกถึงพระวจนะที่ได้ตรัสแก่ผู้ทาสของพระองค์, คือที่พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าวางใจอยู่นั้น. 50 เมื่อตกทุกข์ได้ยาก พระดำรัสนั้นแหละเป็นที่ประเล้าประโลมข้าพเจ้า; เพราะว่าพระโอวาทของพระองค์ได้กระทำให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้น. 51 คนอหังการได้เยาะเย้ยข้าพเจ้ามากมาย: ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังหาได้เลี่ยงจากพระบัญญัติของพระองค์ไม่. 52 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงข้อพิพากษาของพระองค์แต่ครั้งโบราณ, จิตต์ใจของข้าพเจ้าจึงได้ทุเลา. 53 ความโกรธอันฉุนเฉียวเข้ามาครอบงำหัวใจของข้าพเจ้า, เพราะคนชั่วได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระองค์เสีย. 54 ข้อกฎหมายของพระองค์เป็นเนื้อเพลงร้องของข้าพเจ้าที่ในเรือนซึ่งข้าพเจ้าพักอยู่นั้น. 55 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงพระนามของพระองค์ในเวลากลางคืน, และได้ถือรักษาพระบัญญัติของพระองค์ไว้. 56 เป็นเช่นนั้นแก่ข้าพเจ้า. เพราะข้าพเจ้าได้ถือรักษาพระโอวาทของพระองค์ 57 พระยะโฮวาเป็นส่วนแบ่งของข้าพเจ้า: ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วว่าจะรักษาพระดำรัสของพระองค์. 58 ข้าพเจ้าได้ทูลขอพระกรุณาของพระองค์ด้วยสุดใจ: ขอทรงเมตตาแก่ข้าพเจ้าตามพระดำรัส. 59 ข้าพเจ้าได้คิดถึงทางประพฤติของข้าพเจ้า, แลได้หันเท้าให้กลับไปตามข้อปฏิญาณของพระองค์. 60 ข้าพเจ้าได้รีบเร่ง, และไม่เนิ่นช้า, ในการที่จะรักษาข้อบัญญัติของพระองค์. 61 เชือกของพวกคนชั่วนั้นได้รัดข้าพเจ้าไว้รอบ; แต่ข้าพเจ้าไม่ลืมพระบัญญัติของพระองค์เลย. 62 ข้าพเจ้าจะตื่นขึ้นขอบพระเดชพระคุณพระองค์ในเวลาเที่ยงคืน เพราะเหตุกฎอันยุตติธรรมของพระองค์นั้น. 63 ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนกับคนทั้งปวงที่เกรงกลัวพระองค์, และกับคนที่ถือรักษาพระโอวาทของพระองค์. 64 ข้าแต่พระยะโฮวา, แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยพระกรุณาคุณของพระองค์: ขอทรงโปรดสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์ 65 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระองค์ได้ทรงกระทำดีแก่ผู้ทาสของพระองค์, สมพระวจนะของพระองค์แล้ว 66 ขอทรงฝึกสอนข้าพเจ้าให้มีปัญญาและความรู้อันดี; เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นในข้อบัญญัติของพระองค์. 67 เมื่อคราวตกทุกข์ได้ยากนั้นข้าพเจ้ามักหลงไป; แต่บัดนี้ข้าพเจ้าถือตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว. 68 พระองค์ดีประเสริฐ, และทรงกระทำการดีประเสริฐ; ขอทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 69 คนอหังการได้คิดอ่านหาคำเท็จกล่าวร้ายต่อข้าพเจ้า: แต่ข้าพเจ้าจะรักษาพระโอวาทของพระองค์ไว้ด้วยสุดใจ. 70 จิตต์ใจคนเหล่านั้นอิ่มหมีพีมันเหมือนน้ำมันข้น; ฝ่ายข้าพเจ้ามีใจยินดีในพระบัญญัติของพระองค์. 71 การที่เกิดทุกข์ยากแก่ข้าพเจ้าแล้วนั้นเป็นคุณแก่ข้าพเจ้า; เพื่อข้าพเจ้าจะได้เรียนรู้ในข้อกฎหมายของพระองค์. 72 พระบัญญัติที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์นั้นดีประเสริฐสำหรับข้าพเจ้าประเสริฐกว่าเงินทองหลายพันชั่ง 73 พระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงสร้างตัวข้าพเจ้าและตกแต่งข้าพเจ้า: ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจ, เพื่อจะได้เรียนรู้ข้อบัญญัติของพระองค์. 74 คนที่เกรงกลัวพระองค์เมื่อเห็นข้าพเจ้าจะมีใจยินดี, ด้วยว่าข้าพเจ้าได้ไว้ใจในพระวจนะของพระองค์. 75 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าข้อพิพากษาของพระองค์เป็นยุตติธรรม และพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้ามีความทุกข์โดยสุจริต. 76 ขอทรงโปรดให้พระกรุณาคุณของพระองค์เป็นที่ประเล้าประโลม, ตามพระดำรัสที่ตรัสแก่ผู้ทาสของพระองค์. 77 ขอทรงประทานพระเมตตาคุณอันอ่อนละมุนของพระองค์แก่ข้าพเจ้า, เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตดำรงอยู่; ด้วยข้าพเจ้ามีความนิยมยินดีในพระบัญญัติของพระองค์. 78 ขอทรงโปรดให้คนอหังการได้ความอัปยศ; เพราะเขารังแกข้าพเจ้าเปล่าๆ. ฝ่ายข้าพเจ้าจะภาวนาพระโอวาทของพระองค์. 79 ให้คนทั้งหลายที่เกรงกลัวพระองค์กลับมาหาข้าพเจ้า; เขาจึงจะได้รู้ข้อปฏิญาณของพระองค์. 80 ขอให้จิตต์ใจของข้าพเจ้าหมดจดในสายตาแห่งตัวบทกฎหมายของพระองค์, เพื่อข้าพเจ้าจะไม่ต้องขายหน้า 81 จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าละเหี่ยไปเพราะปรารถนาจะได้ความรอดของพระองค์; แต่ข้าพเจ้ามีความหวังอยู่ในพระวจนะของพระองค์. 82 ตาของข้าพเจ้าก็มัวมืดไปด้วยอยากจะได้พระดำรัสของพระองค์, ขณะเมื่อข้าพเจ้ากล่าวว่า, เมื่อไรพระองค์จะทรงเล้าโลมข้าพเจ้า? 83 ด้วยข้าพเจ้าเป็นเหมือนกะสอบหนังที่ถูกรมควันแล้ว; แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังหาลืมข้อกฎหมายของพระองค์ไม่. 84 ผู้ทาสของพระองค์จะมีอายุอยู่ได้สักเท่าใด? เมื่อใดพระองค์จะทรงพิพากษาปรับโทษคนที่ข่มเหงข้าพเจ้านั้น? 85 คนอหังการได้ขุดบ่อไว้ดักข้าพเจ้า, กระทำเป็นการละเมิดต่อพระบัญญัติของพระองค์. 86 ข้อบัญญัติทั้งปวงของพระองค์เป็นความสัตย์ซื่อ: พวกเขาได้ข่มเหงพวกข้าพเจ้าเปล่าๆ; ขอทรงโปรดช่วยข้าพเจ้า. 87 เขาได้กระทำให้ข้าพเจ้าเกือบจะเสื่อมศูนย์ไปจากแผ่นดินโลกแล้ว; แต่ข้าพเจ้ามิได้ละทิ้งพระโอวาทของพระองค์เลย. 88 ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นตามพระกรุณาคุณของพระองค์; และข้าพเจ้าจะได้รักษาข้อปฏิญาณที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์นั้น 89 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระวจนะของพระองค์ดำรงอยู่ในสวรรค์ตลอดอนาคตกาล. 90 ความสัตย์ซื่อของพระองค์ตั้งถาวรอยู่ทุกๆ ชั่วอายุ; พระองค์ได้ทรงประดิษฐานแผ่นดินโลกไว้ให้ตั้งมั่นคงอยู่. 91 ฝ่ายสรรพสิ่งยังตั้งถาวรอยู่ตามกฎของพระองค์อยู่จนทุกวันนี้; เพราะสรรพสิ่งทั้งสิ้นเป็นทาสของพระองค์. 92 ถ้าแม้นข้าพเจ้ามิได้ชื่นใจยินดีในกฎหมายของพระองค์, ข้าพเจ้าคงจะได้พินาศไปแล้วในความทุกข์ของข้าพเจ้านั้น. 93 ข้าพเจ้าจะไม่ลืมพระโอวาทของพระองค์เลย; เพราะว่าพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นด้วยพระโอวาทนั้น. 94 ข้าพเจ้าเป็นคนของพระองค์, ขอทรงโปรดช่วยให้รอด; ด้วยข้าพเจ้าได้แสวงหาพระโอวาทของพระองค์. 95 คนชั่วได้คอยท่าจะประหารข้าพเจ้าเสีย; แต่ข้าพเจ้าจะพิจารณาดูข้อปฏิญาณของพระองค์. 96 ข้าพเจ้าเห็นความดีรอบคอบครบถ้วนแล้ว; แต่ว่าข้อบัญญัติของพระองค์กว้างขวางมากยิ่ง 97 ข้าพเจ้ารักพระนามของพระองค์มากสักเท่าใด! เป็นข้อภาวนาของข้าพเจ้าวันยังค่ำ. 98 ข้อบัญญัติของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าฉลาดกว่าพวกศัตรู; ด้วยข้อเหล่านั้นอยู่กับข้าพเจ้าเสมอ. 99 ข้าพเจ้ามีความเข้าใจมากกว่าบรรดาอาจารย์ของข้าพเจ้า; เพราะข้อปฏิญาณของพระองค์เป็นข้อภาวนาของข้าพเจ้า. 100 ข้าพเจ้ามีความเข้าใจมากกว่าคนชรา, เพราะข้าพเจ้าได้ถือรักษาพระโอวาทของพระองค์. 101 ข้าพเจ้าได้ยั้งเท้าของข้าพเจ้าให้เว้นเสียจากทางชั่วทุกทาง, เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์. 102 ข้าพเจ้าไม่ได้เลี่ยงหลีกจากกฎของพระองค์; เพราะพระองค์ได้ทรงฝึกสอนข้าพเจ้า. 103 พระดำรัสของพระองค์ชิมหวานสักปานใด! จริงๆ พระเจ้าค่ะ, หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งอีก! 104 ข้าพเจ้าได้ความเข้าใจโดยพระโอวาทของพระองค์ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเกลียดชังทางทุจจริตทุกประการ 105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพเจ้า, และเป็นแสงสว่างตามทางของข้าพเจ้า. 106 ข้าพเจ้าปฏิญาณไว้แล้ว, และรับรองไว้แล้ว, ว่าจะประพฤติตามกฎอันยุตติธรรมของพระองค์. 107 ข้าพเจ้าเป็นทุกข์มากนัก. ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นตามพระดำรัสของพระองค์. 108 ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดรับเครื่องบูชาด้วยปากที่ข้าพเจ้าเต็มใจถวาย, และขอทรงฝึกสอนข้าพเจ้าให้รู้กฎของพระองค์. 109 ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของข้าพเจ้าเสมอ, ถึงกระนั้นข้าพเจ้ามิได้ลืมกฎหมายของพระองค์เลย. 110 คนชั่วได้วางบ่วงแร้วไว้ดักข้าพเจ้า; แต่ข้าพเจ้ามิได้เบือนไปจากพระโอวาทของพระองค์. 111 ข้าพเจ้าได้ยึดข้อปฏิญาณของพระองค์ไว้ดุจมฤดกถาวร; ด้วยข้อเหล่านั้นทำจิตต์ใจของข้าพเจ้าให้ชื่นชมยินดี. 112 ข้าพเจ้าตั้งใจไว้แล้วว่าจะประพฤติตามข้อกฎหมายของพระองค์เป็นนิตย์จนกะทั่งเวลาที่สุดปลาย 113 ข้าพเจ้าเกลียดชังคนสองใจ; แต่ข้าพเจ้ารักกฎหมายของพระองค์. 114 พระองค์เป็นที่ซ่อนเร้นและเป็นโล่ห์ของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าหวังใจอยู่ในพระวจนะของพระองค์. 115 แน่ะคนทั้งปวงที่กระทำชั่ว, จงไปให้พ้นจากข้าเถิด, เพื่อข้าจะได้รักษาข้อบัญญัติแห่งพระเจ้าของข้า. 116 ขอพระองค์ทรงประคองข้าพเจ้าขึ้น, เพื่อให้ข้าพเจ้าดำรงชีวิตอยู่ตามพระดำรัสของพระองค์: และขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องขายหน้าเพราะความหวังใจของข้าพเจ้า. 117 ขอทรงโปรดอุ้มข้าพเจ้าขึ้น, และข้าพเจ้าจึงจะรอด, จะได้เคารพนบนอบต่อข้อกฎหมายของพระองค์ไว้เสมอ. 118 พระองค์ทรงให้ศูนย์แก่คนทั้งหลายที่หลงไปจากข้อกฎหมายของพระองค์ด้วยกลอุบายของเขาไร้สาร. 119 พระองค์ทรงกระทำให้คนชั่วทั้งปวงในแผ่นดินโลกเสื่อมศูนย์ไปดุจขี้แร่: เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงรักข้อปฏิญาณของพระองค์. 120 เนื้อหนังของข้าพเจ้าสั่นอยู่เพราะเกรงกลัวพระองค์; และข้าพเจ้ากลัวข้อพิพากษาของพระองค์ 121 ข้าพเจ้าได้ประพฤติสัตย์ซื่อและชอบธรรม: ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้กับพวกที่ข่มเหง. 122 ขอทรงประกันผู้ทาสของพระองค์ไว้เพื่อจะได้ลาภดี. อย่าให้คนอหังการข่มเหงข้าพเจ้าเลย. 123 ตาของข้าพเจ้ามัวมืดไปด้วยแสวงหาความรอด, และพระดำรัสอันชอบธรรมของพระองค์. 124 ขอทรงกระทำแก่ผู้ทาสของพระองค์ตามพระกรุณาคุณของพระองค์, และทรงฝึกสอนให้ข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 125 ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระองค์ ขอทรงประทานความเข้าใจให้ข้าพเจ้า, เพื่อจะได้รู้ข้อปฏิญาณของพระองค์. 126 นี้เป็นเวลาสมควรแล้วที่พระยะโฮวาจะทรงประกอบกิจ; เพราะว่าเขาได้ล่วงละเมิดต่อกฎหมายของพระองค์. 127 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้ารักข้อบัญญัติของพระองค์มากกว่ารักทองคำ, จริงพระเจ้าค่ะ, มากกว่าทองนพคุณ. 128 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าถือว่าพระโอวาทของพระองค์ก็ยุตติธรรมทุกประการ; และข้าพเจ้าเกลียดชังทางคดโกงทั้งสิ้น 129 ข้อปฏิญาณของพระองค์น่าอัศจรรย์; เหตุฉะนั้นจิตต์ใจของข้าพเจ้าจึงถือรักษาไว้. 130 การอธิบายพระวจนะของพระองค์เป็นที่ให้ใจสว่าง; และกระทำคนที่มีปัญญาน้อยให้มีความเข้าใจ. 131 ข้าพเจ้าได้อ้าปากออกกว้าง, และหอบไป; เพราะข้าพเจ้าอาลัยถึงข้อบัญญัติทั้งปวงของพระองค์. 132 ขอพระองค์ทรงหันมาทางข้าพเจ้า, และทรงพระกรุณาโปรดแก่ข้าพเจ้า, ตามที่พระองค์ทรงเคยกระทำแก่คนที่รักพระนามของพระองค์. 133 ขอทรงตั้งย่างเท้าของข้าพเจ้าไว้ให้ดำเนินตามพระดำรัสของพระองค์; และขออย่าให้การอสัตย์อธรรมประการใดๆ ครอบงำข้าพเจ้าไว้เลย. 134 ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการข่มเหงของมนุษย์: ข้าพเจ้าจึงจะได้ถือรักษาพระโอวาทของพระองค์ไว้. 135 ขอให้แสงสว่างแห่งพระพักตรของพระองค์ส่องมาแก่ทาสของพระองค์; และทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 136 น้ำตาของข้าพเจ้าไหลออกมากมาย? เพราะเขาทั้งหลายไม่ถือรักษากฎหมายของพระองค์ 137 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระองค์สัตย์ซื่อ, และข้อพิพากษาของพระองค์ยุตติธรรม. 138 พระองค์ทรงตั้งข้อปฎิญาณของพระองค์ไว้ตามยุตติธรรม และโดยความสัตย์ซื่อแท้ๆ. 139 ความร้อนรนเผาข้าพเจ้าอยู่, เพราะศัตรูของข้าพเจ้าได้ลืมพระวจนะของพระองค์เสีย. 140 พระดำรัสของพระองค์เป็นบริสุทธิ์เหลือล้น; เพราะฉะนั้นผู้ทาสของพระองค์จึงรักพระดำรัสนั้น. 141 ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยและเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น; แต่ถึงกระนั้นยังมิได้ลืมพระโอวาทของพระองค์. 142 ความชอบธรรมของพระองค์เป็นความชอบธรรมอยู่ตลอดอนาคตกาล, และกฎหมายของพระองค์เป็นความจริง. 143 ความทุกข์และความยากลำบากมาถึงข้าพเจ้าแล้ว; แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังชื่นใจยินดีในข้อบัญญัติของพระองค์. 144 ข้อปฎิญาณของพระองค์ก็ยุตติธรรมเป็นนิตย์: ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจ, เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ 145 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้าร้องทูลด้วยสุดใจ; ขอทรงตอบข้าพเจ้า: ข้าพเจ้าจะได้รักษาข้อกฎหมายของพระองค์ไว้. 146 ข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์แล้ว; ขอทรงช่วยให้รอด, ข้าพเจ้าจะได้ถือตามข้อปฏิญาณของพระองค์. 147 ข้าพเจ้าตื่นขึ้นก่อนรุ่งเช้า, ก็ร้องทุกข์ทูลพระองค์: ข้าพเจ้าได้หวังใจในพระวจนะของพระองค์. 148 ตาของข้าพเจ้าตื่นคอยเมื่อยามดึกเพื่อจะได้ภาวนาพระดำรัสของพระองค์. 149 ขอทรงฟังเสียงทูลตามพระกรุณาคุณของพระองค์. ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นตามกฎของพระองค์. 150 คนที่ประพฤติการร้ายนั้นเข้ามาใกล้แล้ว; เขาทั้งหลายอยู่ห่างไกลจากกฎหมายของพระองค์. 151 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระองค์ทรงสถิตอยู่ใกล้; และข้อบัญญัติทั้งปวงของพระองค์เป็นความจริง. 152 ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ถึงข้อปฏิญาณของพระองค์นานมาแล้ว, ว่าพระองค์ได้ทรงตั้งข้อเหล่านั้นไว้เป็นนิตย์ 153 ขอทรงพิจารณาดูความทุกข์ยากของข้าพเจ้า, และโปรดช่วยให้พ้น; เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมกฎหมายของพระองค์. 154 ขอทรงตัดสินข้าพเจ้า, และทรงไถ่ข้าพเจ้าให้พ้น: ขอโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นตามพระดำรัสของพระองค์. 155 ความรอดย่อมอยู่ห่างไกลจากคนชั่ว; เพราะเขาไม่แสวงหาข้อกฎหมายของพระองค์ 156 ข้าแต่พระยะโฮวา, พระกรุณาคุณอันอ่อนละมุนของพระองค์มีเหลือล้น: ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นโดยกฎของพระองค์. 157 คนข่มเหงและศัตรูของข้าพเจ้านั้นมีเป็นอันมาก; แต่ข้าพเจ้ายังไม่ได้หลงไปจากข้อปฏิญาณของพระองค์. 158 ข้าพเจ้ามีความเสียใจ, เมื่อเห็นคนอสัตย์อธรรมไม่ประพฤติตามพระดำรัสของพระองค์. 159 ขอทรงพิจารณาดูว่าข้าพเจ้ารักพระโอวาทของพระองค์มากเท่าใด: ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นตามพระกรุณาคุณของพระองค์. 160 ลักษณะสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์เป็นความจริง; และทุกข้อในกฎอันชอบธรรมของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ 161 พวกเจ้านายข่มเหงข้าพเจ้าโดยใช่เหตุ; แต่ใจของข้าพเจ้าคงยืนยำเกรงพระวจนะของพระองค์อยู่. 162 ข้าพเจ้ายินดีในพระดำรัสของพระองค์, เหมือนคนที่ได้พบทรัพย์ชะเลยเป็นอันมาก. 163 ข้าพเจ้าเบื่อหน่ายเกลียดชังความเท็จ; แต่รักใคร่กฎหมายของพระองค์. 164 ข้าพเจ้าถวายความสรรเสริญแก่พระองค์วันละเจ็ดครั้ง, เพราะเหตุกฎอันชอบธรรมของพระองค์. 165 คนทั้งปวงที่รักกฎหมายของพระองค์มีความสุขมาก; และเหตุที่จะสะดุดกะดากแก่เขาไม่มีเลย. 166 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้าได้คอยท่าความรอดซึ่งมาจากพระองค์, และได้ประพฤติตามข้อบัญญัติของพระองค์. 167 จิตต์ใจของข้าพเจ้าได้ถือตามข้อปฏิญาณของพระองค์; และข้าพเจ้ารักข้อเหล่านั้นเป็นอย่างยิ่ง. 168 ข้าพเจ้าได้ถือพระโอวาทกับข้อปฏิญาณของพระองค์ไว้; เพราะว่าทางประพฤติทั้งปวงของข้าพเจ้าอยู่ตรงพระพักตรของพระองค์ 169 ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้คำทูลร้องทุกข์ของข้าพเจ้าเข้าไปใกล้พระองค์: ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีปัญญาเข้าใจพระวจนะของพระองค์. 170 ขอทรงโปรดให้คำทูลวิงวอนของข้าพเจ้าปรากฏต่อพักตรพระองค์; และโปรดช่วยข้าพเจ้าตามพระดำรัสของพระองค์นั้น. 171 ให้ริมฝีปากของข้าพเจ้าถวายความสรรเสริญแก่พระองค์; ด้วยพระองค์ทรงฝึกสอนข้าพเจ้าให้รู้ข้อกฎหมายของพระองค์. 172 ขอให้ลิ้นของข้าพเจ้าร้องสรรเสริญพระดำรัสของพระองค์; ด้วยข้อบัญญัติทั้งปวงของพระองค์ยุตติธรรม. 173 ขอทรงโปรดเตรียมพระหัตถ์ของพระองค์ให้พร้อมเพื่ออุปถัมภ์ข้าพเจ้า; เพราะข้าพเจ้าได้เลือกพระโอวาทของพระองค์แล้ว. 174 ข้าแต่พระยะโฮวา, ข้าพเจ้าปรารถนาจะได้ความรอดซึ่งมาจากพระองค์; และมีกฎหมายของพระองค์คือความชื่นชมของข้าพเจ้า. 175 ขอให้จิตต์ใจของข้าพเจ้าคงชีพอยู่, จะได้ถวายสรรเสริญแก่พระองค์ต่อไป; และให้กฎของพระองค์ประคองข้าพเจ้าไว้. 176 ข้าพเจ้าได้หลงไปดุจแกะหลง; ขอทรงโปรดติดตามผู้ทาสของพระองค์; ด้วยว่าข้าพเจ้าไม่ลืมข้อบัญญัติของพระองค์ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society