สุภาษิต 14 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 สตรีก็มีปัญญาทุกคนย่อมก่อสร้างบ้านเรือนของตนขึ้น; แต่ผู้ที่โฉดเขลาย่อมรื้อบ้านลงด้วยมือตนเอง. 2 บุคคลผู้เดินในทางตรงย่อมยำเกรงพระยะโฮวา; แต่ผู้ที่ดื้อหลงผิดไปตามทางของตนย่อมเกลียดชังพระองค์. 3 ในปากของคนโฉดเขลานั้นมีไม้เรียวสำหรับปราบความจองหองของเขาแต่ริมฝีปากของคนมีปัญญาจะเป็นเครื่องป้องกันตัวเขาไว้. 4 ที่ไหนไม่มีวัวรางหญ้าก็สะอาดดี; แต่อาหารจะทวีมากขึ้นได้ก็เพราะอาศัยแรงของวัว. 5 พะยานที่สัตย์ซื่อจะไม่มุสา; แต่พะยานเท็จก็พูดมุสา. 6 คนประมาทเยาะเย้ยแสวงหาปัญญาและไม่พบ; แต่ความรู้เป็นของง่ายแก่คนที่มีความเข้าใจ. 7 หากเข้าไปสมาคมกับคนโฉดเขลา, เจ้าจะไม่พบเห็นความรู้จากริมฝีปากของเขา. 8 ปัญญาของคนฉลาดเป็นที่ให้เขาเข้าใจทางของเขา; แต่ความโฉดของคนโฉดเป็นการหลอกลวง. 9 ความผิดอันจะต้องโทษนั้นเย้ยหยันคนโฉด; แต่จำพวกคนตรงนั้นเป็นที่ทรงโปรดปราน. 10 ใจของใครก็ย่อมรู้ความขื่นขมของตนเอง; และคนอื่นจะเขามายุ่มย่ามกับความปลาบปลื้มยินดีในดวงใจของใครนั้นก็หาได้ไม่. 11 เรือนของคนชั่วจะถูกทำลายเสีย; แต่ทับอาศัยของคนตรงจะรุ่งเรือง. 12 มีทางหนึ่งซึ่งดูเหมือนบางคนเห็นว่าเป็นทางถูก; แต่ปลายทางนั้นเป็นทางแห่งความตาย. 13 แม้ในขณะที่แสดงอาการเบิกบานใจก็ยังโศกเศร้า; และเมื่อจบกางรื่นเริงแล้วก็มีความหนักใจ. 14 ผู้ที่มีใจเหไปในทางชั่วจะเปี่ยมไปด้วยผลแห่งการกระทำตามทางของเขาเอง; และคนดีจะอิ่มอกอิ่มใจในกิจที่ตนกระทำ. 15 คนโง่เชื่อคำบอกเล่าทุกคำ; แต่คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง. 16 คนมีปัญญานั้นกลัวและหลีกออกจากความชั่ว; แต่คนโฉดเขลานั้นถือทิฏฐิจองหองและไว้ใจในตัวเอง. 17 บุคคลผู้โกรธเร็วย่อมประพฤติในสิ่งโฉดเขลา; และคนที่คิดทำการชั่วร้ายย่อมเป็นที่เกลียดชัง. 18 คนโง่ได้รับความโฉดเป็นมรดก; แต่ผู้ฉลาดก็ได้รับความรู้สวมเป็นมงกุฎ. 19 คนชั่วนั้นน้อมคำนับลงต่อหน้าคนดี; และคนอธรรมนั้น, น้อมคำนับลงที่ประตูบ้านของผู้ชอบธรรม. 20 คนจนเป็นที่เกลียดชังถึงแม้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของเขาเอง, แต่คนมั่งคั่งมีมิตรสหายมากหลาย. 21 บุคคลผู้เหยียดเพื่อนบ้านของตนก็ทำบาปแล้ว; แต่บุคคลผู้มีใจเมตตาคนยากจน, เขาก็เกิดมีความสุข. 22 คนเหล่านั้นที่คิดทำการชั่วย่อมเป็นคนหนึ่งมิใช่หรือ? แต่ความเมตตาและความจริงคงได้แก่คนเหล่านั้นที่คิดทำการดี. 23 ในการทำงานทั้งปวงมีผลกำไร; แต่การใช้แต่ริมฝีปากพูดทำให้ยากจน. 24 มงกุฎของคนมีปัญญาก็คือทรัพย์ของเขา; แต่ความโง่ของคนโฉดก็คือความโง่นั้นเอง. 25 พะยานจริงย่อมช่วยคนไว้; แต่บุคคลผู้กล่าวเท็จเป็นต้นเหตุแห่งการล่อลวง. 26 ความวางใจที่มั่นคง; อยู่ในการยำเกรงพระยะโฮวา; และลูกหลานของเขานั้นจะมีที่พำนักอันปลอดภัย. 27 ความยำเกรงพระยะโฮวาเป็นน้ำพุแห่งชีวิต, เพื่อว่าคนจะได้พ้นจากบ่างแร้วแห่งความตายได้. 28 กษัตริย์มีสง่าราศีก็เพราะมีพลเมืองมาก; แต่เมื่อขาดพลเมืองก็เป็นความหายนะของเจ้านาย. 29 บุคคลผู้ไม่โกรธเร็วเป็นคนประกอบด้วยความเข้าใจดียิ่ง; แต่บุคคลผู้มีใจฉุนเฉียวส่งเสริมความโฉดเขลาให้ยิ่งขึ้น. 30 ใจที่สงบเป็นความจำเริญชีวิตฝ่ายกาย; แต่ความอิจฉาริศยาคือความเปื่อยเน่าของกะดูก. 31 บุคคลผู้กดขี่เบียดเบียฬคนจนก็ทำความอัปยศแก่พระผู้สร้างตน; แต่บุคคลผู้มีความเมตตาแก่คนยากจนก็ถวายเกียรติยศแก่พระองค์. 32 คนชั่วถูกทำลายลงด้วยการกระทำของเขาเอง; แต่คนชอบธรรมมีที่พำนักปลอดภัยในเมื่อเขาตาย. 33 ปัญญาอยู่ในใจของผู้ที่มีความเข้าใจ; แต่สิ่งที่อยู่ภายในของคนโฉดจะปรากฏออกมา. 34 ความชอบธรรมนั้นเชิดชูเทศชน; แต่บาปนั้นทำความอัปยศแก่พลเมือง. 35 ความโปรดปรานของกษัตริย์ย่อมมีแก่ข้าราชการผู้ประกอบกิจด้วยสติปัญญา; แต่พระพิโรธของพระองค์จะตกแก่เขาผู้เป็นเหตุให้เกิดความอับอายขายหน้า |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society