เนหะมีย์ 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ในเดือนนั้นวันที่ยี่สิบสี่บรรดาพงศ์พันธุ์ยิศราเอลได้ชุมนุมกันถืออดอาหารด้วยนุ่งผ้าเนื้อหยาบ, และทาตัวด้วยฝุ่นดิน. 2 แล้วได้แยกออกต่างหากจากคนต่างประเทศยืนรับสารภาพผิดของตน, กับความหลงผิดแห่งเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายด้วย. 3 ลางคนได้ยืนขึ้นตามที่อ่านบทพระบัญญัติของพระยะโฮวาผู้เป็นพระเจ้าถึงสามชั่วโมง; และได้รับสารภาพผิดถึงสามชั่วโมงด้วยแล้ว, ก็นมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของตน. 4 มีพวกเลวีคือยะโฮซูอะ, บานี, คัดมีเอ็ล, ซะบันยา, บุนี, เซเร็บยา, บานี, และคะนานี, ได้ขึ้นยืนบนธรรมาสน์ร้องอ้อนวอนทูลขอแต่พระยะโฮวาพระเจ้าของตนด้วยเสียงอันดัง 5 ยะโฮซูอะกับคัดมีเอ็ล, บานี, ฮะซับนะยา, เซเร็บยา, โฮดะยา, ซะบันยา, และฟะธายา, เป็นคนในจำพวกเลวีได้ประกาศว่า, จงยืนขึ้นขอบพระเดชพระคุณพระยะโฮวาพระเจ้าของตนสืบๆ ไปเป็นนิจ: สาธุแก่พระนามอันรุ่งเรืองของพระองค์ ให้ประเสริญเลิศยิ่งกว่าคำยกยอและสรรเสริญทั้งสิ้น. 6 พระองค์เจ้าข้า, พระองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียว; ที่ได้ทรงสร้างท้องฟ้าและชั้นฟ้าทั้งปวง, กับบรรดาดวงดาวและแผ่นดินโลก, และสิ่งสารพัตรอยู่ในที่เหล่านั้น, และทะเลทั้งปวงกับสิ่งสารพัตรซึ่งอยู่ในทะเลนั้น, พระองค์ได้ทรงทะนุบำรุงไว้ทั้งสิ้น; ทูตสวรรค์ทั้งปวงก็ย่อมไหว้นมัสการพระองค์. 7 พระองค์เป็นพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงเลือกท่านอับราม, และทรงนำออกมาจากเมืองอูระในแผ่นดินเคเซ็ด, กับได้ทรงประทานนามให้ว่าอับราฮาม; 8 เมื่อได้ทรงทดลองนั้นพระองค์ทรงเห็นว่าท่านมีใจสัตย์ซื่อ, จึงได้ทรงทำสัญญาไว้กับท่านว่าจะทรงพระราชทานแผ่นดินชาวคะนาอัน, แผ่นดินพวกฮิธธี, พวกอะโมรี, พวกฟะรีซี, พวกยะบูศ, และพวกฆีระคาซี, ให้แก่พงศ์พันธุ์ของท่าน, พระองค์ได้ทรงกระทำตามคำสัญญานั้นแล้วทุกประการ; ด้วยว่าพระองค์เป็นผู้ชอบธรรม: 9 ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากลำบากแห่งเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายของพวกข้าพเจ้าในเมืองอายฆุบโต, กับได้ทรงสดับฟังคำอ้อนวอนที่เขาได้ทูลขอที่ทะเลแดงนั้น; 10 กับได้ทรงสำแดงการอิทธิฤทธิ์อันแปลกประหลาดให้สวมทับฟาโรและข้าราชการทั้งปวง, กับบรรดาพลไพร่ของท่านทั่วแผ่นดิน: ด้วยว่าพระองค์ทรงทราบว่าพวกนั้นได้ประพฤติในทางหยิ่งดูหมิ่นต่อพงศ์พันธุ์ของอับราฮาม. และเพราะฉะนั้นพระองค์ได้ทรงบันดาลให้พระนามของพระองค์เลื่องลือไปเช่นทุกวันนี้. 11 พระองค์ทรงบันดาลให้ทะเลแยกออกเป็นทางต่อหน้าเขาเช่นนั้น, เขาจึงได้เดินไประหว่างกลางทะเลนั้นดุจที่แผ่นดินแห้ง; และศัตรูทั้งปวงของเขาพระองค์ได้ทรงทิ้งลงในที่อันลึก, ดุจโยนหินทิ้งลงไปในทะเลใหญ่. 12 ยิ่งกว่านั้นอีกพระองค์ทรงบันดาลให้มีเสาเมฆนำหน้าเขาในเวลากลางวัน; และในเวลากลางคืนทรงให้มีเสาไฟจะให้เขาเห็นสว่างในทางที่ไปนั้น. 13 พระองค์ได้ทรงตรัสแก่เขาจากสวรรค์, กับเสด็จลงมาบนยอดเขาซีนาย, ได้ทรงประทานข้อพิพากษาอันยุตติธรรม, และข้อกฎหมายที่เที่ยงตรง, กับข้อตัดสินและพระบัญญัติล้วนแต่ที่ดีให้แก่เขา: 14 และได้ทรงบังคับให้เขาถือวันซะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ของพระองค์, กับได้ทรงบัญชาให้ถือรักษาข้อตัดสิน, บทพระบัญญัติ, และข้อกฎหมายทั้งปวงที่ได้ทรงประทานโดยโมเซผู้รับใช้ของพระองค์นั้น: 15 กับได้ทรงประทานอาหารมาจากสวรรค์ให้เลี้ยงเขา, และทรงบันดาลให้มีน้ำไหลออกมาจากหินเพื่อเขาจะได้ดื่ม, ทั้งได้ทรงสัญญาว่า, จะทรงโปรดให้เขาไปตั้งอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้ว่าจะยกให้แก่เขานั้น 16 แต่เขาทั้งกับปู่ย่าตายายของพวกข้าพเจ้าได้ทำคอแข็ง, ประพฤติตนในทางโอหัง, หาได้เชื่อฟังประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ไม่, 17 ทั้งได้ประพฤติเป็นคนใจดื้อดึงไม่อ่อนน้อม, มิได้ระลึกถึงการอัศจรรย์อิทธิฤทธิ์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำในท่ามกลางเขา; และในคราวกบฏนั้นเขาได้ทำใจคอแข็ง, ตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นนายนำกลับไปสู่ทางที่เป็นทาสนั้นอีก: แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าประกอบด้วยความเมตตากรุณา, ทรงอดกลั้นพระทัยไว้โดยพระมหากรุณาอันใหญ่ยิ่ง, ยังทรงโปรดยกโทษ หาได้ละทิ้งเขาไม่. 18 แท้จริงเมื่อเขาได้หล่อรูปลูกวัวได้สำหรับตัวนั้น, และได้กล่าวว่า, นี่แหละเป็นพระเจ้าที่นำพวกเจ้าขึ้นมาจากเมืองอายฆุบโต, และได้กระทำการล่วงละเมิดใหญ่ต่างๆ; 19 ถึงกระนั้นโดยความเมตตากรุณาอันใหญ่หลวงของพระองค์ ยังหาได้ทรงละทิ้งเขาไว้ที่ป่ากันดารนั้นไม่: เสาเมฆซึ่งเป็นที่นำทางให้เขานั้นมิได้เลื่อนขาดไปในเวลากลางวัน: ทั้งเสาไฟสำหรับส่องสว่างนำเข้าในระยะทางที่จะไปนั้น มิได้ดับหายไปในเวลากลางคืน. 20 พระองค์ได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ให้เป็นครูสั่งสอนใจเขา, กับมิได้หวงแหนมานาของพระองค์ไว้จากปากเขา, และเมื่อเวลากระหายได้ทรงประทานน้ำให้เขาด้วย. 21 พระองค์ได้ทรงบำรุงเลี้ยงเขาไว้ในที่ป่ากันดารนั้นถึงสี่สิบปี, มิได้ขัดสนสิ่งใด; ทั้งผ้าผ่อนก็มิให้เก่าไป, และเท้าก็มิให้บวม. 22 ยิ่งกว่านั้นอีก, พระองค์ยังได้ทรงมอบแผ่นดินและประเทศต่างๆ ให้แก่เขา, แล้วทรงแบ่งแผ่นดินให้เขาอยู่เป็นส่วนๆ: จนได้แผ่นดินซีโฮน, กระทั่งถึงแผ่นดินกษัตริย์เมืองเฮ็ศโบน, และแผ่นดินโอฆกษัตริย์เมืองบาซานเป็นส่วนของตน. 23 พระองค์ทรงบันดาลให้พงศ์พันธุ์ของเขามากเจริญทวีขึ้นเหมือนดาวในท้องฟ้า, และได้ทรงพาเขาเข้ามาในแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับปู่ย่าตายายของเขาว่า, จะทรงโปรดให้เขาไปตั้งอาศัยอยู่นั้น. 24 พวกยิศราเอลจึงได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่แผ่นดินนี้, แล้วพระองค์ทรงกำจัดชาวแผ่นดินคะนาอันต่อหน้าเขา, และทรงมอบพวกนั้นไว้ในมือเขา, ทั้งเหล่ากษัตริย์, และพลไพร่ชาวแผ่นดินทั้งปวง, เพื่อจะได้กระทำแก่คนเหล่านั้นตามชอบใจ. 25 เขาได้ตีเอาเหล่าเมืองที่เข้มแข็ง, กับริบเอาแผ่นดินคะนาอันและบ้านเรือน, ที่เต็มด้วยของดีทุกอย่าง, มีบ่อน้ำที่ขุดไว้เสร็จ, กับสวนองุ่น, สวนมะกอกเทศ, และต้นผลไม้หลายอย่างเป็นอันมาก: เช่นนั้นเขาจึงได้กินอิ่มหนำอ้วนพี, มีใจชื่นชมยินดีในความเมตตากรุณาของพระองค์ 26 แต่ถึงกระนั้นเขายังไม่อ่อนน้อมเชื่อฟัง, ขืนคิดกบฏต่อพระองค์, ได้บ่ายหน้าไปจากพระบัญญัติของพระองค์, กับได้ฆ่าพวกผู้ทำนายของพระองค์ที่ได้ห้ามปรามชักชวนเขาให้กลับหันหาพระองค์นั้น, และเขาได้กระทำเป็นการชั่วร้ายกาจมาก. 27 เหตุฉะนั้นพระองค์จึงได้ทรงมอบเขาไว้ในมือพวกศัตรูที่ย่ำยีข่มขี่เขา: ในเวลาที่เขาได้ความเดือดร้อนนั้น, เมื่อเขาได้ร้องทูลขอพระองค์ ๆ ยังได้ทรงสดับฟังแต่สวรรค์, และทรงโปรดตามความเมตตากรุณาของพระองค์; ทรงประทานให้มีผู้อนุเคราะห์ช่วยไถ่เขาให้พันมือศัตรูทั้งปวง. 28 ครั้นอยู่มาเมื่อเขามีความสงบเงียบเรียบร้อยแล้ว, ได้ประพฤติชั่วต่อพระเนตรพระองค์อีก: ดังนั้นพระองค์จึงได้ทรงมอบเขาไว้ในมือพวกศัตรู ๆ จึงได้มีอำนาจเหนือเขา; แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขาได้หันกลับมาทูลขอต่อพระองค์, พระองค์ได้ทรงสดับฟังจากสวรรค์; และได้ทรงช่วยเขาเป็นหลายครั้งโดยความเมตตากรุณาของพระองค์; 29 กับได้ทรงขัดขวางห้ามปรามเขาไว้, เพื่อจะให้กลับประพฤติตามบทพระบัญญัติของพระองค์: แต่เขามีใจโอหัง, และหาได้ยอมฟังและประพฤติตามข้อพระบัญญัติของพระองค์ไม่, กับได้ล่วงละเมิดคำสอนและข้อตัดสินทั้งปวงของพระองค์; อันผู้หนึ่งผู้ใดเพียรรักษาจะได้ชีวิตเจริญ, แต่เขาขยับมาให้ห่างไกลทำใจคอแข็งไม่ยอมเชื่อฟังเลย. 30 แต่พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้หลายปี, ได้สั่งสอนห้ามปรามเขาโดยประทานให้พระวิญญาณของพระองค์ทรงสถิตอยู่ในพวกผู้ทำนาย: แต่เขาไม่เงี่ยหูฟังเลย: เหตุฉะนั้นพระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือชาวชนต่างประเทศ. 31 ถึงกระนั้นโดยความเมตตากรุณาอันใหญ่หลวงของพระองค์, ยังไม่ทรงล้างผลาญหรือละเขาเสียให้สิ้นเชิง; ด้วยว่าพระองค์เป็นพระเจ้าอันประกอบไปด้วยความเมตตาและกรุณา 32 แต่ฉะนั้นโอ้พระเจ้าข้า, พระองค์เป็นใหญ่, และทรงฤทธานุภาพอันน่ากลัว, ได้ทรงรักษาคำมั่นสัญญา, และคำไมตรีของพระองค์ไว้, ขออย่าให้ความทุกข์ยากลำบากของพวกข้าพเจ้านั้นเป็นการเล็กน้อยต่อพระเนตรของพระองค์, ที่ได้สวมทับอยู่กับพวกข้าพเจ้าทั้งเหล่ากษัตริย์, เจ้านาย, พวกปุโรหิต, พวกผู้ทำนาย, และเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายของพวกข้าพเจ้า, และชาวชนทั้งปวง, ตั้งแต่คราวเหล่ากษัตริย์แผ่นดินอาซูริยะนั้น, ตราบเท่าถึงทุกวันนี้. 33 แต่ซึ่งพระองค์ทรงลงโทษให้พวกข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ยากลำบากนั้นเป็นการสมควรแล้ว; ด้วยว่าการที่พระองค์ทรงกระทำนั้นล้วนเป็นการชอบธรรม, แต่ที่พวกข้าพเจ้าได้ประพฤตินั้นเป็นการชั่วช้านัก: 34 เหล่ากษัตริย์, เจ้านาย, หรือพวกปุโรหิต, และเชื้อวงศ์บิดาทั้งหลายของพวกข้าพเจ้า, หาได้รักษากฎหมาย, หรือเงี่ยหูฟังข้อพระบัญญัติและบรรดาคำปฏิญาณที่พระองค์ได้ทรงประทานไว้เป็นข้อสั่งสอนห้ามปรามนั้นไม่. 35 เขามิได้ปฏิบัติพระองค์ในแผ่นดินของเขา, ที่ได้ทรงประทานให้โดยพระกรุณา, เขาหาได้หันกลับจากความชั่วของเขาในแผ่นดินอันกว้างขวางเป็นที่อุดมซึ่งทรงยกให้แก่เขานั้นไม่. 36 ดูเถิด, ทุกวันนี้พวกข้าพเจ้าก็ได้ตกเป็นทาส, ฝ่ายแผ่นดินที่พระองค์ได้ทรงยกให้กับปู่ย่าตายายทั้งปวงของพวกข้าพเจ้า ประสงค์จะให้ได้กินผลไม้และรับความดีแต่ที่นั้น, บัดนี้พวกข้าพเจ้าได้ตกเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินนั้นแล้ว: 37 แผ่นดินย่อมเกิดผลประโยชน์เป็นอันมากแก่เหล่ากษัตริย์ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้ครอบครองพวกข้าพเจ้าเพราะเหตุความผิดของข้าพเจ้า กษัตริย์เหล่านั้นจึงมีอำนาจเหนือข้าพเจ้า, อาจกระทำตามชอบพระทัยได้ทุกประการ, ส่วนพวกข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนนัก. 38 เพราเหตุฉะนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้มาทำสัตย์สาบานเป็นลายลักษณ์อักษรไว้; มีเจ้านาย, พวกเลวี, และพวกปุโรหิตทั้งปวงเป็นผู้ลงชื่อและประทับตราไว้เป็นสำคัญ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society