เนหะมีย์ 4 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 ครั้นอยู่มา, ซันบาลาตได้ยินว่าพวกข้าพเจ้ากระทำการก่อกำแพง, ก็โกรธมีจิตต์ริษยา, เยาะเย้ย, ดูถูกพวกยะฮูดา. 2 จึงได้กล่าวแก่พวกพ้องและกองทหารที่เมืองซะมาเรียว่า, พวกยะฮูดาคนอ่อนกำลังนี้กระทำอะไรกัน? เขาจะก่อสร้างป้องกันตัวหรือ? เขาจะทำสักการบูชาหรือ? การงานของเขาจะสำเร็จในวันเดียวหรือ? เขาจะทำหินที่หักพังลงและของที่ไฟไหม้เสียแล้วนั้นให้ดีขึ้นอีกหรือ? 3 ขณะนั้นโตบิยาชาวเมืองอำโมนได้อยู่กับท่านจึงเรียนว่า, ที่เขาสร้างนั้น, ถ้ามีแต่หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินขึ้นไป, ก็จะกระทำให้กำแพง, ของเขานั้นหักพังเสีย. 4 โอ้พระองค์, พระเจ้าของข้าพเจ้า; ขอทรงโปรดสดับฟังเถิด, ด้วยว่าพวกข้าพเจ้าก็เป็นที่ดูหมิ่นนัก: ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดบันดาลให้ความดูหมิ่นของเขาตกลงที่ศีรษะของเขาเอง, และทรงมอบเขาให้เป็นชะเลยที่แผ่นดินศัตรูของเขานั้น: 5 อย่าทรงปิดบังความชั่วของเขาไว้, ความผิดบาปของเขานั้นอย่าทรงลบล้างเสียจากคลองพระเนตรของพระองค์เลย: เพราะว่าเขาได้ประมาทหมิ่นกระทำให้พวกช่างก่อคับแค้นใจ. 6 เช่นนั้นพวกข้าพเจ้าได้ก่อกำแพง, ทำให้ติดเนื่องกันสูงตลอดขึ้นไปจนถึงครึ่ง: ด้วยว่าฝูงคนมีน้ำใจกระทำ. 7 ครั้นอยู่มา. เมื่อซันบาลาตและโตบิยา, และพวกอาราบ, พวกอำโมน, และชาวเมืองอัศโดด, ได้ยินว่าการปฏิสังขรณ์กำแพงกรุงยะรูซาเลมเจริญขึ้น, และช่องที่พังทั้งปวงนั้นก็ก่ออุดปิดแล้ว, เขาก็แค้นเคืองเป็นอันมาก. 8 จึงปรึกษาพร้อมกันจะยกมาสู้รบกับกรุงยะรูซาเลม, เพื่อจะให้การสร้างนั้นชงักลง. 9 แต่พวกข้าพเจ้าได้ทูลอ้อนวอนแก่พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า, เพราะเหตุพวกเหล่านั้น, จึงได้จัดคนให้เฝ้าระวังทั้งกลางวันกลางคืน. 10 พวกยูดาได้บ่นว่า, พวกแบกหามนั้นอ่อนกำลังลง, ของหักพังรกเกลื่อนที่นั้นก็มาก; เพราะฉะนั้นพวกข้าพเจ้าจะสร้างกำแพงต่อไปอีกไม่ได้. 11 ส่วนพวกข้าศึกนั้นได้พูดว่า, อย่าให้เขารู้ตัว, หรือเห็น, จนพวกเรามาอยู่ท่ามกลางเขาแล้ว, และประหารพวกเขา, และให้การนั้นต้องเลิกเสีย. 12 อยู่มาพวกยูดาที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียงพวกข้าศึก, ได้มากล่าวแก่พวกข้าพเจ้า, อย่างนั้นถึงสิบครั้ง, มาแต่ตำบลไหนๆ เมื่อมาหาพวกเราเขาก็พูดเช่นนั้น. 13 เหตุฉะนั้นในตำบลที่กำแพงยังต่ำ, และทุกแห่งซึ่งเป็นที่สำคัญนั้นข้าพเจ้าได้จัดคนให้เฝ้าอยู่หลังกำแพง, ให้ฝูงคนตามครอบครัวของเขาถือดาบ, ทวน, และธนูอยู่พร้อม. 14 ข้าพเจ้าได้เดินไปมาตรวจดู, และกล่าวเจ้านาย, และฝูงคนทั้งปวงว่า, อย่ากลัวเขาเลย: จงระลึกถึงพระยะโฮวาผู้ทรงฤทธาอันเป็นที่น่ากลัว, และจงสู้รบป้องกันญาติพี่น้อง, บุตรชาย, บุตรหญิง, ภรรยา, และบ้านเรือนของตนเถิด 15 เมื่อพวกศัตรูได้ยินว่า, พวกเราทราบในความคิดของเขาแล้ว, และได้รู้ว่าพระเจ้าทรงบันดาลให้ความคิดของเขาเสียไปแล้ว, พวกเราจึงได้ลงมือสร้างกำแพงต่อไปทุกคนตามตำแหน่งของตน. 16 ตั้งแต่นั้นไปคนที่อยู่ในบังคับของข้าพเจ้านั้นครึ่งหนึ่งได้ลงมือกระทำการ, และอีกครึ่งหนึ่งนั้นได้ใส่เกราะถือท่าน, โล่ห์, และธนูไว้พร้อม: และพวกเจ้านายทั้งปวงได้อยู่เบื้องหลังรองหนุนตระกูลยูดา. 17 คนที่ก่อสร้างกำแพง, กับคนแบกหาม, และคนที่จัดของแบกหามทุกคนนั้น, ได้ทำการด้วยมือข้างหนึ่ง, และอีกข้างหนึ่งถืออาวุธ. 18 พวกช่างก่อ, ทุกคนได้เอาดาบเหน็บเอวกระทำการไปอย่างนั้น, และคนที่เป็นผู้เป่าแตรนั้นได้อยู่ใกล้ข้าพเจ้า. 19 ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่เจ้านาย, และฝูงคนทั้งปวงว่า, งานทั้งนี้เป็นการใหญ่ยิ่งนัก, พวกเราต้องแยกไปทำการห่างๆ กัน, ตามกำแพง. 20 เหตุดังนั้นเมื่อเจ้าทั้งหลายได้ยินเสียงแตรที่ตำบลใด, จงพร้อมกันกรูมาหาพวกเราที่นั้นเถิด: พระเจ้าของพวกเราจะสู้รบป้องกันแทนเรา 21 เหตุฉะนั้นพวกเราจึงได้เพียรกระทำการนั้น; และคนครึ่งหนึ่งได้ถือเครื่องอาวุธตั้งแต่รุ่งเช้าจนได้เห็นดาวหัวค่ำ, 22 ขณะนั้นข้าพเจ้าได้สั่งคนงานว่า, ให้นายงานทุกคนกับลูกมือของตนอาศัยนอนอยู่ในกรุงยะรูซาเลม, เพื่อเขาจะได้ช่วยพวกเราเฝ้าในเวลากลางคืน, และกลางวันเขาจะได้กระทำการ. 23 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้า, กับพวกพี่น้อง, และลูกมือ, และทหารเฝ้าที่ตามข้าพเจ้าไปนั้นก็ดี, ไม่มีใครถอดเสื้อเลย, เมื่อไปอาบน้ำอาวุธก็ติดมือไปด้วย |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society