Biblia Todo Logo
Bìoball air-loidhne

- Sanasan -

มาระโก 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940

1 พระ​องค์​ยัง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “เรา​กล่าว​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า, ใน​พวก​ท่าน​ที่​ยืน​อยู่​ที่นี่, มี​ลาง​คน​ที่​ยัง​จะ​ไม่​ชิม​ความ​ตาย จน​กว่า​จะ​ได้​เห็น​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า​มา​ด้วย​ฤทธา​นุ​ภาพ.”


ทรง​จำแลง​พระ​กาย

2 ครั้น​ล่วง​ไป​ได้​หก​วัน​แล้ว, พระ​เยซู​ทรง​พาเป​โตร, ยา​โก​โบ​และ​โย​ฮัน​ขึ้น​ภูเขา​สูง​แต่​ลำพัง, แล้ว​รูป​กาย​ของ​พระ​องค์​ก็​เปลี่ยนไป​ต่อ​หน้า​เขา.

3 และ​ฉลอง​พระ​องค์​ก็​ขาว​เป็น​มัน​ระยับ, จะ​หา​ช่าง​ฟอก​ผ้า​ทั่ว​แผ่น​ดิน​โลก​ฟอก​ให้​ขาว​อย่าง​นั้น​ไม่ได้.

4 แล้ว​เอ​ลี​ยา​กับ​โม​เซ​ก็​ปรากฏ​แก่​สาวก​เหล่านั้น, และ​เฝ้า​สนทนา​อยู่​กับ​พระ​เยซู.

5 ฝ่ายเป​โต​รจึง​ทูล​พระ​เยซู​ว่า, “อาจารย์​เจ้า​ข้า, ซึ่ง​เรา​จะ​อยู่​ที่นี่​ก็​ดี, ให้​เรา​ทำ​พลับพลา​สาม​หลัง. สำหรับ​พระ​องค์​หลัง​หนึ่ง, สำหรับ​โม​เซ​หลัง​หนึ่ง, สำหรับ​เอ​ลี​ยา​หลัง​หนึ่ง.”

6 ที่​เป​โตร​พูด​อย่าง​นั้น​ก็​เพราะ​ไม่​รู้​จะ​ว่า​อะไร. เพราะ​เขา​ทั้ง​หลาย​กำลัง​กลัว​นัก.

7 แล้ว​มี​เมฆ​มา​ปุก​คลุม​เขา​ไว้. และ​มี​พระ​สุ​รเสีย​งอ​อก​มา​จาก​เมฆ​นั้น​ว่า, “ท่าน​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา, จง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน​เถิด.”

8 ทันใด​นั้น​เมื่อ​สาวก​แล​ดู​รอบ​ก็​ไม่​เห็น​ผู้ใด, เห็น​แต่​พระ​เยซู​อยู่​กับ​เขา


ปัญหา​เรื่อง​การ​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ตาย

9 เมื่อ​กำลัง​ลง​มา​จาก​ภูเขา, พระ​องค์​ตรัส​ห้าม​เหล่า​สาวก​ไม่​ให้​นำ​สิ่ง​ที่​ได้​เห็น​นั้น​ไป​บอก​แก่​ผู้ใด​เลย​จนกว่า​บุตร​มนุษย์​จะ​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ความ​ตาย.

10 ถ้อยคำ​นี้​เหล่า​สาวก​ก็​ได้​จำ​ไว้. แต่​ซักไซ้​ถาม​กัน​ว่า, ที่​ตรัส​ว่า​จะ​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ความ​ตาย​นั้น​จะ​หมายความ​อย่างไร.

11 เขา​จึง​ทูล​ถาม​พระ​องค์​ว่า, “เหตุ​ไฉน​พวก​อาลักษณ์​ว่า​เอ​ลี​ยา​จะต้อง​มา​ก่อน?”

12 พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า, “เอ​ลี​ยา​จะต้อง​มา​ก่อน​จริง​และ​จัดแจง​สิ่ง​สาร​พัตร, และ​มี​คำ​เขียน​ไว้​ว่า​อย่างไร​ถึง​บุตร​มนุษย์​ว่า​พระ​องค์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์​เวทนา​หลาย​ประการ, และ​คน​จะ​ดู​หมิ่น​ละ​ทิ้ง​ท่าน​เสีย?

13 แต่​เรา​บอก​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า เอ​ลี​ยา​นั้น​ได้​มา​แล้ว, และ​ซึ่ง​เขา​ใคร่​ทำ​แก่​ท่าน​อย่างไร​เขา​ก็​ได้​กระทำ​แล้ว, ตาม​ที่​มี​คำ​เขียน​กล่าว​ไว้​ถึง​ท่าน.”


ทรง​ขับ​ผี​โสโครก​ออก​จาก​เด็ก

14 เมื่อ​พระ​องค์​ได้​เสด็จ​มา​ยัง​เหล่า​สาวก ก็​เห็น​ประชาชน​เป็น​อัน​มาก​อยู่​ล้อม​รอบ​เขา, และ​พวก​อาลักษณ์​กำลัง​ซักไซ้​ไล่​เลียง​กับ​เขา​อยู่.

15 เมื่อ​ประชาชน​เห็น​พระ​องค์​ก็​ประหลาด​ใจ​นัก, จึง​วิ่ง​เข้า​มา​เคารพ​พระ​องค์​ทันที.

16 พระ​องค์​จึง​ตรัส​ถาม​พวก​อาลักษณ์​ว่า, “ท่าน​มา​ซักไซ้​ไล่​เลียง​กับ​เขา​ด้วย​ข้อความ​อัน​ใด?”

17 มี​คน​หนึ่ง​ใน​หมู่​นั้น​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า, “อาจารย์​เจ้า​ข้า. ข้าพ​เจ้า​ได้​พา​บุตรชาย​ของ​ข้าพ​เจ้า​ที่​มี​ผี​ใบ้​สิง​อยู่​มา​หา​พระ​องค์.

18 ผี​นั้น​พา​บุตร​ไป​ข้าง​ไหน​ก็​ทำ​ให้​ลม​ชัก​ดิ้น​ไป, มี​อาการ​น้ำลาย​ฟูม​ปาก​และ​ขบ​เขี้ยว​เคี้ยว​ฟัน​แล้ว​ซูบ​ผอม​ไป. ข้าพ​เจ้า​ได้​ขอ​เหล่า​สาวก​ของ​ท่าน​ให้​ขับ​ผี​นั้น​ออก​เสีย​แต่​เขา​ขับ​ให้​ออก​ไม่ได้.”

19 พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​คน​เหล่านั้น​ว่า, “โอ​คน​ใน​ยุค​ที่​ขาด​ความ​เชื่อ, เรา​จะ​อดทน​อยู่​กับ​เร้า​นาน​เท่าใด? จง​พา​เด็ก​นั้น​มา​หา​เรา​เถิด.”

20 เขา​ก็​พา​เด็ก​นั้น​มา​หา​พระ​องค์. และ​เมื่อ​เห็น​พระ​องค์​แล้ว, ผี​นั้น​จึง​ทำ​ให้​เขา​ชัก​ล้ม​ลง​กลิ้ง​เกลือก​ที่​ดิน​มี​น้ำลาย​ฟูม​ปาก.

21 พระ​องค์​จึง​ตรัส​ถาม​บิดา​นั้น​ว่า, “เป็น​อย่าง​นี้​มา​นาน​สัก​เท่าไร?” บิดา​ทูล​ตอบ​ว่า, “ตั้งแต่​เป็น​เด็ก​เล็กๆ มา,

22 และ​ผี​ก็​ทำ​ให้​เด็ก​ตก​ใน​ไฟ และ​ใน​น้ำ​บ่อยๆ หมาย​จะ​ฆ่า​เสีย​ให้​ตาย แต่​ถ้า​พระ​องค์​สามารถ​ช่วย​ได้, ขอ​พระ​องค์​โปรด​กรุณา​เถิด.”

23 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​แก่​บิดา​นั้น​ว่า, “ ‘ถ้า​ช่วย​ได้’ นะ​หรือ ใคร​เชื่อ​ก็​ทำ​ให้​ได้​ทุก​สิ่ง.”

24 ทันใด​นั้น​บิดา​ของ​เด็ก​ก็​ร้อง​ทูล​ว่า, “ข้าพ​เจ้า​เชื่อ, ที่​ข้าพ​เจ้า​ยัง​ขาด​ความ​เชื่อ​นั้น​ขอ​ทรง​โปรด​ช่วย​เถิด.”

25 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​เห็น​ประชาชน​กำลัง​วิ่ง​เข้า​มา, พระ​องค์​ทรง​ตวาด​ผี​โสโครก​นั้น​ว่า, “อ้าย​ผี​ใบ้​หู​หนวก, เรา​สั่ง​เอ็ง​ให้​ออก​จาก​เขา​เถิด, อย่า​ได้​กลับ​เข้า​สิง​เขา​อีก​เลย.”

26 ผี​นั้น​จึง​ร้อง​อื้อ​อึง​ทำ​ให้​เด็ก​นั้น​ซัก​ดิ้น​เป็น​อัน​มาก แล้ว​ก็​ออกมา เด็ก​นั้น​ก็​แน่​นิ่ง​เหมือน​คน​ตาย จน​มี​หลาย​คน​กล่าว​ว่า, “เขา​ตาย​แล้ว.”

27 แต่​พระ​เยซู​ทรง​จับ​มือ​พะยุง​เด็ก​นั้นๆ ก็​ยืน​ขึ้น.

28 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ใน​เรือน​แล้ว, เหล่า​สาวก​มา​ทูล​ถาม​พระ​องค์​เป็น​ส่วนตัว​ว่า, “เหตุ​ไฉน​พวก​ข้าพ​เจ้า​ยับ​ผี​นั้น​ออก​ไม่ได้?”

29 พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เข​า​ว่า. “ผี​อย่าง​นี้​จะ​ขับ​ให้​ออก​ไม่ได้​เลย. เว้น​แต่​โดย​คำ​อธิษฐาน​เท่านั้น.”

30 พระ​องค์​กับ​เหล่า​สาวก​จึง​ออกไป​จาก​ที่​นั่น​ดำเนิน​ไป​ใน​แขวง​ฆา​ลิ​ลาย แต่​พระ​องค์​ไม่​พอ​พระทัย​จะ​ให้​ผู้ใด​รู้.

31 ด้วย​ว่า​พระ​องค์​ได้​ตรัส​สอน​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า. “บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​คน​ทั้ง​หลาย, และ​เขา​จะ​ฆ่า​ท่าน​เสีย เมื่อ​ฆ่า​แล้ว ได้​สาม​วัน​ท่าน​จะ​เป็น​ขึ้นมา​ใหม่.”

32 แต่​ถ้อยคำ​นี้​เหล่า​สาวก​หา​เข้าใจ​ไม่​ครั้น​จะ​ทูล​ถาม​พระ​องค์​ก็​เกรง​พระทัย


สาวก​เถียง​กัน​ว่า​คน​ไหน​จะ​เป็น​ใหญ่

33 พระ​องค์​จึง​เสด็จ​มายัง​เมือง​กัปเร​นา​อูม, และ​เมื่อ​เข้า​ไป​ใน​เรือน​แล้ว, พระ​องค์​ตรัส​ถาม​เหล่า​สาว​กว่า, “เมื่อ​มา​ตาม​ทาง​นั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​โต้แย้ง​กัน​ด้วย​ข้อความ​อัน​ใด?”

34 เหล่า​สาวก​ก็​นิ่ง​อยู่, เพราะ​เมื่อ​มา​ตาม​ทาง​นั้น​เขา​ได้​เถียง​กัน​ว่า. คน​ไหน​จะ​เป็น​ใหญ่.

35 พระ​เยซู​ได้​ประทับ, แล้ว​ทรง​เรียก​สาวก​สิบ​สอง​คน​นั้น​มา​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “ถ้า​ผู้ใด​ใคร่​จะ​ได้​เป็น​คน​ต้น, ก็​ให้​ผู้​นั้น​เป็น​คน​ท้าย​สุด, และ​เป็น​ผู้รับ​ใช้​ของ​คน​ทั้ง​ปวง.”

36 พระ​องค์​จึง​เอา​เด็ก​เล็กๆ คน​หนึ่ง​มา ให้​ยืน​ท่ามกลาง​เหล่า​สาวก​แล้ว​อุ้ม​เด็ก​นั้น​ไว้ ตรัส​แก่​เหล่า​สาวก​ว่า,

37 “ถ้า​ผู้ใด​จะ​รับ​เด็ก​เล็กๆ เช่นนี้​คน​หนึ่ง​ใน​นาม​ของ​เรา, ผู้​นั้น​ก็​รับ​เรา, และ​ผู้ใด​ได้รับ​เรา, ผู้​นั้น​ก็​รับ​มิใช่​แต่​เรา​ผู้​เดียว, แต่​รับ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา​ด้วย.”


“ผู้ใด​ไม่​เป็น​ฝ่าย​ต่อสู้​เรา​ก็​เป็น​ฝ่าย​เรา”

38 โยฮัน​จึง​ทูล​พระ​องค์​ว่า, “อาจารย์​เจ้า​ข้า, พวก​ข้าพ​เจ้า​ได้​เห็น​คน​หนึ่ง​ขับ​ผี​ออก​ใน​นาม​ของ​พระ​องค์, และ​พวก​ข้าพ​เจ้า​ได้​ห้าม​เขา​เสีย, เพราะ​เขา​มิได้​ตาม​เรา​มา.”

39 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ตอบ​ว่า, “อย่า​ห้าม​เขา​เลย, เพราะว่า​ไม่​มี​ผู้ใด​จะ​กระทำ​การ​อิทธิฤทธิ์​ใน​นาม​ของ​เรา, แล้ว​อีก​ประเดี๋ยว​หนึ่ง​อาจ​กลับ​พูด​ประมาท​หมิ่น​เรา.

40 เพราะ​ผู้ใด​ไม่​เป็น​ฝ่าย​ต่อสู้​เรา, ผู้​นั้น​เป็น​ฝ่าย​เรา​แล้ว.

41 ผู้ใด​จะ​เอา​น้ำ​จอก​หนึ่ง​ให้​พวก​ท่าน​กิน, เพราะ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ฝ่าย​พระ​คริสต์, เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า, ผู้​นั้น​จะ​ขาด​บำเหน็จ​ก็​หา​มิได้.

42 แต่​ผู้ใด​จะ​นำ​ผู้​เล็กน้อย​เหล่านี้​คน​หนึ่ง​ที่​เชื่อ​ใน​เรา​ให้​หลง​ผิด. ถ้า​ได้​เอา​หิน​โม่​แป้ง​ก้อน​ใหญ่​ผูก​คอ​ผู้​นั้น​ถ่วง​เสีย​ใน​ทะเล​ก็​ดีกว่า.

43 ถ้า​มือ​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​หลง​ผิด, จง​ตัดทิ้ง​เสีย ที่​จะ​เข้า​ใน​ชีวิต​มือ​ด้วน​ดี​กว่า​มี​มือ​สอง​มือ​และ​ต้อง​ถูก​ทิ้ง​ใน​นรก​ใน​ไฟ​ที่​ไม่​รู้​ดับ.”

45 ถ้า​เท้า​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​หลง​ผิด, จง​ตัดทิ้ง​เสีย ที่​จะ​เข้า​ใน​ชีวิต​เท้า​ด้วน​ดีกว่า​มี​เท้า​สอง​เท้า และ​ต้อง​ถูก​ทิ้ง​ใน​นรก.

46-47 ถ้า​ตา​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​ท่าน​หลง​ผิด. จง​ควัก​ออก​ทิ้ง​เสีย ที่​จะ​เข้า​ใน​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า​ด้วย​ตาย้าง​เดียว​ดี​กว่า​มี​ตา​สอง​ข้าง และ​ต้อง​ถูก​ทิ้ง​ใน​นรก

48 ใน​ที่​นั่น​ตัว​หนอน​ก็​ไม่​ตาย, และ​ไฟ​ก็​ไม่​ดับ​เลย.

49 ด้วย​ว่า​คน​ทั้ง​ปวง​จะต้อง​ถูก​เคล้า​เกลือ​แล้ว​ชำระ​ด้วย​ไฟ.

50 เกลือ​เป็น​ของ​ดี, แต่​ถ้า​เกลือ​หมด​รส​เค็ม​แล้ว. จะ​ทำ​ให้​กลบ​เค็ม​อีก​อย่างไร​ได้? ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​มี​เกลือ​ใน​ตัว, และ​จง​อยู่​สงบ​สุข สามัคคี​ซึ่ง​กัน​และ​กัน.”

พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society

Thailand Bible Society
Lean sinn:



Sanasan