มัทธิว 7 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940อย่ากล่าวโทษผู้อื่น 1 “อย่ากล่าวโทษเขา, เพื่อเขาจะไม่กล่าวโทษท่าน. 2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร, เขาจะกล่าวโทษท่านอย่างนั้น, และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด, เขาจะตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น. 3 เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน, แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านท่านก็ไม่รู้สึก? 4 หรือเหตุไฉนท่านจะว่าแก่พี่น้องว่า. ‘ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่าน’, แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่ที่ในตาของท่านเอง? 5 เจ้าคนหน้าซื่อใจคด, จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของเจ้าก่อน, แล้วเจ้าจะเห็นได้ถนัด, จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของเจ้าได้ 6 “อย่าให้ของประเสริฐแก่สุนัขอย่าโยนแก้วมุกดาให้แก่สุกร, เกลือกว่ามันจะเหยียบย่ำเสียแล้วจะหันกลับมากัดตัวท่านด้วย การขอ 7 “จงขอแล้วจะไค้, จงหาแล้วจะพบ, จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน. 8 เพราะว่าทุกคนที่ขอก็จะได้, ทุกคนที่แสวงหาก็จะพบ, ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา. 9 ในพวกท่านมีคนใดถ้าบุตรขอขนมปังจะเอาก้อนหินให้บุตรหรือ? 10 ถ้าบุตรขอปลาจะเอางูให้หรือ? 11 เหตุฉะนั้นถ้าท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน, ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาของท่านผู้อยู่ในสวรรค์จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์. 12 เหตุฉะนั้นสิ่งสารพัตรซึ่งท่านปรารถนาให้มนุษย์ทำแก่ท่าน, จงกระทำอย่างนั้นแก่เขาเหมือนกัน, เพราะว่าพระบัญญัติและคำของศาสดาพยากรณ์สอนดังนั้น ประตูคับแคบ 13 “จงเข้าไปทางประตูคับแคบ. เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างนำไปถึงความพินาศ. และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก. 14 เพราะว่าประตูคับและทางแคบซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็มีผู้พบปะน้อย 15 “ท่านทั้งหลายจงระวังผู้พยากรณ์เท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ, แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจสุนัขป่า. 16 ท่านจะรู้จักเขาเพราะผลของเขา. เขาเคยเก็บผลองุ่นจากต้นระกำหรือ? เขาเคยเก็บผลมะเดื่อเทศจากต้นไม้มีหนามหรือ? 17 ดังนั้นแหละต้นไม้ดีทุกต้นก็ย่อมเกิดผลดี, แต่ต้นไม้ชั่วก็ย่อมเกิดผลชั่ว. 18 ต้นไม้ดีจะเกิดผลชั่วก็ไม่ได้, หรือต้นไม้ชั่วจะเกิดผลดีก็ไม่ได้. 19 ต้นไม้ทุกต้นซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องฟันทิ้งเสียในไฟ. 20 เหตุฉะนั้นท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา. 21 มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า, พระองค์เจ้าข้า ‘จะได้เข้าในเมืองสวรรค์, แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์นั้นจึงจะเข้าได้. 22 ในวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า. ‘พระองค์เจ้าข้า, พระองค์เจ้าข้า, ข้าพเจ้าได้สั่งสอนในพระนามของพระองค์, และได้ขับผีออกด้วยพระนามของพระองค์, และได้กระทำการอัศจรรย์มากด้วยออกพระนามของพระองค์มิใช่หรือ?’ 23 ขณะนั้นเราจะกล่าวแก่เขาว่า. ‘เราไม่รู้จักเจ้าเลย. เจ้าทั้งหลายผู้ประพฤติล่วงพระบัญญัติ จงถอยไปจากเรา.’ สร้างเรือนบนศิลา 24 “เหตุฉะนั้นทุกคนที่เคยฟังคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม, เราจะเปรียบเขาเช่นกับคนมีปัญญาคนหนึ่งที่สร้างเรือนของตนไว้บนศิลา 25 ฝนก็ตกและนั้าก็ไหลเชี่ยว, ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น, แต่เรือนมิได้พังลงเพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา. 26 ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตาม. เราจะเปรียบเขาเช่นกับคนโง่คนหนึ่งที่สร้างเรือนของตนไว้บนทราย 27 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว, ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น. เรือนนั้นก็พังลงความพินาศของเรือนนั้นก็ใหญ่ยิ่ง.” 28 ครั้นพระเยซูตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้ว, ประชาชนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ 29 เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาดุจผู้มีอาชญา, หาเหมือนพวกอาลักษณ์ของเขาไม่ |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society