มัทธิว 26 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว, จึงรับสั่งแก่พวกสาวกของพระองค์ว่า, 2 “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัศคา บุตรมนุษย์จะต้องมอบไว้ให้เขาตรึงที่กางเขน.” 3 ครั้งนั้นพวกปุโรหิตใหญ่และผู้เฒ่าของพลเมืองได้ประชุมกันที่ลานบ้านของมหาปุโรหตชื่อกายะฟา, 4 ปรึกษากันเพื่อจะจับพระเยซูฆ่าเสียด้วยอุบาย. 5 แต่เขาตกลงกันว่า, “ในวันเลี้ยงอย่าเพ่อทำ, เกลือกว่าจะเกิดวุ่นวายในฝูงคน.” หญิงเทน้ำมันลงบนพระเศียร 6 ในเวลาที่พระเยซูประทับอยู่ที่หม่บ้านเบธาเนียในเรือนของซีโมนคนโรคเรื้อน, 7 มีหญิงผู้หนึ่งถือผะอบนํ้ามันหอมราคามากมาเฝ้าพระองค์แล้วเทน้ำมันนั้นลงบนพระเศียรของพระองค์ขณะเมื่อทรงนั่งเสวยพระกระยาหารอยู่. 8 พวกสาวกของพระองค์เมื่อเห็นก็ไม่พอใจจึงว่า, “ทำให้ของเสียทำไม? 9 นํ้ามันนั้นถ้าขายก็คงได้เงินมาก, แล้วจะแจกให้คนจนก็ได้.” 10 พระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า, “ทำให้หญิงนี้เสียใจทำไม? เขาได้กระทำการดีแก่เรา. 11 เพราะว่าคนจนจะอยู่กับท่านเป็นนิตย์, แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอไป. 12 ซึ่งหญิงนี้ได้เทน้ำมันหอมบนกายเราเขากระทำเพื่อการศพของเรา. 13 เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, กิตติคุณนี้จะประกาศที่ไหนๆ ทั่วพิภพ, การซึ่งหญิงนี้ได้กระทำก็จะเลื่องลือไปเป็นที่ระลีกถึงเขาที่นั่น.” 14 ครั้งนั้นยูดาอิศการิโอด, เป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคน, ได้ไปหาพวกปุโรหิตใหญ่ 15 ถามว่า, “ถ้าข้าพเจ้าจะมอบพระองค์ไว้แก่ท่าน, ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไร?” ฝ่ายเขาก็ชั่งเงินให้แก่ยูดาสามสิบแผ่น. 16 ตั้งแต่นั้นมายูดาคอยหาช่องที่จะมอบพระองค์ให้แก่เขา 17 เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมไม่มีเชื้อ, พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า, “จะให้ข้าพเจ้าจัดเตรียมปัศคาให้พระองค์เสวยที่ไหน?” 18 พระองค์จึงทรงตอบว่า, “จงเข้าไปหาผู้หนึ่งในเมืองบอกเขาว่า. ‘พระอาจารย์ว่า, “เวลาของเรามาใกล้แล้วเราจะถือปัศคาที่บ้านของท่านพร้อมกับพวกสาวกของเรา.” ’ 19 ฝ่ายสาวกเหล่านั้นก็กระทำตามรับสั่ง, แล้วได้จัดเตรียมปัศคาไว้พร้อม ทรงถือปัศคาพร้อมกับสาวก 20 ครั้นถึงเวลาพลบค่ำพระองค์ทรงนั่งโต๊ะกับสาวกสิบสองคน. 21 เมื่อรับประทานอยู่จึงตรัสว่า, “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, คนหนึ่งในพวกท่านจะมอบเราไว้.” 22 ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์มัก, ต่างคนต่างทูลถามพระองค์ว่า, “พระองค์เจ้าข้า, คือข้าพเจ้าหรือ” 23 พระองค์ตรัสตอบว่า, “ผู้ที่จิ้มในชามเดียวกันกับเรา, ผู้นั้นแหละที่จะมอบเราไว้. 24 บุตรมนุษย์จะเสด็จไปเหมือนกับที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ว่าด้วยพระองค์นั้น, แต่วิบัติแก่ผู้ที่จะมอบบุตรมนุษย์ไว้ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะดีกว่า.” 25 ยูดาที่ได้มอบพระองค์ทูลถามว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, คือข้าพเจ้าหรือ” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า, “ท่านว่าถูกแล้ว.” โลหิตจะต้องเทออกเพื่อไถ่โทษ 26 เมื่อกำลังรับประทานอาหารอยู่, พระเยซูทรงหยิบขนมปังมาขอพระพร, แล้วทรงหักส่งให้แก่พวกสาวกและตรัสว่า, “จงรับกินเถิดนี่เป็นภายของเรา.” 27 แล้วทรงหยิบจอกมาโมทนาพระคุณ, ส่งให้แก่เขาและตรัสว่า, “จงกินจากจอกนี้ทุกคนเถิด 28 ด้วยนี่เป็นโลหิตแห่งคำสัญญาของเรา, ซึ่งต้องเทออกเพื่อไถ่โทษคนเป็นอันมาก. 29 เราบอกท่านทั้งหลายว่า, เราจะไม่กินผลแห่งต้นองุ่นนี้ต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง, คือวันที่เราจะกินกับพวกท่านใหม่ในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา.” 30 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว, เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ 31 ครั้งนั้นพระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะกะดากใจเพราะเราด้วยมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า, เราจะตีผู้เลี้ยงแกะ, และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป. 32 แต่เมื่อเราเป็นขึ้นมาแล้ว, เราจะนำหน้าท่านไปยังแขวงฆาลิลาย.” 33 ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า, “แม้คนทั้งปวงจะสะดุดกะดากใจเพราะพระองค์, ข้าพเจ้าจะสะดุดกะดากใจหามิได้เลย” 34 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “เราบอกท่านตามจริงว่า, ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขันท่านจะปฎเสธเราถึงสามครั้ง.” 35 เปโตรทูลพระองค์ว่า, “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายกับพระองค์, ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” พวกสาวกทั้งปวงก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกัน ทรงอธิษฐานสามครั้ง 36 แล้วพระเยซูทรงพาสาวกมายังตำบลหนึ่งเรียกว่าเฆ็ธเซมาเน, แล้วรับสั่งว่า, “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราจะไปอธิษฐานที่โน่น.” 37 พระองค์ก็พาเปโตรกับบุตรทั้งสองของเซเบดายไปด้วย ขณะนั้นพระองค์ทรงโศกเศร้าโทมนัสส์ในพระทัยยิ่งนัก, 38 จึงตรัสแก่เขาว่า, “จิตต์ใจของเราเป็นทุกข์เพียงจะตายจงเฝ้าอยู่กับเราที่นี่เถิด.” 39 แล้วทรงพระดำเนินไปจากเขาหน่อยหนึ่งก็ทอดพระกายและซบพระพักตรลงอธิษฐานว่า, “โอพระบิดาของข้าพเจ้า, ถ้าเป็นได้ขอให้จอกนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพเจ้าเถิดแต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพเจ้า, แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์.” 40 แล้วเสด็จกลับมายังสาวกเหล่านั้น, เห็นเขาหลับอยู่จึงตรัสแก่เปโตรว่า, “เป็นอย่างไรนะ, ท่านทั้งหลายจะเฝ้าอยู่กับเราสักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ 41 จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน, เพื่อท่านจะไม่ได้เข้าในการทดลอง จิตต์ใจพร้อมแล้วก็จริง, แต่เนี้อหนังยังอ่อนกำลัง.” 42 พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สองอีกว่า, “โอพระบิดาของข้าพเจ้า, ถ้าจอกนี้เคลื่อนไปจากข้าพเจ้าไม่ได้, และข้าพเจ้าจำต้องดื่มแล้ว, ก็ให้เป็นไปตามนํ้าพระทัยของพระองค์.” 43 แล้วพระองค์เสด็จมาหาสาวกเหล่านั้นอีก, ทรงเห็นเขาหลับอยู่เพราะตาเขาปรือง่วงนอน, 44 จึงทรงละเขาไว้เสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สามเหมือนคราวก่อนๆ อีก 45 แล้วเสด็จมายังพวกสาวกตรัสว่า, “ท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือนี่แน่ะ เวลาซึ่งบุตรมนษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือคนบาปนั้นมาใกล้แล้ว. 46 ลุกขึ้น, ให้เราพากันไปเถอะผู้ที่จะมอบเราไว้มาใกล้แล้ว.” เขาก็จับกุมพระองค์ไป 47 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ, นี่แน่ะ ยูดาซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคนนั้น, กับฝูงคนเป็นอันมากถือดาพถือไม้ตะบอง, ได้มาจากพวกปุโรหิตใหญ่และผู้เฒ่าแก่แห่งพลเมือง. 48 ผู้ที่จะมอบพระองค์นั้นได้ให้อาณัติสัญญาแก่เขาว่า, “เราจะจุบผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหละจงจับคุมเขาไว้.” 49 ขณะนั้นยูดาตรงมาหาพระเยซูทูลว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, ข้าพเจ้ายินดีที่พบอาจารย์,” แล้วก็จุบพระองค์. 50 พระเยซูได้ตรัสแก่เขาว่า, “สหายเอ๋ย, จงทำตามที่ท่านตั้งใจมานั้นเถิด.” เขาก็จับคุมพระองค์ไป. 51 มีคนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูชักดาพออกฟันหูทาสคนหนึ่งของมหาปุโรทิตขาด. 52 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า, “จงเอาดาพใส่ฝักเสีย ด้วยว่าบรรดาผู้ถือดาพจะต้องพินาศเพราะดาพ. 53 ท่านถือว่าเราจะขอพระบิดาของเรา, และในประเดี๋ยวเดียวพระองค์จะทรงประทานทูตสวรรค์แก่เรากว่าสิบสองกองไม่ใด้หรือ 54 ถ้าอย่างนั้นคำที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่าจำจะต้องเป็นอย่างนั้นจะสำเร็จอย่างไรได้?” 55 ขณะนั้นพระเยซูได้ตรัสแก่ฝูงคนว่า, “ท่านทั้งหลายถือดาพถือตะบองออกมาจับเราเหมือนจะจับโจรหรือเราได้นั่งสั่งสอนในโบสถ์ทุกวันท่านก็หาได้จับเราไม่. 56 แต่เหตุการณ์ที่ได้บังเกิดขึ้นทั้งนี้เพื่อคำของศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์จะสำเร็จ.” แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป ต่อหน้ามหาปุโรหิต 57 ผู้ที่จับพระเยซูได้พาพระองค์ไปถึงบ้านกายะฟามหาปุโรหิต, ที่พวกอาลักษณ์และผู้เฒ่าแก่ได้ประชุมกันอยู่นั้น. 58 เปโตรได้ติดตามพระองค์ไปแต่ห่างๆ จนมาถึงบ้านของมหาปุโรหิต, แล้วเข้าไปนั่งข้างในลานกับคนใช้ของมหาปุโรหิตจะคอยฟังความนั้นจนเสร็จสิ้น. 59 พวกปุโรหิตใหญ่กับบรรดาตระลาการจึงหาพะยานเท็จมาเบิกปรักปรำพระเยซูเพื่อจะประหารพระองค์เสีย. 60 ถึงแม้มีพะยานเท็จหลายคนแต่หลักฐานยังไม่พอ. ภายหลังมีสองคนมาเบิก 61 ว่า, “คนนี้ได้ว่า, เราสามารถจะทำลายโบสถ์ของพระเจ้าและจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน” 62 มหาปุโรหิตจึงลุกขึ้นถามพระองค์ว่า, “เจ้าไม่ตอบอะไรหรือ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นพะยานปรักปรำเจ้า?” 63 พระเยซูก็ทรงนิ่งอยู่. มหาปุโรหิตจึงว่า, “เราให้เจ้าสาบานต่อพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่, ให้บอกเราว่า, เจ้าเป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้าหรือไม่?” 64 พระเยซูตรัสตอบว่า, “ท่านว่าถูกแล้วและยิ่งกว่านั้นอีกเราบอกท่านทั้งหลายว่า, ในเวลาเบื้องหน้านั้นท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธานุภาพ, และเสด็จมาบนเมฆฟ้า.” 65 ขณะนั้นมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนแล้วว่า, “เขาพูดหมิ่นประมาทแล้วเราต้องการพะยานอะไรอีกเล่า? นี่แน่ะ ท่านทั้งหลายก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทของเขาแล้ว 66 ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร?” คนทั้งปวงก็ตอบว่า, “ควรปรับโทษถึงตาย.” 67 แล้วเขาถ่มนํ้าลายรดพระพักตรและตีพระองค์, และลางคนเอามือตบพระองค์ 68 แล้วว่า, “เจ้าพระคริสต์, จงทายให้เราฟังว่าใครตบ.” เปโตรปฏิเสธพระองค์ 69 เวลานั้นเปโตรนั่งอยู่นอกตึกที่ลานบ้าน. มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า, “ท่านได้อยู่กับเยซูชาวฆาลิลายด้วย.” 70 แต่เปโตรได้ปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า, “ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่อง.” 71 เมื่อเปโตรจะออกประตูบ้านไป, สาวใช้อีกคนหนึ่งแลเห็น, จึงบอกคนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นว่า, “คนนี้ได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย.” 72 เปโตรจึงปฏิเสธอีกทั้งสาบานว่า, “คนนั้นข้าไม่รู้จัก.” 73 อีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นก็มาว่าแก่เปโตรว่า, “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่แล้ว, ด้วยว่าภาษาของเจ้าส่อตัวเจ้าเอง.” 74 เปโตรก็สบถสาบานและว่า, “ข้าไม่รู้จกคนนั้น.” ในบัดเดี๋ยวนั้นไก่ก็ขัน. 75 เปโตรก็ระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า, “ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง.” แล้วเปโตรออกไปร้องไห้ข้างนอกเป็นทุกข์ยิ่งนัก |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society