มัทธิว 25 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940หญิงพรหมจารีสิบคน 1 “ขณะนั้นแผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคน, ถือตะเกียงของตนออกไปรับเจ้าบ่าว. 2 เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน. เป็นคนโง่ห้าคน. 3 ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป. แต่หาได้เอานํ้ามันไปด้วยไม่. 4 ส่วนคนที่มีปัญญานั้นได้เอานํ้ามันใส่กาไปกับทั้งตะเกียงของตนด้วย. 5 เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ก็พากันง่วงเหงาหลับไป. 6 ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า. ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว, จงออกมารับท่านเถิด’ 7 พวกพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน. 8 พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า. ‘ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้างตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว.’ 9 พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า. ‘น่ากลัวนํ้ามันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า, จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า.’ 10 เมื่อเขากำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง. ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้เข้าไปกับท่านในงานสมรสแล้วก็ปิดประตูเสีย. 11 ภายหลังพรหมจารีพวกนั้นมาร้องว่า, ท่านเจ้าข้าๆ, ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย.’ 12 ฝ่ายท่านตอบว่า, เราบอกเจ้าทั้งหลายตามจริงว่า, เราไม่รู้จักเจ้า.’ 13 เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่, เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น.” คำเปรียบ: เงินตะลันต์ 14 “และยังเปรียบเหมือนชายผู้หนึ่งออกไปเที่ยวเมืองอื่น, จึงเรียกพวกบ่าวของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้. 15 คนหนึ่งท่านให้ถ้าตะลันต์, คนหนึ่งสองตะลันต์, และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว, ตามความสามารถของบ่าวนั้นแล้วท่านก็ไป. 16 คนที่ได้รับถ้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันทีได้กำไรเท่าตัว. 17 คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน. 18 แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้. 19 ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับบ่าวเหล่านั้น. 20 คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า. ‘นายเจ้าข้า, ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้าดูเถิด, ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์.’ 21 นายจึงตอบว่า. ‘ดีแล้ว, เจ้าเป็นบ่าวซื่อตรงดี เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย, เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงร่วมความยินดีกับนายเถิด.’ 22 คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นมาชี้แจงด้วยว่า. ‘นายเจ้าข้า, ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า, ดูเถิด, ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์.’ 23 นายจึงตอบว่า. ‘ดีแล้ว, เจ้าเป็นบ่าวซื่อตรงดี เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย, เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงร่วมความยินดีกับนายเถิด.’ 24 ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นมาชี้แจงด้วยว่า. ‘นายเจ้าข้า, ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง, เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน, เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย 25 ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาทรัพย์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด, ของๆ ท่านเท่าไรท่านก็ได้เท่านั้น 26 นายจึงตอบว่า. ‘อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน, เจ้าก็รู้อยู่ว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน. เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย 27 เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร. เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย. 28 เพราะฉะนั้นจงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นไปไห้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์. 29 ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้ว, จะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นมีบริบูรณ์แต่ผู้ที่ไม่มี, แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่นั้นก็จะต้องเอาไปจากเขา. 30 เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน.’ เหมือนผู้เลี้ยงแยกแกะออกจากแพะ 31 “เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยรัศมีภาพของพระองค์กับทั้งหมู่ทูตสวรรค์, เมื่อนั้นพระองค์จะทรงนั่งบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์ 32 บรรดาชนชาติต่างๆ จะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตรพระองค์. และพระองค์จะทรงแยกเขาทั้งหลายออกจากกัน. เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ 33 ส่วนฝูงแกะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์. แต่ฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องซ้าย. 34 ขณะนั้นพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า. ‘ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา. จงมารับเอาแผ่นดินซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก. 35 เพราะว่าเมื่อเราอยากอาหารท่านก็ได้จัดหาให้เรากิน, เรากระหายนํ้าท่านก็ได้ให้เราดื่ม, เราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้, 36 เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม, เมื่อเราเจ็บท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา, เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคารท่านก็ได้มาหาเรา. 37 เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า. ‘พระองค์เจ้าข้า. ที่ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ทรงอยากพระกระยาหารหรือทรงกระหายนํ้าและได้จัดมาถวายแก่พระองค์แต่เมื่อไร? 38 ที่ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้. หรือเปลือยพระกายและได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร? 39 ที่ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ทรงประชวรหรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร, และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร?’ 40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่เขาว่า. ‘เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า. ซึ่งท่านได้กระทำแก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้. ก็เหมือนท่านได้กระทำแก่เราด้วย.’ “ซึ่งได้กระทำแก่ผู้เล็กน้อยก็ได้กระทำแก่เรา” 41 พระองค์จึงตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายว่า. ‘เจ้าทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาป, จงถอยไปจากเราเข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์. ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารและพรรคพวกของมันนั้น. 42 เพราะว่าเมื่อเราอยากอาหารเจ้าก็มิได้ให้เรากิน, เรากระหายนํ้าเจ้าก็มิได้ให้เราดื่ม 43 เราเป็นแขกแปลกหน้าเจ้าก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้, เราเปลือยกายเจ้าก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม. เราเจ็บและต้องจำอยู่ในพันธนาคารเจ้าก็ไม่ได้เยี่ยมเรา.’ 44 เขาทั้งหลายจะทูลว่า. ‘พระองค์เจ้าข้า, ที่ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร, หรือทรงกระหายน้ำ, หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าและเปลือยพระกาย. หรือทรงประชวรและต้องจำอยู่ในพันธนาคาร, และข้าพเจ้ามิได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นแต่เมื่อไร?’ 45 เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสแก่เขาว่า. ‘เราบอกเจ้าทั้งหลายตามจริงว่า. ซึ่งเจ้ามิได้กระทำแก่ผู้เล็กน้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้. เจ้าก็มิได้กระทำแก่เราด้วย.’ 46 และพวกเหล่านี้จะต้องไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์, แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าในชีวิตนิรันดร์.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society