มัทธิว 22 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940ผู้รับเชิญมากแต่ผู้ถูกเลือกน้อย 1 พระเยซูตรัสแก่เขาเป็นคำอุปมาอีกว่า, 2 “แผ่นดินสวรรค์อุปมาเหมือนกษัตริย์องค์หนึ่งได้จัดการเตรียมอภิเษกมเหษีให้ราชโอรสของท่าน 3 แล้วใช้ข้าราชการไปตามผู้ที่รับเชิญในการนี้, แต่เขาไม่ใคร่จะมา. 4 ท่านยังใช้ข้าราชการอื่นไปอีก รับสั่งให้บอกผู้รับเชิญนั้นว่า. ‘ดูเถอะ, เราได้จัดการเลี้ยงไว้แล้ว, ทั้งวัวและสัตว์อ้วนพีของเราก็ฆ่าไว้เสร็จ. สิ่งสารพัตรก็เตรียมไว้พร้อม. จงมาในการนี้เถิด.’ 5 แต่เขาก็เพิกเฉยเสียบางคนก็ไปไร่นาของตน. บางคนก็ไปทำการค้าขาย. 6 ฝ่ายพวกอื่นนอกนั้นก็จับข้าราชการทำอัปยศต่างๆ แล้วฆ่าเสีย. 7 กษัตริย์องค์นั้นก็ทรงพระพิโรธ. จึงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบปรามคนร้ายเหล่านั้น. แล้วให้เผาบ้านเมืองเสีย. 8 ท่านจึงรับสั่งแก่ข้าราชการว่า. ‘การสมรสก็พร้อมอยู่แล้ว. แต่ผู้รับเชิญนั้นไม่สมกับการ 9 เหตุฉะนั้นจงออกไปตามทางแพร่ง. พบใครๆ ก็ให้เชิญมาในการนี้.’ 10 พวกข้าราชการจึงออกใปเชิญคนทั้งปวงตามทางแพร่ง แล้วแต่จะพบให้มาทั้งดีและชั่ว. จนการอภิเษกนั้นเต็มไปด้วยผู้รับเชิญ 11 แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จทอดพระเนตรผู้ที่รับเชิญ. ก็เห็นผู้หนึ่งมิได้สวมเสื้อสำหรับงาน 12 จึงรับสั่งถามว่า. ‘สหายเอ๋ย, เหตุไฉนมาที่นี่จึงไม่สวมเสื้อสำหรับงาน?’ ผู้นั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก. 13 ท่านจึงรับสั่งแก่พวกข้าราชการว่า. ‘จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก. ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน.’ 14 ด้วยผู้รับเชิญก็มาก. แต่ผู้ที่ถูกเลือกก็น้อย.” ของๆ พระเจ้าจงถวายแก่พระเจ้า 15 ขณะนั้นพวกฟาริซายไปปรึกษากันว่าจะจับผิดในถ้อยคำของพระองค์อย่างไรได้, 16 จึงใช้พวกศิษย์ของตนกับพวกเฮโรดให้ไปทูลพระองค์ว่า. “อาจารย์เจ้าข้า. ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบอยู่ว่าท่านเป็นผู้สัตย์ซื่อ. ได้สั่งสอนในทางของพระเจ้าจริงๆ โดยมิได้เกรงกลัวผู้ใดเพราะท่านมิได้เห็นแก่หน้าของบุคคล 17 เหตุฉะนั้นขอโปรดให้ข้าพเจ้าทราบว่าท่านคิดเห็นอย่างไรควรจะส่งส่วยให้แก่กายะซาหรือไม่?” 18 พระเยซูทรงทราบอุบายของเขาจึงตรัสว่า, “โอคนหน้าซื่อใจคด, จะทดลองเราทำไม? 19 จงให้เราดูเงินส่วยนั้น.” เขาจึงเอาเงินตราแผ่นหนึ่งถวายพระองค์. 20 พระองค์ตรัสถามเขาว่า. “รูปและคำจารึกนี้เป็นของไคร?” 21 เขาทูลว่า. “ของกายะซา.” พระองค์ตรัสแก่เขาว่า, “เหตุฉะนั้นของๆ กายะซาจงถวายแก่กายะซา, และของๆ พระเจ้าจงถวายแก่พระเจ้า.” 22 ครั้นเขาได้ยินก็ประหลาดใจ. จึงละพระองค์ไว้แล้วกลับไป 23 ในวันนั้นมีพวกซาดูกายมาหาพระองค์. พวกนี้เป็นผู้สอนว่า การที่เป็นขึ้นมาจากความตายไม่มี. 24 เขาถามว่า. “อาจารย์เจ้าข้า, โมเซสั่งว่า, ‘ถ้าผู้ใดตายยังไม่มีบุตรก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้สืบเผ่าพันธุ์ต่อไป.’ 25 ฝ่ายพวกข้าพเจ้ามีพี่น้องผู้ชายเจ็ดคน พี่ห้วปีมีภรรยาแล้วก็ตายเมื่อยังไม่มีบุตร. แล้วก็ละภรรยาไว้ให้แก่น้องชาย 26 ครั้นน้องที่สองที่สามตายก็ได้ละภรรยาไว้ให้เป็นภรรยาต่อๆ กันไปจนถึงคนที่เจ็ด. 27 ในที่สุดหญิงนั้นก็ตายด้วย. 28 ในวันที่เป็นขึ้นมาจากความตาย. หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของผู้ใดในเจ็ดคนนั้น? ด้วยนางได้เป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว” 29 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “พวกท่านเข้าใจผิดไม่รู้จักพระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า. 30 เพราะว่าเมื่อเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก, แต่เป็นเหมือนทูตสวรรค์. 31 แต่เรื่องที่เป็นขึ้นมาจากความตายนั้น, ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านหรือ, ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้แก่พวกท่านว่า, 32 ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮาม, พระเจ้าของยิศฮาค, และพระเจ้าของยาโคบ,’ ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย, แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น?” 33 ประชาชนทั้งปวงเมื่อได้ยินแล้วก็ประหลาดใจด้วยคำโอวาทของพระองค์. พระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่ 34 ฝ่ายพวกฟาริซายเมื่อได้ยินว่าพระองค์ทรงกระทำไห้พวกซาดูกายนิ่งอั้นอยู่, จึงประชุมกันที่นั่น. 35 มีบาเรียนผู้หนึ่งในพวกเขาจะใคร่ทดลองพระองค์, จึงถามว่า, 36 “อาจารย์เจ้าข้า. พระบัญญัติข้อใดเป็นใหญ่?” 37 พระเยซูทรงตอบเขาว่า, “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า. 38 นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่. 39 ข้อที่สองก็เหมือนกันคือ. จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง. 40 บัญญัติและคำพยากรณ์ทั้งสิ้นก็รวมอยู่ในพระบัญญัติสองข้อนี้.” 41 เมื่อพวกฟาริซายยังประชุมอยู่ที่นั่น, พระเยซูทรงถามว่า. 42 “พวกท่านคิดเห็นอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์? ท่านเป็นบุตรของผู้ใด?” เขาตอบว่า, “เป็นบุตรของดาวิด.” 43 พระองค์ตรัสถามเขาว่า. “ถ้าอย่างนั้นเป็นไฉนดาวิดโดยเดชพระวิญญาณจึงได้เรียกว่าพระเจ้า เช่น, 44 พระยะโฮวาเจ้าได้ตรัสแก่พระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าว่า. ‘จงนั่งที่ข้างขวาพระหัตถ์ของเรา กว่าเราจะปราบศตรูทั้งหลายของท่านให้อยู่ใต้พระบาทท่าน?’ 45 ถ้าดาวิดเรียกว่าพระเจ้า, ท่านจะเป็นบุตรของดาวิดอย่างไรได้?” 46 ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดอาจที่จะตอบพระองค์สักคำหนึ่ง. ตั้งแต่วันนั้นมาไม่มีใครกล้าซักถามพระองค์ต่อไป |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society