มัทธิว 19 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว. ได้เสด็จจากมณฑลฆาลิลายเข้าในเขตต์แดนมณฑลยูดายฟากแม่นํ้ายาระเดนข้างโน้น. 2 ประชาชนเป็นอันมากได้ตามพระองค์ไปแล้วพระองค์ทรงรักษาโรคของเขาให้หายที่นั่น คำสอนเรื่องเป็นสามีภรรยากัน 3 พวกฟาริซายมาทดลองพระองค์ทูลถามว่า. “ผู้ชายจะอย่าภรรยาของตนเพราะเหตุต่างๆ เป็นการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?” 4 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า, “พวกท่านไม่ได้อ่านหรือว่า, พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง, 5 และตรัสว่า. ‘เพราะเหตุนั้นบุรุษจึงต้องละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา, และเขาทั้งสองจะเป็นเนี้ออันเดียวกัน? 6 เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป, แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน. เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ผูกพันกันแล้ว. อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย.” 7 เขาจึงย้อนถามพระองค์ว่า, “ถ้าอย่างนั้นโมเซได้สั่งให้ทำหนังสืออย่าให้ภรรยาไปเสียทำไมเล่า?” 8 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า, “โมเซได้ยอมให้ท่านทั้งหลายอย่าภรรยาของตนเพราะใจท่านทั้งหลายแข็งกะด้าง. แต่เมื่อเดิมมิได้เป็นอย่างนั้น. 9 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า. ผู้ใดอย่าภรรยาของตนเพราะเหตุต่างๆ เว้นแต่ผิดกับชายอื่น. แล้วไปมีภรรยาใหม่, ก็ผิดประเวณี (และผู้ใดรับหญิงที่อย่าแล้วนั้นมาเป็นภรรยา, ก็ผิดประเวณีด้วย”) 10 พวกสาวกทูลพระองค์ว่า, “ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น. ไม่เป็นสามีภรรยากันเลยก็ดีกว่า.” 11 พระองค์ทรงตอบเขาว่า, “มิใช่ทุกคนจะรับประพฤติตามข้อนี้ได้. เว้นแต่ผู้ที่มีใจเหมาะกับข้อนี้เท่านั้น. 12 ด้วยว่าผู้ที่เกิดมาเป็นกะเทยแต่ครรภ์มารดาก็มี ผู้ที่มนุษย์กระทำให้เป็นขันทีก็มี ผู้ที่กระทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มีใครถือได้ก็ให้ถือเอาเถิด.” 13 ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆ มาหาพระองค์, เพื่อจะให้พระองค์ทรงวางพระหัตถ์อวยพระพร, เหล่าสาวกก็ห้ามปรามไว้. 14 ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า, “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา. อย่าห้ามเขาเลยเพราะว่าชาวแผ่นดินสรรค์ย่อมเป็นคนอย่างนั้น.” 15 เมื่อพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเขาแล้วก็เสด็จไปจากที่นั่น เศรษฐีหนุ่มมาทูลถามพระเยซู 16 มีคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า, “ท่านอาจารย์. ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใดจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?” 17 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า, “ท่านถามเราถึงความที่ดีทำไม? ผู้ที่ดีมีแต่ผู้เดียว แต่ถ้าท่านปรารถนาจะเข้าในชีวิต. ก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้.” 18 คนนั้นทูลถามว่า. “คือพระบัญญัติข้อใดเล่า?” พระเยซูตรัสว่า. “คือข้อที่ว่า. ‘อย่าฆ่าคน, อย่าล่วงประเวณี, อย่าลักทรัพย์, อย่าเป็นพะยานเท็จ, 19 จงนับถือบิดามารดาของตน,’ และ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง.’ ” 20 คนหนุ่มนั้นทูลพระองค์ว่า, “ข้อเหล่านั้นข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้แล้วทุกประการข้าพเจ้ายังขาดอะไรอีกบ้าง?” 21 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า. “ถ้าท่านปรารถนาเป็นผู้ดีรอบคอบ. จงไปขายบรรดสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา. ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์แล้วจงตามเรามา.” 22 เมื่อคนหนุ่มได้ยินถ้อยคำนั้นก็ออกไปเป็นทุกข์นัก. เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก ผู้ใดตามพระเยซูจะได้ชีวิตนิรันดร์ 23 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า. “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ก็ยาก. 24 เราบอกท่านทั้งหลายอีกว่า, ตัวอูษฎร์จะรอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า.” 25 ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ประหลาดใจมากจึงพูดว่า, “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้?” 26 ฝ่ายพระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวกและตรัสว่า, “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้, แต่พระเจ้าทรงกระทำได้สารพัตร.” 27 แล้วเปโตรทูลพระองค์ว่า, “นี่แหละ, ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละสิ่งสารพัตรติดตามพระองค์มา, พวกข้าพเจ้าจะได้อะไรบ้าง?” 28 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, คราวเมื่อสิ่งสารพัตรจะเปลี่ยนแปลงใหม่, และบุตรมนุษย์จะนั่งบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองนั้น, พวกท่านที่ได้ติดตามเรามาจะได้นั่งบนพระที่นั่งสิบสองที่พิพากษาพวกยิศราเอลสิบสองตระกูล. 29 ผู้ใดได้สละเรือนหรือพี่น้องชายหญิงหรือบิดามารดาหรือภรรยาบุตรและไร่นาเพราะนามของเรา, ผู้นั้นจะได้ผลรอยเท่า, และจะได้ชีวิตนีรันดร์เป็นมฤดกด้วย. 30 แต่มีหลายคนที่อยู่ข้างต้นจะต้องกลับไปอยู่ข้างปลาย, และที่อยู่ข้างปลายจะกลับไปอยู่ข้างต้น |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society