มัทธิว 16 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 พวกฟาริซายกับพวกซาดูกายได้มาทดลองพระองค์โดยขอสำแดงนิมิตต์ในท้องฟ้าให้เขาเห็น. 2 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า, (“ในเวลาเย็นเจ้าทั้งหลายพูดว่า. ‘รุ่งขึ้นอากาศจะโปร่งดีเพราะฟ้าสีแดง.’ 3 ในเวลาเช้าเจ้าพูดว่า. ‘วันนี้จะเกิดพายุฝนเพราะฟ้าแดงและมัว.’ ท้องฟ้านั้นเจ้าทั้งหลายยังอาจสังเกตรู้และเข้าใจได้แต่เครืองหมายแห่งเวลาปัจจุบันนี้เจ้ากลับไม่เข้าใจ.) 4 คนชาติชั่วคิดคดทรยศแสวงหานิมิตต์แต่จะไม่โปรดให้, เว้นไว้แต่เครื่องหมายของโยนาศาสดาพยากรณ์.” แล้วพระองค์ก็เสด็จไปจากเขา ระวังเชื้อพวกฟาริซาย 5 ฝ่ายพวกสาวกของพระองค์เมื่อข้ามฟากนั้นได้ลืมเอาขนมปังไปด้วย. 6 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า, “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริซายและพวกซาดูกายให้ดี.” 7 ฝ่ายพวกสาวกจึงพูดปรึกษากันด้วยเรื่องที่มิได้เอาขนมปังมา. 8 เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า, “โอคนมีความเชื่อน้อย, เหตุไฉนพวกท่านจึงพูดกันและกันถึงการที่มิได้เอาขนมปังมา? 9 ท่านยังไม่เข้าใจและจำไม่ได้หรือเรื่องขนมปังห้าอันกับคนห้าพันนั้น, ท่านเก็บที่เหลีอได้กี่กะบุง 10 หรือขนมปังเจ็ดอันกับคนสี่พันนั้นท่านเก็บที่เหลือได้กี่กะบุงใหญ่? 11 เป็นไฉนพวกท่านจึงไม่เข้าใจว่า, เรามิได้พูดกับท่านด้วยเรื่องขนมปัง, แต่ได้ว่าให้ระวังเชื้อแห่งพวกฟาริซายและพวกซาดูกายให้ดี?” 12 แล้วพวกสาวกก็เข้าใจว่า, พระองค์มิได้ตรัสสั่งเขาให้ระวังเชื้อขนมปัง, แต่ให้ระวังคำสอนของพวกฟาริซายและพวกซาดูกาย พระเยซูเป็นพระคริสต์ 13 ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตต์เมืองกายซาไรอาฟีลิปปอย. จึงตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า, “คนทั้งหลายย่อมพูดว่าบุตรมนุษย์เป็นผู้ใด?” 14 เขาจึงทูลตอบว่า, “ลางคนว่าเป็นโยฮันบัพติศโต ลางคนว่าเป็นเอลียา นอกนั้นว่าเป็นยิระมะยา, หรือเป็นคนหนึ่งแต่ในพวกศาสดาพยากรณ์.” 15 พระองค์ตรัสแก่เขาว่า. “ฝ่ายพวกท่านนี้ว่าเราเป็นผู้ใดเล่า?” 16 ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า. “พระองค์เป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.” 17 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า. “ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย. ท่านก็เป็นสุขเพราะว่าเนื้อและโลหิตมิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน, แต่พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ. 18 ฝ่ายเราว่าแก่ท่านว่า. ท่านคือเปโตร, บนศิลานี้เราจะตั้งคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งความตายจะมีชัยชะนะต่อคริสตจักรนั้นหามิได้. 19 เราจะมอบลุกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะผูกมัดสิ่งใดในแผ่นดินโลก. สิ่งนั้นก็จะถูกผูกมัดในสวรรค์ เมื่อท่านจะปล่อยสิ่งใดในแผ่นดินโลก. สิ่งนั้นก็จะถูกปล่อยในแผ่นดินสวรรค์ด้วย.” 20 แล้วพระองค์ทรงห้ามปรามพวกสาวกของพระองค์มิให้บอกผู้ใดว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ 21 ตั้งแต่เวลานั้นมาพระเยซูตรัสแก่พวกสาวกของพระองค์ว่า, พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงยะรูซาเลม, เพื่อจะรับความทนทุกข์ทรมานต่างๆ อย่างสาหัสจากพวกผู้เฒ่าและพวกปุโรหิตใหญ่และพวกอาลักษณ์. จนต้องถึงแก่ประหารซีวตแต่ในวันที่สามพระองค์จะเป็นขึ้นมาใหม่. 22 ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ทูลห้ามว่า. “พระองค์เจ้าข้า, ให้เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย.” 23 พระองค์จึงหันพระพักตรตรัสแก่เปโตรว่า, “ซาตาน, จงถอยไปข้างหลังเรา. เจ้าเป็นเหมือนก้อนหินที่ให้เราสะดุด เจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้าแต่ตามความคิดของมนษย์.” “ผู้ใดจะตามเรามา” 24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า. “ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา. ให้ผู้นั้นเอาชะนะตัวเองและรับกางเขนของตนแบกตามเรามา. 25 ด้วยว่าผู้ใดจะใคร่เอาชีวิตของตนรอด, ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา. ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด. 26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก, แต่ต้องเสียชีวิตของตนจะเป็นประโยชน์อะไร? หรือใครจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตของตน? 27 เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยรัศมีแห่งพระบิดาพร้อมกับพวกทูต, เวลานั้นจะพระราชทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการประพฤติของตน. 28 เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่. มีบางคนซึ่งยังจะไม่ชิมความตายกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์มาในแผ่นดินของท่าน.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society