มัทธิว 15 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940คนตาบอดจูงคนตาบอดไม่ได้ 1 ครั้งนั้นพวกอาลักษณ์และพวกฟาริซายออกจากกรุงยะรูซาเลมมาทูลถามพระเยซูว่า, 2 “เหตุไฉนพวกสาวกของท่านจึงละเมิดคำสอนของบรรพบุรุษ? ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร.” 3 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า, “เหตุไฉนพวกเจ้าจึงละเมิดบัญญัติของพระเจ้าด้วยคำสอนของพวกเจ้าเล่า? 4 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ว่า. ‘จงนับถือบิดามารดา,’ และ ‘ผู้ใดพูดหยาบช้าต่อบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย’ 5 แต่พวกเจ้าทั้งหลายว่า. ‘ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า, “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน, สิ่งนั้นเป็นของถวายแก่พระเจ้าแล้ว” ผู้นั้นจึงไม่ต้องนับถือบิดามารดาของตน.’ 6 อย่างนั้นแหละ เจ้าทั้งหลายทำลายพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยคำสอนของพวกเจ้า. 7 โอคนหน้าซื่อใจคด, ยะซายาได้พยากรถึงพวกเจ้าถูกแล้วว่า, 8 คนเช่นนี้นับถือเราด้วยริมฝีปาก, แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา. 9 เขาปฏิบัติเราโดยหาประโยชน์มิได้, ด้วยเอาคำของมนุษย์สอนว่าเป็นพระบัญญัติ. ” 10 แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนตรัสแก่เขาว่า, “จงฟังและเข้าใจเถิด. 11 มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปไนปากจะทำไห้มนุษย์เป็นมลทินแต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน.” 12 ขณะนั้นพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า, “พระองค์ทรงทราบแล้วหรือว่า, เมื่อพวกฟาริซายได้ยินคำนั้นเขาก็หมางใจ?” 13 พระองค์จึงตรัสตอบว่า, “ต้นไม้ใดๆ ทุกต้นซึ่งพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์มิได้ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย. 14 ช่างเขาเถิดเขาเป็นคนตาบอดจูงคนดาบอด. ถ้าคนตาบอดจูงคนตาบอดทั้งสองจะตกลงในบ่อ.” 15 ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า, “ขอพระองค์โปรดแสดงคำเปรียบนั้นให้พวกข้าพเจ้าทราบ.” 16 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า, “บัดนี้ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจหรือ 17 ท่านทั้งหลายยังไม่รู้หรือว่าสิ่งใดๆ ซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง, แล้วก็ถ่ายออกมาภายนอก? 18 แต่ว่าสิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาแต่ใจนั่นแหละเป็นที่ทำให้มนุษย์มลทินไป. 19 ด้วยว่าความคิดชั่วร้าย, การฆ่าคน, การผิดผัวเมียกัน, การเล่นชู้กัน, การลักขะโมยกัน, การเป็นพะยานเท็จ, การกล่าวคำหมิ่นประมาท, ก็ออกมาแต่ใจ 20 สิ่งเหล่านี้แหละทำให้มนุษย์มลทิน แต่ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อนไม่ได้ทำให้มลทิน.” คำขอของหญิงชาติคะนาอัน 21 แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่นเข้าในเขตต์แดนเมืองตุโรและเมืองซีโดน. 22 มีหญิงชาติคะนาอันคนหนึ่งมาจากเขตต์แดนเหล่านั้นร้องทูลพระองค์ว่า, “พระองค์ผู้บุตรดาวิดเจ้าข้า, ขอโปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด, ลูกสาวของข้าพเจ้ามีผีสิงอยู่เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก.” 23 ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว. และพวกสาวกของพระองค์มาทูลขอพระองค์ว่า, “ไล่เขาไปเสียเถิด เพราะเขาร้องตามเรามา.” 24 พระองค์ตรัสตอบว่า, “เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะชาติยิศราเอลที่หายไปนั้น.” 25 ฝ่ายหญิงนั้นก็กราบไหว้พระองค์ทูลว่า, “พระองค์เจ้าข้า, ขอโปรดช่วยข้าพเจ้าเถิด.” 26 พระองค์จึงตรัสตอบว่า, “ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร.” 27 ผู้หญิงนั้นทูลว่า, “จริงเจ้าค่ะ, แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน.” 28 แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า, “หญิงเอ๋ย, ความเชื่อของเจ้าก็มากให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้า.” และลูกสาวของเขาก็หายปกติตั้งแต่โมงนั้น 29 พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังฝั่งทะเลฆาลิลาย, แล้วเสด็จขึ้นภูเขาทรงประทับที่นั่น. 30 และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย, คนตาบอด, คนใบ้, คนเขยก, และคนเจ็บอื่นๆ หลายคนมาวางใกล้พระบาทของพระเยซู, แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย. 31 คนเหล่านั้นก็มีความอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้, คนเขยกหายปกติ, คนง่อยเดินได้, คนตาบอดเห็นได้, แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชาติยิศราเอล ทรงเลี้ยงสี่พันคน 32 ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มาตรัสว่า, “เรามีใจเมตตาคนเหล่านี้, ด้วยเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว, และเดี๋ยวนี้เขาไม่มีอะไรกิน. เราไม่พอใจให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่, กลัวว่าเขาจะหิวโหยตามทาง.” 33 พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ในป่านี้เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้?” 34 พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า, “ท่านมีขนมปังกี่อัน?” เขาทูลว่า, “มีเจ็ดอันกับปลาเล็กๆ สองสามตัว.” 35 พระองค์จึงรับสั่งให้คนเหล่านั้นนั่งลงที่ดิน 36 แล้วทรงรับเอาขนมปังเจ็ดอันและปลาเหล่านั้นขอบพระคุณเมื่อทรงหักแล้วจึงส่งให้พวกสาวกของพระองค์, พวกสาวกก็แจกให้แก่ทุกคน. 37 และเขาได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้นเขาเก็บได้เต็มเจ็ดกะบุงใหญ่. 38 ผู้ที่ได้รับประทานอาหารนั้นมีผู้ชายถึงสี่พันคน, มิได้นับผู้หญิงและเด็ก. 39 พระองค์ทรงสั่งให้คนเหล่านั้นไปแล้วก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตต์เมืองมัฆดาลา |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society