มัทธิว 14 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940เฮโรดใช้คนไปตัดศีรษะโยฮัน 1 ครั้งนั้นเฮโรดเจ้าเมืองได้ยินกิตติศัพท์ของพระเยซู 2 แล้วจึงกล่าวแก่พวกคนใช้ว่า, “ผู้นี้แหละเป็นโยฮันบัพติศโต, ท่านได้เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว, เหตุฉะนั้นท่านจึงทำการอิทธิฤทธิ์ได้.” 3 ด้วยว่าเฮโรดได้จับโยฮันมัดแล้วขังคุกไว้, เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียภรรยาของฟีลิปน้องชายของตน. 4 เหตุว่าโยฮันเคยทูลท่านว่า, “ท่านไม่ควรรับนางนั้นมาเป็นภรรยา.” 5 ครั้นเฮโรดจะฆ่าโยฮันก็กลัวประชาชน, ด้วยว่าเขาทั้งหลายนับถือโยฮันว่าเป็นศาสดาพยากรณ์. 6 แต่เมื่อวันพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษาของเฮโรด, บุตรีนางเฮโรเดียก็เต้นรำท่ามกลางที่ประชุมขุนนาง, ทำให้เฮโรดชอบพระทัย. 7 เหตุฉะนั้นเฮโรดจึงสัญญาโดยสาบานว่า, นางจะขอสิ่งใดๆ ก็จะให้สิ่งนั้น. 8 บุตรีก็ทูลตามที่มารดาได้สอนไว้ว่า, “ขอศีรษะโยฮันบัพติศโตใส่ถาดมาให้ข้าพเจ้าที่นี่.” 9 ฝ่ายเฮโรดก็เป็นทุกข์, แต่เพราะได้ปฏิญาณไว้ต่อหน้าที่ประชุมโต๊ะเสวยแล้ว, จึงออกคำสั่งอนุญาตให้, 10 แล้วก็ใช้คนไปตัดศีรษะโยฮันในคุก. 11 เขาจึงเอาศีรษะใส่ถาดมาให้, แล้วนางสาวนั้นก็เอาไปให้มารดาของตน. 12 ฝ่ายพวกศิษย์ของโยฮันก็มารับเอาศพไปฝังไว้, แล้วก็มาทูลพระเยซูให้ทรงทราบ ทรงเลี้ยงห้าพันคน 13 เมื่อพระเยซูได้ทรงทราบแล้วจึงลงเรือเสด็จไปจากที่นั่นจะเสด็จไปยังป่าที่สงัดและเมื่อประชาชนทั้งปวงได้ทราบ, เขาก็ออกจากเมืองต่างๆ เดินตามพระองค์ไป. 14 เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือ ก็ทรงเห็นประชาชนเป็นอันมาก, พระองค์มีพระทัยเมตตาเขาจึงได้ทรงรักษาคนป่วยให้หาย. 15 ครั้นเวลาเย็นแล้วพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า, “ตำบลนี้เป็นที่ป่ากันดาร, และบัดนี้ก็เย็นลงมากแล้ว, ขอบอกให้ประชาชนไป, เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามหมู่บ้าน.” 16 ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่พวกสาวกว่า, “ไม่ต้องให้เขาไปพวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด.” 17 พวกสาวกจึงทูลพระองค์ว่า, “พวกข้าพเจ้ามีขนมปังอยู่ที่นี่เพียงห้าอันกับปลาสองตัวเท่านั้น.” 18 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า, “เอามาให้เราที่นี่เถิด.” 19 แล้วพระองค์ทรงสั่งให้คนเหล่านั้นนั่งลงที่หญ้า. เมื่อได้รับขนมปังห้าอันกับปลาสองตัวนั้นแล้ว, พระองค์ทรงเงยพระพักตรดูฟ้าขอพร, และหักส่งให้แก่พวกสาวก, พวกสาวกก็แจกให้แก่คนทั้งปวง. 20 เขาได้กินอิ่มทุกคน, แล้วเก็บเศษอาหารที่ยังเหลือนั้นได้สิบสองกะบุงเต็ม. 21 ฝ่ายคนที่ได้รับประทานอาหารคราวนั้นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน, มิได้นับผู้หญิงและเด็ก เปโตรเดินบนน้ำ 22 ขณะเมื่อพระองค์กำลังให้ประชาชนเหล่านั้นไป, ในประเดี๋ยวนั้นพระเยซูตรัสสั่งพวกสาวกให้ลงเรือข้ามฟากไปก่อน 23 และเมื่อให้คนเหล่านั้นไปหมดแล้ว, พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาที่สงัดเพื่อจะอธิษฐาน. ครั้นพลบค่ำแล้วพระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่นผู้เดียว. 24 แต่ขณะนั้นเรือถูกคลื่นโคลงอยู่กลางทะเลเพราะคลื่นลมจัดต้านหน้าไว้. 25 ครั้นถึงยามสามพระเยซูก็ได้เสด็จดำเนินบนทะเลมาหาเขา. 26 เมื่อพวกสาวกเห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเล, เขาก็ตกใจคิดว่าเป็นผีเขาจึงร้องอื้ออึงขึ้นเพราะความกลัว. 27 ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “จงชื่นใจเถิด, คือเราเอง, อย่ากลัวเลย.” 28 ฝ่ายเปโตรจึงทูลพระองค์ว่า, “พระองค์เจ้าข้า, ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์.” 29 พระองค์ตรัสว่า, “มาเถิด.” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำจะไปหาพระเยซู. 30 แต่เมื่อเห็นลมพัดแรงก็กลัวและเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า, “พระองค์เจ้าข้า, ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด.” 31 ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้แล้วตรัสว่า, “โอคนมีความเชื่อน้อย, เจ้าสงสัยทำไม?” 32 เมื่อพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว, ลมก็สงบ. 33 เขาทั้งหลายที่อยู่ในเรือจึงมากราบไหว้พระองค์ทูลว่า, “แท้จริงพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า.” 34 ครั้นเขาข้ามฟากแล้วก็มาถึงเขตต์แดนเฆ็นเนซาเร็ต. 35 เมื่อคนในตำบลนั้นรู้จักพระองค์แล้วก็ใช้คนไปทั่วแว่นแคว้นนั้น, และให้พาบรรดาคนโรคต่างๆ มาเฝ้าพระองค์. 36 เขาทูลขอพระองค์อนุญาตให้เขาถูกต้องแต่พู่ห้อยเสื้อของพระองค์เท่านั้นและเมื่อผู้ใดได้ถูกต้องแล้ว, ผู้นั้นก็หายโรค |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society