มัทธิว 12 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940บุตรมนุษย์เป็นเจ้าแห่งวันซะบาโต 1 ต่อนั้นมาพระเยซูเสด็จไปในนาข้าวในวันซะบาโต, และพวกศิษย์ของพระองค์หิวจึงเด็ดเอารวงข้าวมากิน. 2 เมื่อพวกฟาริซายเห็นแล้วจึงทูลพระองค์ว่า, “ดูเถอะ, ศิษย์ของท่านทำการซึ่งไม่ควรจะทำในวันซะบาโต.” 3 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า, “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านหรือว่าดาวิดได้กระทำอย่างไรเมื่อท่านกับพรรคพวกกำลังหิว? 4 ท่านได้เข้าไปในโบสถ์ของพระเจ้ากินขนมซึ่งตั้งถวาย, ที่ไม่ควรท่านหรือพรรคพวกจะกิน, ควรแต่ปุโรหิตพวกเดียว. 5 หรือท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านในพระบัญญัติที่ว่าพวกปุโรหิตในโบสถ์ย่อมผิดวันซะบาโตแต่ไม่มีโทษ? 6 แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า, ที่นี่มีผู้หนึ่งเป็นใหญ่กว่าโบสถ์อีก. 7 ถ้าท่านทั้งหลายได้เข้าใจความในข้อนี้ซึ่งว่า, เราประสงค์ความเมตตา, แต่มิได้ประสงค์เครื่องบูชา, ท่านก็คงจะไม่ได้ปรับโทษคนที่ไม่มีความผิด. 8 เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าแห่งวันซะบาโต.” ควรทำการดีในวันซะบาโต 9 แล้วพระองค์ได้เสด็จไปจากที่นั่นและเข้าไปในธรรมศาลาของเขา. 10 มีคนมือลีบอยู่ที่นั่นคนหนึ่ง. แล้วเขาทั้งหลายถามพระองค์ว่า, “ควรจะรักษาโรคในวันซะบาโตหรือไม่?” เพื่อเขาจะหาเหตุฟ้องพระองค์ได้. 11 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า, “มีผู้ใดในพวกท่าน, ถ้ามีแกะตัวเดียวและแกะตัวนั้นตกบ่อในวันซะบาโต, เขาจะไม่ฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นหรือ 12 ฝ่ายมนุษย์คนหนึ่งก็ประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากเท่าใดเหตุฉะนั้นจึงสมควรจะทำการดีในวันซะบาโต.” 13 แล้วพระองค์ตรัสแก่คนนั้นว่า, “จงเหยียดมือออก.” เขาก็เหยียดมือออกและมือนั้นก็หายปกติเหมือนมืออีกข้างหนึ่ง. 14 ฝ่ายพวกฟาริซายก็ออกไปปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรจึงจะกำจัดพระองค์ได้ 15 แต่พระเยซูทรงทราบจึงได้เสด็จออกไปจากที่นั่น. และชนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป. พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หายโรคสิ้นทุกคน 16 แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเขามิให้บอกผู้ใดให้รู้ว่าเป็นพระองค์ 17 เพื่อคำของยะซายาศาสดาพยากรณ์จะสำเร็จซึ่งว่า, 18 นี่แน่ะ บุตรของเราซึ่งได้เลือกไว้เป็นที่รักและที่ชอบใจของเราเราจะตั้งวิญญาณของเราสวมทับท่าน, แล้วท่านจะกล่าวพิพากษาชนต่างประเทศ. 19 ท่านจะไม่ทะเลาะวิวาทกัน, ไม่กล่าวขึ้นเสียงดัง, ไม่มีใครจะได้ยินสำเนียงของท่านตามถนนหลวง 20 ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก, ไส้ตะเกียงเป็นควันจวนดับแล้วท่านจะไม่ดับ, กว่าท่านจะได้นำความชอบธรรมให้มีชัยชะนะ 21 และนามของท่านจะเป็นที่หวังของชนต่างประเทศ ทรงขับผีด้วยอำนาจพระวิญญาณ 22 ขณะนั้นเขาพาคนหนึ่งมีผีสิงอยู่ทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์. พระองค์ทรงรักษาให้หายคนใบ้นั้นจึงพูดได้เห็นได้. 23 และคนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจถามกันว่า, “คนนี้เป็นบุตรดาวิดมิใช่หรือ” 24 แต่พวกฟาริซายเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า, “ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้ฤทธิ์เบละซะบูลนายผีทั้งหลายนั้น.” 25 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสแก่เขาว่า, “แผ่นดินใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้วก็คงพินาศเมืองใดๆ เรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้วจะยั่งยืนอยู่ไม่ได้ 26 และถ้าซาตานขับซาตานออก, มันก็แก่งแย่งกันระหว่างมันเองแล้วแผ่นดินของมันจะยั่งยืนอย่างไรได้? 27 และถ้าเราเคยขับผีออกโดยเบละซะบูล, พวกพ้องของท่านทั้งหลายเคยขับมันออกโดยฤทธิ์ของใครเล่า? เหตุฉะนั้นพวกพ้องของท่านเองจะเป็นผู้ตัดสินได้. 28 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า, แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว. 29 หรือใครจะเข้าในเรือนของคนมีกำลังมากและปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้, เว้นแต่จะจับคนมีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อนแล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้. 30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อสู้เรา, และผู้ใดไม่ส่ำสมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป. 31 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า, ความผิดและคำหมิ่นประมาททุกอย่างจะทรงโปรดยกให้มนุษย์ได้. เว้นแต่คำหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้. 32 ผู้ใดจะกล่าวคำขัดขวางบุตรมนุษย์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นได้ แต่ถ้าผู้ใดจะกล่าวขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์, จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ทั้งโลกนี้โลกหน้า. 33 ให้เข้าใจเถอะว่าต้นและผลต้องดีด้วยกันหรือชั่วด้วยกัน เพราะว่าจะรู้จักต้นไม้ได้ด้วยผลของมัน. 34 โอชาติงูร้าย, เจ้าที่เป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีอย่างไรได้? ด้วยว่าใจเต็มบริบูรณ์ด้วยอะไรปากก็พูดอย่างนั้น. 35 คนดีก็เอาของดีมาจากคลังดีแห่งใจของเขาคนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังชั่วแห่งใจของเขา. 36 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า, คำที่ไม่เป็นสารทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น, เขาจะต้องให้การด้วยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา. 37 เหตุว่าที่ท่านจะพ้นโทษได้, หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น, ก็เพราะวาจาของท่าน.” นิมิตต์ของโยนา 38 คราวนั้นมีบางคนในพวกอาลักษณ์และพวกฟาริซายมาทูลพระองค์ว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, ข้าพเจ้าอยากจะเห็นนิมิตต์จากท่าน.” 39 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า, “คนชาติชั่วและคิดคดทรยศแสวงหาแต่นิมิตต์, และจะไม่โปรดให้นิมิตต์แก่เขา, เว้นไว้แต่นิมิตต์ของโยนาศาสดาพยากรณ์. 40 ด้วยว่าโยนาได้อยู่ในท้องปลาวาฬสามวันสามคืนฉันใด, บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น. 41 ชนชาวนีนะเวจะยืนขึ้นกล่าวโทษคนสมัยนี้ในวันพิพากษาด้วยว่าชาวนีนะเวได้กลับใจเสียใหม่เพราะคำประกาศของยนาและนี่แน่ะ มีผู้ใหญ่กว่าโยนาอยู่ที่นี่. 42 นางกษัตริย์ฝ่ายทิศใต้จะยืนขึ้นกล่าวโทษคนสมัยนี้ในวันพิพากษาด้วยว่าพระนางนั้นได้มาแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะได้ฟังสติปัญญาของซะโลโมและนี่แน่ะ มีผู้ใหญ่กว่าซะโลโมอยู่ที่นี่. 43 เมื่อผีร้ายออกมาจากผู้ใดแล้ว, มันก็เที่ยวไปทั่วบรรดาที่กันดารแสวงหาที่หยุดพักแต่ไม่พบ. 44 แล้วมันว่า, ‘ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้าที่ได้ออกมานั้น.’ และเมื่อมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่างกวาดและตกแต่งไว้แล้ว. 45 มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเอง, แล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่นและเวลาข้างปลายของคนนั้นก็ชั่วร้ายกว่าเวลาข้างต้น. ชนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ.” 46 เมื่อพระองค์ยังตรัสแก่ประชาชนอยู่, มารดาและน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ภายนอกหาโอกาสจะสนทนากับพระองค์. 47 (แล้วมีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า, “พระองค์เจ้าข้า, มารดาและน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกหาโอกาสที่จะสนทนากับพระองค์.”) 48 พระองค์จึงตรัสแก่ผู้ที่มาทูลนั้นว่า, “ใครเป็นมารดาของเรา? ใครเป็นพี่น้องของเรา?” 49 แล้วพระองค์ทรงชี้พระหัตถ์ไปตรงพวกสาวกของพระองค์ตรัสว่า, “นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา 50 ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์, ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society