มัทธิว 11 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 เมื่อพระเยซูตรัสสั่งสาวกสิบสองคนของพระองค์เสร็จแล้ว, พระองค์ได้เสด็จจากที่นั่นไปสั่งสอนและเทศนาในบ้านเมืองของเขา 2 ฝ่ายโยฮันเมื่อติดอยู่ในเรือนจำได้ยินถึงกิจการแห่งพระคริสต์, ก็ได้ใช้ศิษย์ไป 3 ทูลถามพระองค์ว่า, “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ, หรือจะต้องคอยผู้อื่น?” 4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า, “จงไปแจ้งแก่โยฮันซึ่งท่านได้ยินและเห็น 5 คือว่าคนตาบอดก็เห็นได้, คนง่อยก็เดินได้, คนโรคเรื้อนก็หายสะอาด, คนหูหนวกก็ยินได้, คนตายแล้วก็เป็นขึ้นมา, และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา. 6 บุคคลผู้ใดไม่สะดุดกะดากเพราะเราก็เป็นสุข.” ท่านเข้าไปดูอะไรในป่า 7 ครั้นศิษย์เหล่านั้นไปแล้ว, พระเยซูตรัสแก่ชนเหล่านั้นถึงโยฮันว่า, “ท่านทั้งหลายได้เข้าไปดูอะไรในป่า? ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ 8 แต่ท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร? ดูคนนุ่งห่มผ้าอ่อนนิ่มหรือนี่แน่ะ, คนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในราชวัง. 9 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร? ดูศาสดาพยากรณ์หรือแท้จริงเราบอกท่านว่า, ประเสริฐยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์อีก, 10 คือโยฮันนี้แหละที่พระคัมภร์กล่าวถึงว่า, นี่แน่ะ เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน, ทูตนั้นจะจัดเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าท่าน. 11 เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ในบรรดาคนซึ่งบังเกิดมานั้น, ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่าโยฮันบัพติศโต, แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยในแผ่นดินสวรรค์ก็ใหญ่กว่าโยฮันอีก. 12 และตั้งแต่โยฮันบัพติศโตมาถึงทุกวันนี้, แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่ต้องชิงเอา, และผู้ที่มีใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้. 13 เพราะว่าบรรดาคำพยากรณ์และพระบัญญัติทั้งหลายได้กล่าวสอนมาจนถึงโยฮันนี้. 14 ถ้าท่านทั้งหลายพอใจรับ, ก็โยฮันนี้แหละเป็นเอลียาซึ่งจะมานั้น. 15 ใครมีหูจงฟังเถิด 16 “คนสมัยนี้เราจะเปรียบเหมือนกับอะไร? เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาดร้องแก่เพื่อนว่า, 17 ‘เราได้เป่าปี่ให้เจ้า, และเจ้ามิได้เต้นรำเราได้พิลาปร่ำไร, และเจ้ามิได้ตีอกร้องไห้.’ 18 ด้วยว่าโยฮันมาก็ไม่ได้กินหรือดื่ม, และเขาว่า. ‘มีผีสิงอยู่.’ 19 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม, เขาก็ว่า. ‘นี่เป็นคนกินเติบและดื่มน้ำองุ่นมาก, เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่สติปัญญาก็ได้พ้นซึ่งกล่าวโทษเพราะกิจการแห่งสติปัญญานั้น.” ทรงติเตียนเมืองต่างๆ 20 แต่นั้นมาพระองค์ก็ทรงตั้งต้นติเตียนเมืองต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำการอิทธิฤทธิ์มากกว่าที่อื่นนั้น, เพราะเขามิได้กลับใจเสียใหม่ 21 “วิบัติแก่เจ้า, เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้า, เมืองเบธซายะดา ด้วยว่าถ้าการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้กระทำในท่ามกลางเจ้าได้กระทำในเมืองตุโรและเมืองซีโดน, เขาคงได้นุ่งห่มผ้าหยาบนั่งขี้เท่ากลับใจเสียใหม่นานมาแล้ว. 22 แต่เราบอกเจ้าว่า, ในวันพิพากษาโทษเมืองตุโรและเมืองซีโดนจะเบากว่าโทษของเจ้า. 23 และฝ่ายเจ้าเมืองกัปเรนาอูม, เจ้าจะถูกยกขึ้นเทียมฟ้าหรือมิได้เจ้าจะต้องลงไปถึงเมืองผีต่างหาก. ด้วยว่าการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้กระทำในท่ามกลางเจ้านั้น, ถ้าได้กระทำในเมืองซะโดม, เมืองนั้นคงได้ตั้งอยู่จนทุกวันนี้. 24 แต่เราบอกเจ้าว่า, ในวันพิพากษาโทษเมืองซะโดมจะเบากว่าโทษของเจ้า.” 25 ขณะนั้นพระเยซูจึงทูลว่า, “โอพระบิดา, พระองค์เป็นเจ้าของฟ้าและแผ่นดินข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์เพราะว่าพระองค์ได้ทรงซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด, แต่ได้สำแดงไห้ลูกอ่อนรู้. 26 โอพระบิดาเจ้าข้า, ที่เป็นดังนั้นก็เพราะพระองค์ทรงเห็นชอบ. 27 พระบิดาได้ทรงมอบสารพัตรให้แก่ข้าพเจ้าและไม่มีผู้ใดรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา, หรือไม่มีผู้ใดรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร, กับผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้. 28 บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา, และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข. 29 จงเอาแอกของเราแบกไว้, แล้วเรียนจากเรา, เพราะว่าใจเราอ่อนสุภาพ, และท่านทั้งหลายจะได้ความสุขสำราญในใจของตน. 30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ, และภาระของเราก็เบา.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society