ลูกา 9 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน, แล้วจึงประทานอำนาจให้เขาบังคับผีต่างๆ และรักษาโรคต่างๆ ให้หาย. 2 แล้วพระองค์ใช้เขาไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า, และรักษาคนป่วยเจ็บทั้งหลายให้หาย. 3 พระองค์จึงสั่งเขาว่า, “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง, เช่นไม้เท้า, หรือย่าม, หรืออาหาร, หรือเงิน, หรือเสื้อคนละสองตัว, 4 และถ้าเข้าไปในเรือนไหน. ก็จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้นจนกว่าจะไป. 5 ผู้ใดไม่รับพวกท่าน. เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น, จงสะบัดผงคลีดินจากเท้าของท่านให้เป็นพะยานต่อเขา. 6 เหล่าสาวกจึงออกไปทั่วตลอดบ้านเมืองประกาศกิตติคุณ. และรักษาคนป่วยเจ็บทุกแห่งให้หาย 7 ฝ่ายเฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำนั้น จึงคิดสงสัยมาก, เพราะลางคนว่าโยฮันเป็นขึ้นมาจากตาย. 8 ลางคนว่าเป็นเอลียามาปรากฏ, คนอื่นว่าเป็นศาสดาพยากรณ์โบราณกลับเป็นขึ้นมาอีก. 9 เฮโรดจึงว่า, “โยฮันนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว. แต่คนนี้ที่เราได้ยินเหตุการณ์ของเขาอย่างนี้คือผู้ใดเล่า?” แล้วเฮโรดจึงหาโอกาสจะเห็นพระองค์ เรื่องขนมปังห้าอันกับปลาสองตัว 10 ครั้นอัครสาวกกลับมาแล้ว. เขาทูลพระองค์ถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น. พระองค์จึงพาเขาไปถึงที่ว่างคนในแขวงเมืองที่เรียกว่าเบธซายะดา. 11 แต่เมื่อประชาชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป. พระองค์ทรงต้อนรับเขา ตรัสสั่งสอนเขาถึงแผ่นดินของพระเจ้า. และทุกคนที่ต้องการให้หายโรคพระองค์ก็ทรงรักษาให้. 12 ครั้นถึงเวลาบ่ายแล้ว, สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า, “ขอให้ประชาชนไปตามบ้านไร่บ้านนาที่อยู่รอบ หาที่พักนอนและซื้ออาหารกิน, เพราะที่เราอยู่นี้เป็นป่ากันดาร.” 13 แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า. “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด.” เขาทูลว่า, “เราไม่มีอะไรมาก, มีแต่ขนมปังห้าอันกับปลาสองตัว, เว้นเสียแต่เราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนทั้งปวงนี้.” 14 เพราะว่าคนเหล่านั้นนับแต่ผู้ชายประมาณได้ห้าพันคน. พระองค์จึงสั่งเหล่าสาวกของพระองค์ว่า. “จงให้คนทั้งปวงนั่งลงเป็นหมู่ๆ, หมู่ละห้าสิบคน.” 15 เขาก็กระทำตาม, คือให้คนทั้งปวงนั่งลง. 16 พระองค์จึงทรงรับขนมปังห้าอันกับปลาสองตัวนั้น, แหงนพระพักตรดูท้องฟ้าขอพร, แล้วหักส่งให้แก่เหล่าสาวก, ให้เขาแจกแก่ประชาชน. 17 คนทั้งปวงก็กินอิ่มทุกคน, แล้วเขาเก็บเดนที่เหลือนั้นได้สิบสองกะบุงเต็ม “พระองค์เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” 18 เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ต่างหาก, เหล่าสาวกอยู่กับพระองค์พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า, “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด?” 19 เหล่าสาวกทูลตอบว่า, “เขาว่าเป็นโยฮันบัพติศโต ลางคนว่าเป็นเอลียา แต่คนอื่นว่าเป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์โบราณเป็นขึ้นมาใหม่.” 20 พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า, “ฝ่ายพวกท่านนี้เล่าว่าเราเป็นผู้ใด?” เปโตรทูลตอบว่า, “พระองค์เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า.” 21 พระองค์จึงกำชับสั่งเขามิให้บอกความนี้แก่ผู้ใด. 22 และตรัสว่า. “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ และพวกผู้เฒ่า, พวกปุโรหิต, และพวกอาลักษณ์จะละทิ้งและฆ่าท่านเสีย, และวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นใหม่.” 23 พระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า, “ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา, ให้ผู้นั้นเอาชะนะตัวเอง และรับกางเขนของตนทุกวัน แบกตามเรามา. 24 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตของตนรอด, ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา, ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด. 25 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียตัวของตนเอง. ผู้นั้นจะได้ประโยชนอะไร? 26 เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา, บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น. เมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีของพระองค์เอง, ของพระบิดา, และของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์. 27 แต่เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, มีลางคนที่ยืนอยู่ที่นี่, ซึ่งยังจะไม่ชิมความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า.” วรรณพระพักตรของพระองค์ที่เปลี่ยนไป 28 ภายหลังพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน, พระองค์จึงพาเปโตร, โยฮัน. และยาโกโบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน. 29 เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตรของพระองค์ก็เปลี่ยนไป. และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ. 30 นี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์, คือโมเซและเอลียา, 31 ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี, และกล่าวถึงความมรณาของพระองค์ซึ่งจะสำเร็จในกรุงยะรูซาเลม. 32 ฝ่ายเปโตรและคนที่อยู่ด้วยนั้นก็ง่วงเหงาหาวนอน. แต่เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้ว เขาก็ได้เห็นรัศมีของพระองค์. และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์. 33 เมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์, เปโตรจึงทูลพระเยซูว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดีให้เราทำพลับพลาสามหลัง, สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง, สำหรับโมเซหลังหนึ่ง, สำหรับเอลียาหลังหนึ่ง.” เปโตรไม่รู้สึกตัวว่าได้พูดอะไร. 34 เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้, มีเมฆมาปกคลุมเขาไว้, และเมื่ออยู่ในเมฆนั้นเขาก็กลัว. 35 มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า, “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา, เป็นผู้ถูกเลือกสรรไว้ จงฟังท่านเถิด.” 36 เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว, พระเยซูสถิตอยู่องค์เดียว. เขาทั้งสามก็นิ่งอยู่, และในกาลครั้งนั้นเขามิได้บอกเหตุการณ์ซึ่งเขาได้เห็นแก่ผู้ใด ทรงขับผีโสโครก 37 ครั้นรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว. มีคนมากมายมาพบพระองค์. 38 นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้นร้องว่า. “อาจารย์เจ้าข้า. ขอพระองค์ทรงโปรดดูบุตรของข้าพเจ้า. เพราะว่าข้าพเจ้ามีบุตรคนเดียว 39 และนี่แน่ะ ผีสิงเขาอยู่. ประเดี๋ยวก็โห่ร้อง. ประเดี๋ยวก็ทำให้เด็กนั้นชักดิ้นนํ้าลายฟูมปาก. ประเดี๋ยวทำให้ตีอกชกตัวให้ฟกช้ำ. ไม่ใคร่ออกจากเขาเลย. 40 ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์ให้ขับมันออกเสีย. แต่เขากระทำไม่ได้.” 41 พระเยซูตรัสตอบว่า, “โอคนมีความเชื่อน้อยและทิฏฐิชั่ว, เราจะอดทนอยู่กับเจ้านานเท่าใด? จงพาบุตรของเจ้ามาที่นี่เถิด.” 42 เมื่อเด็กนั้นกำลังมา, ผีก็ทำให้เขาล้มซักดิ้นใหญ่. แต่พระเยซูทรงขับผีโสโครกนั้นและรักษาเด็กให้หาย, แล้วส่งคืนให้บิดาเขา. 43 คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่, เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำนั้น. พระองค์จึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า, 44 “ท่านทั้งหลายจงให้คำเหล่านี้เข้าหูของท่าน, เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องมอบไว้ในมือคนทั้งหลาย. 45 แต่คำนั้นเหล่าสาวกหาได้เข้าใจไม่, เพราะซ่อนปิดไว้จากเขาเพื่อเขาจะไม่ได้เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าถามพระองค์ถึงคำนั้น 46 แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่าในพวกเขาใครจะเป็นใหญ่. 47 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดในใจของเขา, จึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้พระองค์, 48 แล้วตรัสแก่เขาว่า, “ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา, ผู้นั้นก็ได้รับเรา และผู้ใดได้รับเรา. ผู้นั้นก็ได้รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลายผู้ใดเป็นผู้น้อย. ผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่.” 49 ฝ่ายโยฮันทูลพระองค์ว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, พวกข้าพเจ้าได้เห็นผู้หนึ่งขับผีออกในนามของพระองค์. และข้าพเจ้าได้ห้ามเขาเสีย, เพราะเขาไม่ตามพวกข้าพเจ้ามา.” 50 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “อย่าห้ามเขาเลย, เพราะว่าผู้ใดไม่เป็นฝ่ายต่อสู้ท่านก็เป็นฝ่ายท่านแล้ว.” ทรงตั้งพระพักตรแน่วไปยังกรุงยะรูซาเลม 51 ครั้นจวนเวลาที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป, พระองค์ทรงตั้งพระพักตรแน่วไปยังกรุงยะรูซาเลม, 52 และพระองค์ทรงใช้ทูตล่วงหน้าไม่ก่อน เขาก็เข้าไปในบ้านแห่งหนึ่งของชาวซะมาเรียเพื่อจะเตรียมไว้สำหรับพระองค์. 53 ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์, เพราะพระพักตรของพระองค์เหมือนจะตรงแน่วไปยังกรุงยะรูซาเลม. 54 เมื่อสาวกของพระองค์คือยาโกโบและโยฮันได้เห็นดังนั้น. เขาทูลพระองค์ว่า, “พระองค์เจ้าข้า, พระองค์พอพระทัยจะให้ข้าพเจ้าเรียกไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเขาเสียหรือ” 55 แต่พระองค์ทรงเหลียวกลับห้ามปรามเขา. 56 แล้วพระองค์กับเหล่าสาวกก็เข้าไปที่ตำบลบ้านอื่น 57 เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกกำลังเดินทางไป, มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า, “พระองค์จะเสด็จไปไหนข้าพเจ้าจะตามไปด้วย.” 58 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง, และนกในอากาศก็ยังมีรัง, แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ.” 59 พระองค์ตรัสแก่อีกคนหนึ่งว่า. “จงตามเรามาเถิด.” คนนั้นจึงทูลตอบว่า, “พระองค์เจ้าข้า. ขอโปรดให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าก่อน.” 60 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า, “ให้คนตายฝังคนตายเองเถิด แต่ท่านจงไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า.” 61 อีกคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า, “พระองค์เจ้าข้า, ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป, แต่ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปลาคนที่อยู่ในบ้านของข้าพเจ้าก่อน.” 62 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “ผู้ใดเอามือจับคันไถแล้วหันหน้ากลับเสีย, ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า.” |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society